บทที่600 เสียสติ
หานมู่จื่อกลัวเขา ถ้าเกิดว่าเธอยังบอกว่าไม่กินอีกล่ะก็ เดาว่าเย่โม่เซินก็น่าจะใช้วิธีนี้เพื่อป้อนตัวเองไปเรื่อยๆ
เธอ……ปฏิเสธสิ่งนี้
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะเคยจูบกันมาหลายรอบแล้ว แต่ว่าวิธีการป้อนแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้
แต่ว่าเย่โม่เซินกลับไม่ได้คิดแบบนั้น สายตาของเขาจ้องไปที่ริมฝีปากของเธออย่างเข้มข้น เหมือนกับว่าอยากจะทำต่อ
ทั้งๆ ……ทั้งๆ ที่เมื่อกี้พึ่งจะ!
หานมู่จื่อทั้งอายทั้งโกรธ แล้วก็จ้องหน้าเขาอย่างดุร้าย หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ฉันกินเองได้ ไม่ต้องให้นายป้อนหรอก”
พอพูดจบเธอก็เตรียมจะยื่นมือออกไปหยิบชาม แต่ว่าเย่โม่เซินกลับหยิบชามไปก่อน อีกมือหนึ่งก็หยิบช้อน พร้อมกับยื่นมือมาป้อนเธออีกครั้ง
หานมู่จื่อ :“……”
ช่างเถอะ จะป้อนแบบนี้ก็แบบนี้แล้วกัน ก็ยังดีกว่าเขาป้อนด้วยปากแล้วกัน
หลังจากที่หานมู่จื่อสะกดจิตตัวเองแบบนั้น ก็อ้าปากกินโจ๊กอย่างจำใจ
พอได้กินโจ๊กเข้าไปหนึ่งชาม อาการวิงเวียนศีรษะของหานมู่จื่อก็ดีขึ้น แต่ว่าเธอหิวมาก จนเธอเอื้อมมือไปหยิบชามที่สองด้วยตัวเอง
เย่โม่เซินน่าจะอ่านความคิดของเธอออก ก็ไม่ได้ไปบังคับเธอ ได้แต่ส่งชามนั้นให้เธอไป
เธอกินไปทั้งหมดสามชาม หานมู่จื่อถึงได้รู้สึกอิ่ม
ตอนที่เย่โม่เซินเก็บของเตรียมจะออกไปนั้น เธอก็มองแผ่นหลังของเขา แล้วก็ได้แต่อุทานในใจว่าผู้ชายคนนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ ……
จัดการเธอจนเป็นแบบนี้
ปลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่หานมู่จื่อกระหายขนาดนี้
เธอลูบหน้าท้องอ้วนๆ ของเธอ ทันใดนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ อาศัยตอนที่เย่โม่เซินไม่อยู่ เธอรีบเปิดผ้าห่มออกและลุกออกจากเตียง พยายามจะหาร่องรอยของยาคุมกำเนิดขวดนั้น
ตอนที่กระโดดลงจากเตียงนั้น ขาเธอก็อ่อน หานมู่จื่อเกือบจะล้มลงข้างเตียง โชคดีที่คว้าขอบเตียงไว้ได้ทัน หลังจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วก็มองไปรอบๆ
เธอจำได้ว่าขวดยาเมื่อกี้นี้โดนเย่โม่เซินเตะทิ้งไปแล้ว น่าจะอยู่ใต้ตู้สักตู้หนึ่ง ยังไงมันก็ต้องอยู่ในห้องนี้แหละ
อาศัยตอนที่เขาไม่อยู่ หานมู่จื่อก็พยายามค้นหายาคุมกำเนิดขวดนั้นไปทั่วทุกที่
หาอยู่นาน ก็ไม่เจอในสิ่งที่ตัวเองต้องการ พอได้ยินเสียงเท้าที่ดังมาจากด้านนอก หานมู่จื่อก็รีบกลับไปบนเตียง แล้วก็เสแสร้งว่าตัวเองไม่ได้ลงจากเตียงเลย
ตอนที่เย่โม่เซินเปิดประตูเข้ามานั้น ในมือก็ถือโน๊ตบุ้คมาด้วย หลังจากนั้นเขาก็หาที่นั่ง แล้วก็เปิดโน๊ตบุ้คตรงหน้าเธอ
“???”
เขาคิดจะทำงานตรงนี้เหรอ? ในห้องของเธอ?
นี่เขาวางแผนจะจับตาดูเธอ24ชั่วโมงจริงๆ เหรอ?
หานมู่จื่อรู้สึกไม่ดีแล้ว เธอคลำหาโทรศัพท์ที่อยู่ใต้หมอนของตัวเอง แล้วก็เปิดวีแชทดู
ถ้าเกิดว่าเย่โม่เซินเอาแต่จับตามองเธออยู่ที่นี่ล่ะก็ เธอต้องออกไปไหนไม่ได้แน่ๆ
ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ แล้วเธอจะกินยาคุมยังไง?
คิดไปคิดมา หานมู่จื่อก็เลยคิดว่าตัวเองสามารถเรียกเสี่ยวเหยียนให้เอามาให้เธอได้
แต่ว่าต่อให้เสี่ยวเหยียนเอามาส่งให้เธอจริงๆ แล้วเย่โม่เซินอยู่ที่นี่ตลอด เธอก็ไม่มีโอกาสอะไรแล้ว
ยาคุมฉุกเฉินต้องกินภายใน72ชั่วโมงถึงจะมีผล แต่ว่าหลังจากเกิดเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว ถ้าเกิดว่าเธอไม่รีบกินยาให้เร็วที่สุด เกรงว่าเธอจะท้องลูกของเขาจริงๆ
พอคิดแบบนี้ หานมู่จื่อก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็เปิดกล่องแชทของเสี่ยวเหยียน
เธอต้องทำยังไงถึงจะให้เสี่ยวเหยียนเอายามาให้เธอได้ โดยที่เย่โม่เซินไม่รู้ดี?
นี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด
หานมู่จื่อคิดไปคิดมา รู้สึกว่าเปลือกตาของเธอกำลังต่อสู้อีกครั้ง เธอง่วงจนจะไม่ไหวแล้ว
น่าจะเพราะว่าโดนเย่โม่เซินจัดการเมื่อกี้นี้ เธอก็เลยเหนื่อยมากจริงๆ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็วางโทรศัพท์ แล้วก็เอนหลังลงพร้อมกับหลับไปอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นานเสียงหายใจที่สม่ำเสมอก็ดังขึ้นในห้อง
เย่โม่เซินเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง เห็นใบหน้าของเธอนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม คิ้วขมวดเข้าด้วยกันจนเป็นปม
เขาลุกขึ้นไปห่มผ้าให้หานมู่จื่อ แล้วก็ถือโน๊ตบุ้คลงไปชั้นล่าง
ในห้องนั่งเล่น เขาสวมหูฟังบลูทูธ และเปิดวิดีโอขึ้น
“เรื่องที่ให้จัดการเป็นยังไงบ้าง? ”
ในวิดีโอสามารถเห็นใบหน้าของเซียวซู่ได้เลย เขามองเย่โม่เซินด้วยใบหน้าซีเรียสจริงจังก่อนจะพูด
“คุณชายเย่ เราหาคนที่อยู่เบื้องหลังได้แล้วครับ”
“เมื่อได้ยินแบบนั้นเย่โม่เซินก็หรี่ตาลง สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา มองดูน่าหวาดกลัว
“จริงเหรอ? ”
สายตาดูราวกับมองทะลุ เซียวซู่หลังจากเห็นวิดีโอแล้วก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา แต่เธอก็คืนสติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สายตานี้มันไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เขา แต่เป็นนายหลักผู้อยู่เบื้องหลัง
เขากระแอมเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าลง
“คนสองสามคนนั้นสะกดรอยตามคุณนายน้อย จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่คนงานประจำ ปกติจะไม่มีงาน ครั้งนี้ถูกคนดึงไปทำงาน ดังนั้นจึงได้ไปสะกดรอยตามคุณนายน้อย”
“จุดประสงค์คือ? ”
“เมื่อครู่พวกเขายอมรับออกมาแล้วว่าให้พาคุณนายน้อยไปที่ที่ไม่มีคนจากนั้นก็ให้เตรียมลักพาตัวเธอ”
“ลักพาตัว? ”สายตาของเย่โม่เซินหรี่ลงอย่างมาดร้าย “ใครมันกล้าได้ขนาดนี้? กล้าดียังไงมาลักพาตัวผู้หญิงของเย่โม่เซินได้?
“แค่กๆๆๆ …..”เซียวซู่ปิดปากตัวเองด้วยกำปั้น จากนั้นก็พูดต่อ “คุณชายเย่ คนคนนี้…ท่านเองก็รู้จัก”
เขารู้จักอย่างนั้นเหรอ? เย่โม่เซินขมวดคิ้ว มีความไม่พึงใจในแววตา
“เป็นเพื่อนสนิทของคุณนายน้อยห้าปีก่อน หานเส่โยว”
หานเส่โยวอย่างนั้นเหรอ?
ชื่อนี้ปรากฏในชีวิตเขาอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปกว่าห้าปี
“แต่ตอนนี้เธอไม่ได้ชื่อหานเส่โยวแล้ว เธอถูกบ้านตระกูลหานขับไล่ออกไป และต้องไปใช้นามสกุลเดิม คือนามสกุลเมิ่ง ซึ่งทำธุรกิจร้านอาหารตะวันตก”
เมิ่งเส่โยวเหรอ?
เย่โม่เซินเคาะนิ้วลงกับโต๊ะ เมื่อคิดอะไรได้สายตาของเขาก็มองไปยังชั้นบน และเมื่อคิดถึงผู้หญิงซื่อบื้อนั่น ……
สายตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา
“คุณชายเย่ เมื่อก่อนเธอเป็นเพื่อนของคุณนายน้อย เรื่องนี้…..เราต้องบอกคุณนายน้อยหรือเปล่าครับ? ”
“ไม่ต้องให้เธอรู้” เย่โม่เซินจิบปากปฏิเสธเซียวซู่ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ “อีกอย่าง ถ้าเธอคิดจะลงมือกับมู่จื่อหล่ะก็ รวบยอดเอาทั้งบัญชีเก่าและบัญชีใหม่ไปพร้อมกันเลย”
บัญชีเก่ากับบัญชีใหม่…..
เซียวซู่ครุ่นคิดอยู่ครู่ก็พยักหน้า
๒ผมทราบแล้วครับคุณชายเย่ หากมีเรื่องอื่นผมจะติดต่อท่านอีกที อ้อ จริงด้วย ที่คุณชายเย่ให้ผมหา ช่วงนี้เย่หลิ่นหานเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เขาเพิ่งจะสั่งของของบริษัทคุณนายน้อย พวกเขาน่าจะพบกันด้วยเหตุผลนี้
“ลงนามในสัญญาอย่างนั้นเหรอ? ” เย่โม่เซินหัวเราะเย็นชา “เขารู้วิธีเข้าหาได้ดี แต่น่าเสียดาย…..ผู้หญิงของฉันจะเป็นสิ่งที่เขาทำได้แค่คิด”
“คุณชายเย่ แล้วทางด้านเย่หลิ่นหานหล่ะครับ? ”
“อยากจะขโมยจากฉัน? นั่นทำให้เขาไม่มีความสามารถ อึดอัดน่าดู”
“เข้าใจแล้วครับ! ”
เมื่อตอนที่เตรียมจะวางสาย เย่โม่เซินก็เหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดขึ้น “กลับจากกลับประเทศแล้ว นายช่วยตรวจสอบข้อมูลของเธอมั้ย? ”
เมื่อได้ยิน เซียวซู่ก็ผงะไป “คุณชายเย่พูดถึงคุณนายน้อยเหรอครับ? ”
“อื้ม”
“ไม่ได้ค้นหาครับ คุณนายน้อยก็ไม่ใช่เป็นคุณนายน้อยเหรอครับ? ยังจะต้องตรวจสอบอะไร? ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เย่โม่เซินก็เงียบไป
จริงด้วย เธอก็คือเธอ มันจะมีอะไรที่ต่างไปได้?
ถึงแม้ว่าลูกจะเป็นของอดีตสามี แล้วมันยังไงหล่ะ? ห้าปีก่อนเขาเองก็รู้ว่าลูกในท้องของเธอเป็นลูกของสามีเก่า แต่ก็ยังตกหลุมรักเธอเหมือนเดิมอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?