บทที่ 619 มีแผนการอะไร
หลังจากเสี่ยวเหยียนได้รับคำตอบจากหานมู่จื่อทางนี้แล้วนั้น ภายในชั่วพริบตาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ และกลับมาต่อสู้ต่อได้ทันที
เป็นครั้งแรกที่เธอพบว่า มู่จื่อมีทักษะทางด้านนี้ด้วย เธอจึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “มู่จื่อ เธอยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันคิดว่าเธอสามารถเป็นที่ปรึกษาด้านความรักได้แล้วนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หานมู่จือก็ทำได้แค่ยิ้มอยู่ข้างในใจอย่างขมขื่น เธอจะเป็นที่ปรึกษาด้านรักของใครได้ล่ะ? ในเมื่อเธอยังไม่สามารถแยกแยะความรู้สึกของเธอได้เลย
เพียงแค่ เมื่อสักครู่ที่พูดกับเสี่ยวเหยียนนั้น…
ก็เกินความคาดหมายของตัวเธอเองไปมากริงๆ
เธอลดสายตาลง และมองไปที่ข้อมูลบนเดสก์ท็อป ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เธออยากเจอเย่โม่เซินเหรอ?
ดูเหมือนว่าจะอยากเจอ
ถ้าอย่างนั้นเธอควรทำตามหัวใจโทรศัพท์ไปหาเขาหรือไม่?
ในช่วงนี้เป็นเขาที่มาปรากฏอยู่ข้างกายของเธอด้วยตัวเองมาโดยตลอด พอตอนนี้เขาไปต่างประเทศแล้ว และไม่ได้โทรศัพท์หาเธอ อาจเป็นเพราะเขาสัญญาว่าจะไม่มาหาเธออีก เขาจึงไม่ได้แจ้งให้เธอทราบเหรอ?
มันอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้
หลังจากคิดๆดู หานมู่จื่อก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโดยไม่รู้ตัว เข้าสู่หน้าApplications WeChat ค้นหาชื่อบัญชีผู้ใช้ของเย่โม่เซิน กดเข้าไปและอยากจะส่งข้อความถึงเขา แต่มือก็หยุดลงอีกครั้ง
ถ้าส่งข้อความตอนนี้ จะดูไม่สำรวมเกินไปหรือเปล่า?
ถึงอย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานี้เธอไม่เคยเข้าหาเข้าก่อนเลยมาโดยตลอด
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หานมู่จื่อก็ถอนหายใจออกมา และวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เริ่มทำงานต่อ
ในวันที่วุ่นวายก็สิ้นสุดลงเช่นนี้ เมื่อถึงเวลาเลิกงาน หานมู่จื่อก็เก็บของและเตรียมตัวไปรับเสี่ยวหมี่โต้วจากโรงเรียน
สุดท้ายเธอยังไม่ได้เดินออกจากประตูบริษัท เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นก่อนแล้ว
เบอร์แปลกเบอร์หนึ่ง
หานมู่จื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็รับโทรศัพท์
“ฮัลโหล?”
“ หม่ามี๊!”
“เสี่ยวหมี่โต้ว?” หานมู่จื่อขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเธอได้ยินเสียงของเสี่ยวหมี่โต้ว “หนูใช้โทรศัพท์มือถือของใครโทรมา?”
“หม่ามี๊นี่คือโทรศัพท์มือถือของลุงเย่หลิ่นหาน”
ลุงเย่หลิ่นหาน?
เมื่อได้ยินคำว่าหาน ก้าวของหานมู่จื่อก็หยุดลงชั่วขณะ หลังจากนั้นก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดียกเกิดขึ้น “หมาย หมายความว่าอะไรนะลุงเย่หลิ่นหาน …คือใคร?”
ก็มีเงาร่างกายของบุคคลหนึ่งปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติในความคิด และหานมู่จื่อรู้สึกตกใจ
มีเสียงเบาดังมาจากอีกฝ่ายในสายโทรศัพท์ ราวกับว่าโทรศัพท์ไปอยู่บนมือของอีกคนแล้ว จากนั้นหานมู่จื่อก็ได้ยินเสียงผู้ชายที่คุ้นเคย ที่นำพาความรู้สึกอบอุ่นมาอย่างหนึ่ง
“มู่จื่อ ผมเอง”
เย่หลิ่นหาน! !
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่าง ความโกรธเกือบจะพุ่งขึ้นภายในทันที “เย่หลิ่นหาน นายอยากจะทำอะไรกันแน่?นายหมายความว่าอะไร ??”
หลังจากซักถามเสร็จแล้วนั้น หานมู่จื่อไม่ทันได้คิดอะไร ก็วิ่งออกไปโดยทันที
เสี่ยวเหยียนซึ่งอยู่ข้างหลังเธอไม่ไกลนัก เห็นเธอวิ่ง เลยตะโกนใส่เธอว่า “มู่จื่อ เธอจะไปไหน? รอฉันก่อน”
แต่หานมู่จื่อดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียง ดังนั้นเธอจึงทำอะไรไม่ถูกจริง และทำได้เพียงย่ำเท้าไปมา
ช่างมันไปแล้วกัน รอให้เธอกลับบ้านมาก่อนแล้วค่อยถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้นดีกว่า
ตอนนี้เธอ … กำลังจะไปที่บริษัทตระกูลหาน เธอจะไป … พบเขา!
หานมู่จื่อรีบไปที่ลานจอดรถ เปิดประตูเข้าไปนั่ง แล้วพูดกับเย่หลิ่นหาน
“นายพูดมาตรงๆดีกว่า ว่านายอยากทำอะไรกันแน่?ตอนนี้เสี่ยวหมี่โต้วอยู่ที่ไหน?”
หลังจากอีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง หานมู่จื่อก็ตื่นตระหนกขึ้นมา “เย่หลิ่นหาน? นายพูดมาสิ”
จากนั้นอีกฝ่ายก็ถอนหายใจออกมา
“ผมยังกังวลอยู่เลยว่าคุณจะเรียกผมว่าประธานเย่หลิ่นหาน คิดไม่ถึงว่าจะกลับมาเรียกชื่อผมได้เร็วขนาดนี้ ไม่ได้มีอะไรหรอก… เพียงแค่ขับผ่านโรงเรียนมา และเห็นเจ้าตัวเล็กยืนอยู่ที่หน้าประตู ผมก็เลยพาเขากลับบ้าน”
“กลับบ้าน?” หานมู่จื่อหรี่ตา
“ หม่ามี๊ลุงเย่หลิ่นหานกับผมอยู่ในร้านเค้กใกล้ชุมชนชั้นล่าง”
หานมู่จื่อ “… ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ ไม่อนุญาตให้วิ่งไปมั่วซั่ว มีเรื่องอะไรขอความช่วยเหลือจากป้าเจ้าของร้านได้ คุณป้าเจ้าของร้านเป็นเพื่อนสนิทหม่ามี๊ หนูรู้ใช่ไหม?”
ประโยคสุดท้ายเป็นคำใบ้ บอกเย่หลิ่นหานเป็นนัยๆว่า ถ้าเขาทำอะไรกับเสี่ยวหมี่โต้ว เธอจะไม่ปล่อยเขาไปไว้แน่ๆ
เสี่ยงตื้ดครั้งสุดท้าย หานมู่จื่อวางสายโทรศัพท์โดยตรง จากนั้นก็หมุนพวงมาลัยรถไปรอบ ๆโดยทันที
ในช่วงเวลานี้หลีกเลี่ยงชั่วโมงเร่งด่วนพอดี มีรถไม่มาก ดังนั้นหานมู่จื่อจึงขับเร็วมาก เพียงแต่ต้องใช้เวลารอสัญญาณไฟจราจรสักครู่หนึ่ง
หัวใจทั้งดวงของหานมู่จื่อถูกระงับไปตลอดทาง รู้สึกไม่ประสบายใจเป็นอย่างมาก เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถไปอยู่ตรงหน้าของเสี่ยวหมี่โต้วได้ภายในชั่วพริบตา หลังจากจากนั้นก็กอดเขาไว้ในอ้อมแขน ออกห่างจากเย่หลิ่นหาน
เย่หลิ่นหาน …
ยิ่งมองผู้ชายคนนี้ไม่ออกมากขึ้นเรื่อย ๆแล้ว
ครั้งที่แล้วเจอเขาที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เขาบอกเพียงแค่ว่าเขาอาศัยอยู่ละแวกใกล้ ๆ แถมยังบอกว่าถ้าเธอไม่เชื่อให้ไปตรวจสอบได้
เธอจะตรวจสอบอะไร?
ถ้าหากว่าเขาตั้งใจจะมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอละก็ เขาก็ต้องเตรียมผลลัพธ์ทั้งหมดที่สามารถตรวจสอบได้ไว้แล้ว ถ้าสมมุติว่าเธอไปตรวจสอบจริงๆ เดาว่าน่าจะตรวจพบเจอก็เพียงแค่เรื่องผิวเผินเท่านั้น
ดังนั้นเธอจะสิ้นเปลืองเวลา เพื่อไปค้นหาว่าตอนนี้เย่หลิ่นหานกำลังทำอะไรทำไมกัน
เพียงแค่เธอคิดไม่ถึงว่า เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเข้าใกล้ตัวเธอเอง ร่วมมือกับบริษัทของก็ว่าแล้ว ตอนนี้ถึงขนาดเสี่ยวหมี่โต้วเขาก็อยากใกล้ชิด
เขาหมายถึงว่าอะไรกันแน่? มีแผนการอะไร?
เป็นเช่นนี้ หานมู่จื่อคิดวกไปวนมาตลอดทางไปร้านเค้ก
เธอไม่คิดอะไรทั้งสิ้น เธอดึงกุญแจรถ ปิดประตู และวิ่งตรงเข้าไปในร้านโดยทันที
ผลักเปิดประตูกระจก หานมู่จื่อตะโกนไปโดยทันทีว่า “เสี่ยวหมี่โต้ว”
“หม่ามี๊ หนูอยู่ตรงนี้”
ในร้านเค้กไม่มีที่นั่ง หานมู่จื่อมองไปที่ที่มาของเสียง และมองเห็นเสี่ยวหมี่โต้วนั่ง อยู่ตรงหน้าเค้กผลไม้ เขาโบกมือเล็กมาให้เธอ โดยมีครีมสีขาวติดอยู่ที่ปากของเขา
เมื่อเห็นเสี่ยวหมี่โต้ว หัวใจของหานมู่จื่อก็ตื่นเต้น และเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“มาแล้วเหรอ?”
เสียงอ่อนโยนดังขึ้น
หานมู่จื่อถึงจะนึกได้ว่ามีอีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเสี่ยวหมี่โต้ว นั่นก็คือเย่หลิ่นหาน
เมื่อเห็นเย่หลิ่นหาน ดวงตาของหานมู่จื่อก็เต็มไปด้วยความโกรธ แทบจะไม่สามารถระงับความโกรธของตัวเองได้ เพียงแต่ตรงหน้ามีเสี่ยวหมี่โต้วอยู่ เธอจึงบีบบังคับระงับความโกรธนี้เอาไว้
เธอไม่ได้สนใจเย่หลิ่นหาน และนั่งลงไปตรงหน้าของเสี่ยวหมี่โต้ว หยิบทิชชูออกมาแล้วเช็ดคราบครีมออกจากมุมปากของเขาเบา ๆ และยิ้มเล็กน้อย
“ เค้กผลไม้อร่อยไหม?”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าอย่างไร้เดียงสา “อร่อยครับ หม่ามี๊”
“เชื่อฟัง” หานมู่จื่อยื่นมือออกไปลูบศีรษะ และกระซิบว่า “แล้วเมื่อไหร่หนูจะทานเสร็จ?”
“ยังมีอีกเยอะเลย… “
เสี่ยวหมี่โต้วชี้ไปที่เค้กผลไม้ที่อยู่ตรงหน้า หานมู่จื่อเห็นว่ายังมีอีกเยอะจริงๆ เธอจึงหันมาประสบตา และพูดเบา ๆ ว่า “หนูเอาเค้กผลไม้นี้ ไปทานในรถก่อน หม่ามี๊มีอะไรบางอย่างที่อยากจะคุย กับลุงเย่หลิ่นหานโอเคไหม?”
“หือ?” เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตา และถามอย่างไร้เดียงสาว่า “หม่ามี๊จะพูดอะไรเหรอ?”
หานมู่จื่อบีบแก้มเขาเบา ๆ “เรื่องความร่วมมือทางธุรกิจของหม่ามี๊และลุงเย่หลิ่นหานเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงานนิดหน่อย สมมุติว่าเสี่ยวหมี่โต้วอยู่ตรงนี้ก็ฟังไม่เข้าใจ ดังนั้น … กลับไปที่รถและรอหม่ามี๊สองนาทีก่อน ได้ไหม?”
เสี่ยวหมี่โต้ว คิดสักพักแล้วพยักหน้า
“โอเคครับหม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้วฟังคำของหม่ามี๊”
หลังจากพูดจบเขาก็ยืนขึ้น และโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งต่อเย่หลิ่นหาน “ ขอบคุณคุณลุงที่ส่งผมกลับในวันนี้ แถมยังเลี้ยงเค้กผลไม้ผมด้วย แต่ว่าผมต้องไปรอหม่ามี๊บนรถก่อนแล้วนะครับ”