บทที่ 608 ผู้ชายไร้น้ำยา…อย่าไปเอาเลย
พอถึงเวลา เธอก็ควรจากไป
หานมู่จื่อรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าตอนจบไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เธอจึงหนีออกมาอย่างเงียบๆ
เมื่อนึกย้อนกลับไปยังคงมีความเศร้าอยู่ภายในใจ
เธอเริ่มร้อนบริเวณขอบตาเล็กน้อย
เธอมองเห็นสายตาพี่สาวมองเธอที่เป็นแบบนี้ก็กลับกลายเป็นเธอยอมรับว่าสาเหตุของการหย่าร้างเป็นเพราะความไร้น้ำยาของเย่โม่เซิน
อืม พี่สาวตกตะกอนความคิดอยู่สักพักก็พูดว่า “ฉันคิดว่าเธอเลือกผู้ชายเรียบร้อยใส่เเว่นคนนั้นที่อยู่ด้านหลังเถอะ”
หานมู่จื่อตกใจและพูดอย่างอายๆ “พี่สาว คุณพูดอะไรเนี่ย?”
“ฉันพูดจริงๆนะ ผู้ชายไร้น้ำยา…อย่าไปเอาเลย!”
“ไม่คุยแล้ว รีบไปเถอะ”
เมื่อเห็นเย่หลิ่นหานกำลังเดินเข้ามาหาพวกเธอ หานมู่จื่อจึงรีบเข็นรถเข็นเดินไปทางอื่น เย่หลิ่นหานต้องการจะเดินตามพวกเธอไป เธอเดินวนไปรอบๆแล้วเดินกลับมาทางด้านหลัง
ผ่านไปสักพัก ถ้าเขายังเดินตามมาอีก นั่นก็หมายความว่าเขาจงใจเดินตามพวกเธอ
“เธอนี่…เอ๊ะ”
หลังจากเดินวนไปมาสักพัก ทันทีที่หานมู่จื่อรู้สึกตัวก็พบว่าไม่เจอตัวเย่หลิ่นหานจากทางด้านหลังเเล้ว
“อย่ามอง เธอสลัดเขาทิ้งแล้ว น้องสาว เธอเนี่ยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า? ในเมื่อเธอยังโสด มีผู้ชายมาให้เลือกมากกว่าหนึ่งคนจะเป็นอะไรไป? ”
“ฉันกับเขาเป็นไปไม่ได้”
เธอเคยพูดนานแล้วว่าเขาเป็นได้เพียงพี่ชาย ระหว่างเขากับเย่หลิ่นหานจะเป็นไปได้อย่างไร
“ตราบใดที่พวกเธอยังโสด มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้?”
“เป็นไปไม่ได้ก็คือเป็นไปไม่ได้”
หานมู่จื่อเร่งฝีเท้าและเดินไปข้างหน้า พี่สาวรีบเดินตามและพูดกับเธออย่างกระตือรือร้น หานมู่จื่อไม่รู้จริงๆว่าพี่สาวคนนี้มีความกระตือรือร้นจากไหนมาพูดกับเธอมากมายแบบนี้ ก็เห็นกันอยู่ว่าเพิ่งเจอกันครั้งแรกไม่ใช่หรือ?
ทันใดนั้นหานมู่จื่อก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอกับลุงอ้วนถึงเป็นคู่สร้างคู่สม
ยังคิดอยู่ว่าจะพูดอะไร แต่โชคดีที่เย่โม่เซินกับลุงอ้วนเดินเข้ามาพอดี
เย่โม่เซินถือถุงถุงหนึ่งไว้ในมือด้วยใบหน้าเย็นชา ลุงอ้วนเองก็ถือถุงแบบเดียวกัน แต่เมื่อเทียบกับเย่โม่เซินแล้ว เขาถือถุงไว้เยอะกว่ามาก
“ซื้อเสร็จหรือยัง?”
“เสร็จแล้ว”
หานมู่จื่อเงยหน้าสบตากับเย่โม่เซินเข้าพอดี จากนั้นก็นึกถึงสิ่งที่พี่สาวพูดกับเธอก่อนหน้านี้ จู่ๆเธอรู้สึกว่าไม่อยากจะมองเขาไปตรงๆ
ดังนั้นเธอจึงผลักรถเข็นเดินไปโดยแสร้งทำเป็นไม่เห็นเขา เย่โม่เซินถูกทิ้งไว้ “….”
เขาขมวดคิ้ว พอนึกจะตามไปถามเธอว่าทำไมถึงไม่ยอมมองเขาก็มีคนมาตบไหล่เขาไว้ เย่โม่เซินหันกลับไปก็เห็นพี่สาวคนนั้นเอียงหน้ามาทางเขา เขาขมวดคิ้วแล้วถอยหลังออกไป
“เฮ้อ!” พี่สาวเห็นเขามีท่าทีแบบนี้ก็พูดอย่างสะอิดสะเอียน “ยังจะทำตัวเย็นชาอยู่ได้”
เย่โม่เซินมองเธออย่างไม่พอใจ
“มีอะไร?”
“ไม่มีอะไร ก็แค่สงสารคุณ”
เย่โม่เซิน “? ? ?”
“รู้สึกแย่ใช่ไหมที่โดนทิ้ง?” พี่สาวพูดและมองเย่โม่เซินด้วยสายตาน่าสมเพช “อันที่จริงที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางรักษา ฉันรู้จักโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ฉันแนะนำให้เอาไหม?”
เย่โม่เซินยิ่งขมวดคิ้วแน่น เขาไม่แน่ใจว่าทำไมจู่ๆเธอถึงได้แนะนำโรงพยาบาลให้เขา หรือว่าเมื่อกี้นี้หานมู่จื่อคุยเรื่องอะไรกับเธอ?
ทว่าเย่โม่เซินคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าช่วงนี้ร่างกายของเขาผิดปกติตรงไหน?
“อัยหยา ถ้าคุณคิดจะจีบมู่จื่อให้ติดก็ฟังพี่สาวซะ”
จีบมู่จื่อ?
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว
“ฉันรู้ว่าคุณเป็นอดีตสามีเธอ และตอนนี้กำลังตามจีบเธออยู่ไม่ใช่หรือ? เธอปฏิเสธคุณมาตลอด คุณรู้ไหมว่าเพราะอะไร?”
“เพราะอะไร?”
คำสามคำนี้แทบจะโพล่งออกมา ใช่แล้ว เย่โม่เซินเองก็อยากรู้ว่าทำไม
เขาอยู่เคียงข้างเธอมานานขนาดนี้ แต่เธอไม่เพียงแต่ปฏิเสธเขา อีกทั้งยังทำตัวห่างเหินจากเขาไปเรื่อยๆ
แม้ว่าสองสามวันนี้จะนอนเตียงเดียวกันมาตลอด แต่กลับไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
นอนกับไม่ได้นอนล้วนไม่มีความแตกต่างกัน
เขาเองก็คิดมาตลอดว่าทำไม เขาไม่เข้าใจผู้หญิงเลยจริงๆ เมื่อก่อนเขาเคยทำร้ายเธอ แต่ตอนนี้เขาก็พยายามชดเชยให้เธอจนถึงที่สุดแล้ว ได้แต่หวังว่าเธอจะเห็นความจริงใจของเขา
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาทำไปดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ อีกทั้ง…ยังได้ผลลัพธ์ที่ต่างออกไป
บางครั้งเย่โม่เซินก็ไม่รู้เลยจริงๆว่าเขาทำผิดตรงไหน
หรือว่า เธอไม่รักเขา?
พอคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ เย่โม่เซินก็รู้สึกหายใจไม่ออก
หัวใจหม่นหมองเล็กน้อย ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง
“ดูเหมือนว่าคุณจะอยากกลับไปคืนดีกับเธอจริงๆ” พี่สาวยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางมองหานมู่จื่อที่กำลังเลือกของอยู่ด้านหน้า สายตาเย่โม่เซินก็มองตามเธอไป
หานมู่จื่อกำลังเอื้อมมือขึ้นหยิบของจากชั้นวางของที่อยู่ด้านบน หลังจากที่หยิบลงมาก็อ่านรายละเอียดและวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์อย่างถี่ถ้วน ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายอย่างงดงามราวกับดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า
“สวยมากล่ะสิ?” พี่สาวถาม
ลุงอ้วนที่ยืนอยู่ด้านข้างตบตูดเธอ “สวยก็สวยอยู่หรอก แต่เมียของฉันน่ามองที่สุด”
เย่โม่เซินมองเธออย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ถอนสายตาและพยักหน้า
แน่นอนว่าสวย
เขา…เย่โม่เซินหลงรักผู้หญิงคนนี้มาทั้งชีวิต จะไม่สวยได้อย่างไรล่ะ?
อีกอย่างหานมู่จื่อก็ไม่ใช่คนสวยดาษดื่น หากเอาความสวยของเธอไปวางอยู่กลางผู้คน แล้วบอกพวกเขาว่าเธอยังโสด คงมีคนมารุมจีบเธอมากมายแน่ๆ
มีเพียงอดีตสามีไม่เอาถ่านของเธอเท่านั้นที่ไม่มีตา
ในขณะที่เย่โม่เซินด่าอดีตสามีเธออยู่ในใจ เขาไม่ทันได้สังเกตเลยว่าเขาเองก็เคยถูกหานมู่จื่อมองว่าเป็นอดีตสามี
หากพูดในแง่ของเวลา หลินเจียงก็น่าจะเป็นอดีตสามีคนก่อนๆของเธอ
“ดังนั้นในเมื่ออดีตภรรยาของคุณสวยเสียขนาดนี้ ถ้าคุณยังไม่พยายามให้หนักขึ้น จะต้องมีผู้ชายคนอื่นมาแย่งเธอไปอย่างแน่นอน”
พอได้ยินดังนี้ เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วแน่น
“ฉันเข้าใจว่าเรื่องนั้นมันยากที่จะพูด แต่ถ้าคุณได้เข้ารับการรักษา สักวันคุณก็จะหายเป็นปกติ”
เย่โม่เซินฟังแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นั่นมันเรื่องอะไร ทำไมถึงยากที่จะพูด?
“เดี๋ยวก่อน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
“คุณ คุณไม่อายที่จะพูดตอนนี้หรือ? ฉันบอกคุณเเล้ว ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ต่อไป คุณไม่มีทางจีบเธอติดหรอก”
เย่โม่เซิน “…”
“โรงพยาบาลที่ฉันแนะนำมันดีมากจริงๆ เพื่อนสามีฉันก็รักษาตัวที่นั่น ฉันจะให้เบอร์คุณ ถ้าคุณต้องการ”
พี่สาวพูดในขณะเดียวกันก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาเพื่อค้นหาเบอร์โทรศัพท์ ลุงอ้วนยืนอยู่ด้านข้างก็ได้ยินประโยคคลุมเครือ เขาเอียงศีรษะเข้ามา
“รอจนนายรักษาโรคนั้นหายดีแล้ว พอถึงเวลาจะได้อยู่ต่อหน้าเธออย่างสง่าผ่าเผยอีกครั้ง ฉันเชื่อว่าเธอจะต้องกลับมาคืนดีกับนายอีกครั้ง
พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ เย่โม่เซินก็พอจะเดาออกแล้วว่าคืออะไร เขาหรี่ตาลงอย่างอันตรายและมองไปทางหานมู่จื่อที่ยังคงถือของอยู่บนชั้นวาง
“เธอพูดว่าอะไร?”
พี่สาวรำคาญเขามาก เธอจึงพูดออกไปตรงๆ “เธอบอกว่าสาเหตุที่พวกคุณหย่ากันก็เพราะคุณมันไร้น้ำยา!”