บทที่597 ยาคุมฉุกเฉิน
ด้านรถของหานมู่จื่อเมื่อวิ่งปรี่ออกไปแล้ว เธอก็ยังคงรักษาความเร็วอยู่ ด้วยกลัวว่ากลุ่มคนด้านหลังจะตามมาอีก
“ชะลอความเร็วลงหน่อย เดี๋ยวเลี้ยวไฟแดงหน้า”
“แล้วยังไงต่อ? ”
“จากนั้นก็จอดรถ รอฉันอยู่ที่แยกนั้นแหละ”
หานมู่จื่อทำตามที่เขาบอก จนกระทั่งจอดรถลงแล้วนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก
เมื่อแบมือขึ้นมาจึงพบว่าฝ่ามือของเธอนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าขาวซีดก็ยิ้มขึ้นมา
ไม่มีความกล้าหาญเลยจริงๆ เรื่องเล็กๆ แค่นี้ก็หวาดกลัวจนเป็นขนาดนี้ ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะเย่โม่เซินหล่ะก็เธอจะทำยังไง?
เมื่อคิดได้เท่านี้ หานมู่จื่อก็ปิดเปลือกตาลง ใช้มือเช็ดเหงื่อจากหน้าผาก
ก๊อก ก๊อก—
ตอนนั้นเองก็มีคนมาเคาะกระจกรถ ด้วยความยังอยู่ในอาการช๊อก ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะ เธอก็ขนลุกชันขึ้นทันที
พอเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นร่างของคนที่อยู่ข้างรถแล้ว หานมู่จื่อก็โล่งใจขึ้นมา
พอเธอเปิดล็อก เย่โม่เซินก็เปิดประตูรถ ก้มมองเธอ
“ไม่ออกมาเหรอ? ”
เมื่อเห็นเย่โม่เซินใกล้ๆ หานมู่จื่อก็ตอบเสียงสั่น “ฉะ ฉัน…..”
“ตกใจเหรอ? ” เย่โม่เซินหรี่ตาลงน้อยๆ มองเห็นผมของเธอเปียกชุ่ม หน้าผากอาบไปด้วยเหงื่อ
เมื่อเห็นแบบนี้ เขาก็เอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อที่หน้าผากแทนเธอทันที
“ออกมาสูดอากาศมา”
เขายกมือขึ้นจับแขนของหานมู่จื่อ หานมู่จื่อก็ลุกออกมาตามแรงของเขา ขาของเธออ่อนแรง ทำให้เมื่อลงจากรถก็ล้มลงไปด้านหน้าซึ่งตกลงไปที่อ้อมแขนของเย่โม่เซินพอดิบพอดี
ความหวานเติมเต็มในหัวใจ เย่โม่เซินยกมือขึ้นกอดเอวของเธอเอาไว้ ก่อนจะกึ่งกอดกึ่งเดินพาเธอไปที่ร้านกาแฟใกล้ๆ
หานมู่จื่อด้วยเพราะไม่มีแรงกำลัง ดังนั้นจึงถูกเย่โม่เซินกอดพยุงมายังร้านกาแฟ เมื่อออกมาแล้ว อากาศข้างนอกบริสุทธิ์โล่งสบายมากกว่าในรถมาก เย่โม่เซินสั่งนมร้อนแก้วหนึ่งให้เธอดื่ม
อาจจะเพราะถูกทำให้ช็อก หานมู่จื่อจึงหยิบถ้วยขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา
“ค่อยๆ ดื่มนะ” เย่โม่เซินยกมือขึ้นมา ช่วยเธอพยุงแก้ว และใช้มืออีกข้างลูบหลังของเธอเบาๆ ราวกับกำลังกล่อมเด็กด้วยเสียงอ่อนโยนอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อคนในร้านกาแฟเห็นภาพนี้เข้า ก็อดไม่ได้ที่จะมองเข้ามาด้วยความแปลกประหลาดใจ
หานมู่จื่อน่าจะถูกทำให้กลัวมากจริงๆ เมื่อดื่มน้ำร้อนเสร็จแล้ว สติของเธอค่อยๆ คืนกลับมา เมื่อมองไปรอบด้าน เธอก็หลับตาลง: “ที่นี่คนเยอะเกินไปแล้ว ฉันอยากกลับแล้วหล่ะ”
เย่โม่เซินจิบปาก ก่อนพยักหน้า
“ได้สิ”
ชั่ววินาทีต่อมา เขาก็เดินขึ้นไปอุ้มเธอในท่าเจ้าหญิง จากนั้นก็พาเดินออกจากร้านกาแฟไป
การกระทำของเขาผ่านสายตาของคนอื่นๆ แต่เย่โม่เซินก็ไม่สนใจ เขาอุ้มเธอมาวางไว้ที่ที่นั่งข้างคนขับ จากนั้นก็คาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ
เสร็จแล้ว เย่โม่เซินก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “ตอนนี้เธอจะตระหนักถึงอันตรายที่ฉันบอกได้แล้วหรือยัง? ต่อไปนี้เธอจะยังกล้าออกไปไหนมาไหนคนเดียวอีกไหม”
หานมู่จื่อ : “……..”
เขาเดินไปนั่งขับรถอีกด้าน หานมู่จื่อก็พิงพนักปิดตาไปด้วยความอ่อนล้า
ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้รู้สึกปลอดภัยแต่อย่างใดเลย แต่ตอนนี้เธอมีเย่โม่เซินอยู่ข้างกายแล้ว เธอจึงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา
รู้สึกได้เลยว่าไม่ว่าจะอันตรายอีกมากขนาดไหน เพียงแค่เย่โม่เซินอยู่ด้วย เขาก็จะปกป้องเธอไม่ให้เธอเป็นอะไร
ผู้ชายคนนี้ ช่างทำให้คนทั้งรักทั้งเกลียดได้ดีจริงๆ
เธอไม่อยากจะยุ่งกับเขาอีก แต่ในตอนที่เธอต้องการใครสักคนเขาจะปรากฏตัวเสมอ มันทำให้หัวใจของเธอพองโต
ราวกับช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอไม่อาจจะมีเหตุผลที่จะปฏิเสธได้
แล้วก็….ปฏิเสธไม่ได้ด้วย
รถถูกขับออกไปเรื่อยๆ ในขณะที่ความคิดของหานมู่จื่อลอยล่องไปไกล ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไป
และในห้องนิทรานั้นหานมู่จื่อก็ฝัน
ในฝันมันเหมือนกับที่เธอเพิ่งประสบมาไม่มีผิด เธอถูกคนขับรถสะกดรอยตาม เธอตกใจมากพยายามขับรถไปรอบเมืองเพื่อจะสลัดคนสะกดรอยตามให้หลุดไป
แต่รถที่ตามเธอนั้นกวดตามอย่างไม่ลดละ จนแทบจะจิ้มก้นรถของเธอได้อยู่แล้ว
หานมู่จื่อเหยียบคันเร่ง ให้รถพุ่งปรี่ออกไป รถคันหลังก็ตามเธอมาอย่างรวดเร็วราวกับจรวด
โครม!
หานมู่จื่อลืมตาขึ้นทันที ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องที่คุ้นเคย
เมื่อกี้เป็นความฝันอย่างนั้นเหรอ?
แต่ทำไมมันถึงได้เหมือนจริงแบบนั้น
ราวกับมันจะเป็นเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
หานมู่จื่อยันตัวขึ้นนั่ง หันสายตาไปสนกับดวงตาเย็นชาคู่หนึ่ง
เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาแบบนั้น หานมู่จื่อก็ตกใจ
“หน่ะ นาย……”
เห็นเย่โม่เซินจ้องมองเธออย่างโหดร้ายแบบนี้ทำให้หานมู่จื่อก็ขนหัวลุกขึ้นมา มันเหมือนเธอกำลังโดนล๊อกเป้าอย่างไรอย่างนั้น
เธอยกมือขึ้นกอดไหล่ตัวเองทันที
แบบนี้คืออะไร? ถ้าเธอจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้เขายังเป็นห่วงเธออยู่เลย แต่พอตื่นมาเขาก็เปลี่ยนไปเฉยเลย?
“สามีเก่าของเธอคนนั้น……”
คำพูดที่เขาเพิ่งพูดออกมานั้น หานมู่จื่อก็รู้สึกมีลางสังหรณ์แปลกๆ ขึ้นมา มองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์: “จู่ๆ นายจะไปพูดถึงเขาทำไม? ”
“เขามีดีอะไรนักหนา ถึงได้ทำให้เธอลืมไปลงสักที? ”
หานมู่จื่อ: “………”
คำพูดของเขานั้น แน่นอนหล่ะว่ามู่จื่อไม่เข้าใจ
เธอมองทอดไปสีฟ้าที่เปลี่ยนไปด้านนอกหน้าต่าง ก็พอจะเดาได้ว่าเธอนั้นหลับไปนานมาก แต่จู่ๆ เย่โม่เซินก็พูดขึ้นมาแบบนั้น หานมู่จื่อก็รู้สึกสับสนขึ้นมา
เธอหลับไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง หรือว่าหลับไปเป็นปีเลยนะ?
ไม่อย่างนั้นเย่โม่เซินจะมาพูดอะไรแปลกๆ แบบนี้ได้ยังไง?
อีกอย่างใครบอกว่าเธอยังลืมหลินเจียงไม่ได้?
ความรู้สึกที่เธอมีต่อหลินเจียงนั้นมันน้อยนิดมาก เริ่มแรกอาจจะมีอยู่บ้าง แต่ในระยะเวลาที่แต่งงานกันสองปี เขาก็ได้ลบล้างความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาไปจนหมดสิ้น
อีกอย่างหลังจากนั้น เธอก็แต่งงานกับเย่โม่เซิน ซึ่งหัวใจของเธอก็ได้มอบให้แก่เย่โม่เซินเต็มหัวใจ
ห้าปีมานี้ ทั้งหมดของหัวใจของเธอมีเพียงเย่โม่เซินคนเดียว
ประโยคที่ว่า ยังลืมสามีเก่าไม่ได้นี่เอามาจากไหน?
“จะไม่พูดอะไรอย่างนั้นเหรอ? ”เสียงของเย่โม่เซินแหบแห้ง: “เดิมทีฉันคิดว่าเธอมีใจให้ฉัน แต่ดูท่าจะไม่ใช่แบบนั้น”
หานมู่จื่อขมวดคิ้ว “นายคิดว่าเป็นแบบไหน? ”
เธอรู้สึกไม่สบายใจ ตัวเธอเองเพิ่งจะผ่านเรื่องราวที่ทำให้ช็อกมาก และพอตื่นฟื้นขึ้นมาแบบนี้กลับถูกถมด้วยคำถามแปลกๆ
“ถ้าไม่ใช่เพราะยังลืมไม่ได้ ทำไมเธอถึงยังดึงดันอยากจะให้กำเนิดลูกของเขา? ”
หานมู่จื่อ: “……..”
คลอดลูกของหลินเจียงอย่างนั้นเหรอ?
เธอไม่เคยบอกเย่โม่เซินว่าถึงแม้เธอกับหลินเจียงจะแต่งงานกันถึงสองปี แต่ในใจของหลินเจียงนั้นมีอีกคนอยู่ จึงไม่เคยแตะต้องตัวเธอ พอถึงตอนนี้เธอจึงไม่รู้จะพูดยังไง
ไม่รู้ว่าเธอผ่านอะไรแบบนั้นมาได้ยังไง
“คำพูดพวกนี้ นายไปเอามาจากไหน? ”
เย่โม่เซินหรี่ลง นัยน์ตามีประกายยิ้มเยาะ เหยียดยิ้มอย่างชั่วร้าย
“เธอคิดว่ายังไงหล่ะ? ”
เขาคลายมือออก ในฝ่ามือนั้นมีขวดเล็กๆ อยู่หลายใบ
ในตอนแรก หานมู่จื่อไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แต่พอดูดีๆ สีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนไป ไม่รอให้ตัวเองได้สติ เธอก็ยื่นมือออกไปทันที
“เอาคืนมานะ”