บทที่ 615 คุณอยากเป็นเทพสตรีเหรอ
หลังจากเข้าใกล้ ในที่สุด เมิ่งเส่โยว ก็หน้าด้านข้างของบุคคลตรงหน้าอย่างชัดเจน แม้ว่าจะเป็นแค่หน้าด้านข้าง แต่ว่าดวงตาอันแหลมคมและหน้าตาก็เผยออกมาให้เห็นแล้วอย่างชัดเจน
หลังจากเห็นคนนั้นอย่างชัดเจน เมิ่งเส่โยวก็ตกใจ และเกือบจะขว้างอาหารออกไปด้วยมือที่สั่นเทา
จะเป็นเย่โม่เซินได้อย่างไร?
หรือว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาจากปากต่อปากของ เสิ่นอีอีและ ซู่ฉิน เหรอ? แต่ว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกหล่อนก็เจอกันแล้วไม่ใช่เหรอ
ทำไมวันนี้เขามาที่นี่อีก?
หรือว่า… ไม่อยากให้ตัวเธอเองทำงานอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สีหน้าของ เมิ่งเส่โยว ก็ซีดขาว และเมื่อเธอต้องการหลบหนีโดยไม่รู้ตัวนั้น เสียงของหญิงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา
“เส่โยว?”
เสียงนี้ทำให้ก้าวของ เมิ่งเส่โยว หยุดอยู่ตรงที่เดิมได้สำเร็จ เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นเพื่อดูที่มาของเสียง
ใบหน้ารูปไข่ที่สวยงามแบบสามมิติปรากฏขึ้นต่อหน้า เมิ่งเส่โยว
สีเลือดบนใบหน้าของ เมิ่งเส่โยว ก็หายไป และจานอาหารที่เมื่อสักครู่ถืออย่างไม่มั่นคงนั้นในที่สุดก็ตกลงสู่พื้นอย่างสั่นสะเทือน
เพล้ง!
สเต๊กหนึ่งจานก็สิ้นเปลืองแบบนี้ ตอนที่ซอสกระเด็นออกมานั้น ก็ได้มีบางส่วนกระเด็นไปโดนเสื้อผ้าของ เมิ่งเส่โยว และบนใบหน้าและลำคอของเธอ
หานมู่จื่อและเย่โม่เซินอยู่ห่างกัน ด้วยในระยะเช่นนี้ไม่สามารถทำให้บาดเจ็บอย่างบังเอิญได้
แต่ในขณะที่ถาดรองจานอาหารร่อนลง เย่โม่เซินก็รีบลุกขึ้นยืนบังตรงหน้าของหานมู่จื่อ
เมื่อเทียบกับหานมู่จื่อที่ถูกคนปกป้อง การปรากฏตัวของ เมิ่งเส่โยว ในเวลานี้เป็นเรื่องที่น่าสังเวชเป็นพิเศษ
“ ไม่เป็นอะไรนะ?” เย่โม่เซินหันหน้ามาถาม
หานมู่จื่อมองเขาอย่างแปลก ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเขารีบวิ่งไปทันที บังสิ่งสกปรกทั้งหมดให้ตัวเองเธอ เธอจะเป็นอะไรได้อย่างไร?
และถ้าสมมุติว่าเขาจะไม่ได้กำบังตัวเธอไว้ แต่ระยะไกลเช่นนี้ก็จะไม่สามารถกระเด็นไปถึงได้
ดังนั้นหานมู่จื่อจึงส่ายศีรษะ
เมื่อเห็นเหตุการณ์ฉากนี้ เมิ่งเส่โยว รู้ก็สึกเศร้ามากๆ
เมื่อห้าปีก่อนเธอเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลหานผู้สูงส่ง และหานมู่จื่อเป็นแค่เพียงลูกสาวที่ไม่มีใครรักของตระกูลเสิ่น และหล่อนก็ตกอับต่อหน้าเธอ
แต่ห้าปีต่อมา ตอนนี้ได้กลับกันแล้ว
เธอเองต่างหากที่เป็นคนที่ตกอับคนนั้น แถมยัง… ยังคงตกต่ำจนถึงจุดนี้
ในขณะที่ เมิ่งเส่โยว เกลียดเธอนั้น ในเวลาเดียวกันหล่อนเองก็ไม่กล้าที่จะเจอหน้าเธอ
เพราะว่าตอนนี้เธอไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรเลยจริงๆ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เมิ่งเส่โยว ก็หันตัวและเตรียมที่จะเดินออกไป
หานมู่จื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินออกไป ก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และส่งเสียงเรียกเธอดัง ๆ
“เส่โยว เมื่อก่อนพัสดุและของDeliverryที่ได้รับเหล่านั้นล้วนเป็นฝีมือของเธอใช่ไหม?”
ตั้งแต่เมื่อคืนที่โม่เซินบอกเธอ ว่าเธอจะต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าคนนี้เป็นใคร ภายใต้สมองของหานมู่จื่อก็ปรากฏใบหน้าของบุคคลคนหนึ่งขึ้นมา แต่ในเวลานั้นเธอรู้สึกว่าเธอไม่สามารถโยนความผิดให้คนอื่นในเมื่อเธอยังไม่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
แต่ตอนนี้เธอได้เห็นแล้ว ถึงได้พบว่าใบหน้าตรงหน้ากับเมื่อคืนวานที่นึกถึงนั้นเหมือนกันไม่มีผิด
เส่โยว …
น้องสาวที่แสนดีเมื่อห้าปีก่อน ไม่คาดคิดว่าแท้จริงแล้วเธอ …
เดิมที เมิ่งเส่โยว ต้องการที่จะวิ่งหนี ถึงอย่างไรก็ตามท่าทางที่น่าอายของเธอนั้นจะทำให้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะได้ แต่คำพูดของอีกฝ่ายก็ทำให้เธอหยุดก้าวของเธอลงได้ เธอไม่ได้หันกลับไปมอง แต่ยืนอยู่อย่างนั้นที่เดิม
“ทำไม?” หานมู่จื่อมองไปที่ด้านหลังของเธอ และถามด้วยความยากลำบาก
เธอไม่รู้ว่าตัวเธอทำอะไรผิดไปกันแน่ ทำไม เส่โยว ถึงได้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แถมยังอยากจะฆ่าตัวตายต่อหน้าเธอ
ทำไมประโยคนี้ดูเหมือนจะทำให้เมิ่งเส่โยวขุ่นเคือง ยืนนิ่งอยู่เดิมอยู่ตลอดก็หันหน้ากลับมามอง หานมู่จื่อด้วยสายตาเยาะเย้ย
“ทำไมเหรอ?ทำไมต้องมุ่งเป้าไปที่เธอตัวเธอเองยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?คุณหนูคนโตของตระกูลหาน ตอนนี้คุณหมายถึงอะไรเหรอ?มาดูหัวเราะเยาะฉันในร้านอาหารนี้เหรอ?อยากจะทำให้ฉันอับอายเหรอ?” เมิ่งเส่โยว ชำเลืองมองไปที่เย่โม่เซินหนึ่งครั้ง และใช้สายตาเกรี้ยวโกรธมองกลับไปที่ร่างของหานมู่จื่อ
“ แถมยังพาคนมาสนับสนุนเธอเองเหรอ? อยากจะให้ฉันอับอาย แต่บอกเลยว่าน่าเสียดาย มันเป็นไปไม่ได้”
หลังจากพูดจบ เมิ่งเส่โยว ยืดหลังให้ตรง และมองไปหานมู่จื่อด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ความเกลียดชังอย่างรุนแรงนั้นจนแทบจะเอ่อล้นออกมาจากดวงตา หานมู่จื่อ ไม่อยากจะเชื่อ ริมฝีปากสีชมพูของเธอขยับ แต่เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ
“ตอนนั้น… เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเธอที่ทำเรื่องไม่ดีต่อฉัน”
ตอนนี้ เธอจะพูดอย่างมีเหตุมีผลเต็มปากได้อย่างไร? หานมู่จื่อครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และมองไปที่ เย่โม่เซินด้านข้าง “ฉันอยากคุยกับเธอโดยลำพัง”
เย่โม่เซินกำลังที่จะอยากปฏิเสธ เมิ่งเส่โยว ก็พูดเสียงดังขึ้นมาว่า “ใครอยากคุยกับเธอโดยลำพัง ?ตอนนี้เธอเป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลหาน เรื่องระหว่างฉันกับเธอไม่มีอะไรให้คุย ตลอดจน คู่พระเอกนางเอกใหญ่อย่างพวกคุณโปรดเลี้ยวขวาออกไปเถอะ วันนี้ทางร้านไม่ต้อนรับแขกอย่างพวกคุณ”
หลังจากพูดเสร็จ เมิ่งเส่โยว ก็หันตัวเดินออกไป และแสดงให้หานมู่จื่อเห็นด้านหลังเท่านั้น
สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย กัดริมฝีปากล่างและอยากที่จะเดินตามไป
สุดท้ายก็ถูกเย่โม่เซินจับข้อมือไว้ “อย่าตามไปเลย”
“แต่ว่า……”
“ วันนี้ที่คุณมา ไม่ใช่แค่อยากดูว่าอีกฝ่ายเป็นใคร หรือว่าคุณยังอยากคุยเรื่องในอดีตกับเธอ?”
เมื่อหานมู่จื่อได้ยินสิ่งนี้ เธอก็เงียบไปชั่วขณะ เธอค่อยๆลดตาลง หลังจากนั้นเย่โม่เซินก็พาออกไปจากร้านอาหาร
หลังจากขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว เธอเหม่อลอยอยู่ตลอด ก็ขนาดคาดเข็มขัดนิรภัยยังลืม
และยังเป็นเย่โม่เซินที่เอนตัวมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ
หานมู่จื่อจมปลักอยู่ในความคิดของตัวเอง
เธอไม่คาดไม่ถึงว่าเธอจะได้พบเจอกับเส่โยวอีกครั้ง แถมยังอยู่ในลักษณะเช่นนี้ด้วย
เส่โยว …เมื่อก่อนหล่อนใช้ตัวตนของเธอ และตอนนี้เธอไม่ใช่คุณหนูคนโตของตระกูลหานอีกต่อไปแล้วเธอ … งั้นเธอจะกลับไปหาคุณพ่อที่เป็นนักพนันของเธอคนนั้นแล้วหรือยัง?
เธอทำงานอยู่ในร้านอาหารเหรอ? แต่งตัวแบบนี้ทำงานอย่างนั้นเหรอ?
หานมู่จื่อจดจำกระโปรงสั้นเสื้อคอกว้าง และถุ่งน่องลายดอกสีดำที่ เส่โยว สวมได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หานมู่จื่อก็หลับตาลง และจิตใจของเขาก็ยุ่งเหยิงไปทั้งแถบ
เพราะอะไร? ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ได้?
แม้ว่าจะรู้ว่าตอนนั้นหล่อนแอบตัวเธอเองมีความสัมพันธ์กับเย่โม่เซิน หานมู่จื่อก็ตัดขาดความเป็นพี่น้องกับเธอแล้ว แต่เมื่อตอนนี้รู้ว่าเธอตกอับถึงขนาดนี้ ก็ยังรู้สึกไม่ประสบายใจเป็นพิเศษ ท้ายที่สุด … ถึงอย่างไรก็ตาม…..เป็นเพื่อนสนิทขนาดนั้นนี่นา
เส่โยวดีกับเธอในตอนนั้นจริงๆ
“ คุณไม่ต้องคิดมาก เธอเปลี่ยนเป็นแบบนี้ก็ล้วนแต่เป็นผลที่เธอทำเอาไว้”
ทันใดนั้นเสียงอันเยือกเย็นก็ดังขึ้นมา หานมู่จื่อก็กลับมามีสติ และลืมตาขึ้น
และได้เห็นรถติดไฟแดงอยู่ และเย่โม่เซินหันหน้ามาจ้องเธอ
“เป็นผลกรรมจริงๆ?”
“เห็นเธอตกอับถึงเพียงนี้ รู้สึกไม่ประสบายใจแล้วใช่ไหม?” เย่โม่เซินถาม
หานมู่จื่อไม่ได้ตอบ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เธอรู้สึกไม่ประสบายใจอยู่ลึก ๆ ในใจ
“ทำไมคุณไม่คิดถึงสิ่งที่เธอทำกับคุณล่ะ?สะกดรอยตามตั้งสองครั้ง ขู่ขวัญอีกสองครั้ง ล้วนแต่เป็นฝีมือของเธอ”
“แต่ว่า……”
“แต่ว่าอะไร?คุณอยากเป็นเทพสตรีเหรอ?” ดวงตาของเย่โม่เซินเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมา และมองเธออย่างอันตราย “เมื่อก่อนเธอกลายเป็นคุณหนูคนโตของตระกูลหานได้อย่างไร คุณรู้ไหม?”
ประโยคนี้กระตู้นอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงในใจของหานมู่จืออยู่ให้ขจัดไปทันที
ใช่ ตอนนั้นหล่อนกลายเป็นคุณหนูคนโตของตระกูลหานได้อย่างไร หล่อนมีจุดประสงค์ตั้งแต่ที่ไปเข้าหาตัวเธอเองตั้งแต่แรก พักหลังที่หล่อนดีกับตัวเธอเองนั้น ก็เป็นเพราะว่า… หล่อนอยากที่จะแย่งชิงฐานะตัวตนของเธอ ดังนั้นหล่อนจึงรู้สึกผิด จากนั้นถึงได้ดีกับตัวเธอเองเป็นทวีคูณ เพื่อชดเชยบาปภายในใจของหล่อนเอง