บทที่ 635 คุณสงสารผมแล้วใช่ไหม
แม้ว่าหานมู่จื่อจะไม่เคยเจอแม่ของเย่โม่เซินมาก่อน แต่ได้ฟังเขาพูดขึ้นมาในตอนนี้ จึงพอจะเดาออกว่าเป็นผู้หญิงที่มีปณิธานแข็งแกร่งกล้าขนาดไหน ในเวลาเดียวกันก็มาพร้อมกับความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่
หย่ากันแล้ว แต่พบว่าตนเองตั้งท้อง ก็สามารถเอาเด็กคนนี้ออกได้อยู่แล้ว
แต่เธอกลับไม่ลังเลที่จะให้เขาเกิดมา
“หลังจากนั้นล่ะ?” หานมู่จื่ออดไม่ได้ตนเองจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา
“จากนั้น……” เย่โม่เซินเผยอปากเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังยิ้ม แต่รอยยิ้มและสายตาช่างเจ็บปวดเหลือเกิน: “เธอตัวคนเดียวผ่านมาได้อย่างยากลำบาก ตั้งท้องแล้วร่างกายก็ไม่ค่อยสะดวกสบาย รวมถึงอาการบาดเจ็บบนร่างกายอีก ทุกๆวันล้วนแต่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยความศรัทธา ต่อมา……หลังจากที่ให้กำเนิดลูกแล้ว เธอคนเดียวที่ต้องพาลูกไปด้วยในทุกๆที่ ชีวิตก็ยิ่งลำบาก”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หานมู่จื่อนึกถึงตนเองขึ้นมาทันที ปีนั้นหลังจากที่เธอแยกกับเย่โม่เซินแล้วไปต่างประเทศ ก็อยู่ในสถานการณ์ประมาณนี้ เพียงแต่เธอยังมีญาติพี่น้องคอยดูแล หานชิงให้สภาพความเป็นอยู่ที่ดีเป็นพิเศษแก่เธอ ต่อมายังมีเสี่ยวเหยียนคอยอยู่เป็นเพื่อนเธออีก
แต่ตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าชีวิตในแต่ละวันลำบากมากแล้ว ตอนนี้มาคิดดู แม่ของเย่โม่เซินจะไม่ลำบากกว่าเธอเหรอ?
จู่ๆเธอก็รู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันใจกับสิ่งที่ตนเองได้รับขึ้นมา
“ตอนที่ลูกของเธอยังเด็กมากๆก็รู้สถานการณ์การหย่าร้างของแม่ แล้วก็รู้ว่าพ่อแท้ๆของตนเองเป็นใคร ทำเรื่องไม่ดีอะไรเอาไว้ เขาก็รู้ว่าหลังจากที่แม่หย่ากับผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนนั้นก็นำเมียน้อยเข้าบ้านอย่างมีหน้ามีตา ผู้หญิงคนนั้นยังพาลูกชายคนหนึ่งกลับมาที่ตระกูลเย่ ทุกคนต่างก็รู้ว่าผู้ชายคนนั้นทำอะไรผิด แต่ด้วยฐานะของเขาก็ไม่มีใครกล้าตำหนิเขาอยู่แล้ว เขาเอาใจใส่ผู้หญิงคนนั้นอย่างใกล้ชิด ใครๆต่างก็ยกให้เขาเป็นสามีตัวอย่าง เฮอะ……”
พูดถึงตรงนี้ เย่โม่เซินก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกเฉียบคม เย็นเข้าไปถึงกระดูก
ชายคนหนึ่งที่ออกนอกลู่นอกทาง และเพราะฐานะของเขาใครๆก็ไม่กล้าล่วงเกิน ดังนั้นจึงยกให้เขาเป็นสามีตัวอย่าง……
จะเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดขนาดไหนกันนะ
หานมู่จื่อแทบจะจินตนาการได้ถึงความสิ้นหวังในตอนแรกของเย่โม่เซินได้
ตอนที่เขายังเด็กมากๆก็รู้เรื่องพวกนี้แล้วอย่างนั้นเหรอ? เช่นนั้นเขาเติบโตมาอย่างแข็งแกร่งได้อย่างไร?
อย่างทันทีทันใด หานมู่จื่อค่อนข้างเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรปีนั้นเย่โม่เซินถึงสะอิดสะเอียนเธอเช่นนี้ ถึงกับพูดจาเหน็บแนมถากถาง
“รู้สึกใช่ไหมว่าคนพวกนี้ไม่คู่ควร? แล้วเขาก็โดนกรรมตามสนอง ต่อมาเขาเกิดเรื่องตอนนั่งเครื่องบิน เขากับเมียน้อยตกลงไปในทะเลทั้งคู่”
หานมู่จื่อ: “……”
“แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย เฮอะ”
พูดๆอยู่ ทั้งสองคนก็เดินมาถึงหน้าร้านอาหารร้านหนึ่ง เย่โม่เซินโอบเอวของเธออยู่ ถามด้วยท่าทางที่ไม่เป็นอะไร: “ก็กินที่นี่แล้วกัน?”
ในใจของหานมู่จื่อคิดว่า นายคนนี้ยังจะมีอารมณ์กินอีกเหรอ?
เห็นเธอไม่ตอบ เย่โม่เซินจึงเป็นฝ่ายสั่งอาหารแทนเธอไปเลย จากนั้นก็โอบเธอเดินเข้าไปข้างใน แล้วทั้งสองคนก็หาที่นั่ง
หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอีก: “หลังจากที่ตกลงไปในทะเลล่ะ? คุณกลับมาที่ตระกูลเย่ได้อย่างไร?”
“อยากรู้?” เย่โม่เซินชำเลืองมองเธอ ริมฝีปากบางๆเผยอขึ้นเล็กน้อย: “กินข้าวก่อน กินเสร็จแล้วจะบอกคุณ”
หานมู่จื่อ: “……”
นายคนนี้ ทำให้ความอยากรู้ของเธอผุดขึ้นมา แล้วก็ไม่พูดต่อ?
ท่าทางอย่างนี้ ทำให้เย่โม่เซินอดหัวเราะไม่ได้
“ก็อยากจะรู้ขนาดนี้?”
หานมู่จื่อมองเขา “แล้วคุณจะพูดต่อใช่ไหม?”
สายตาของเย่โม่เซินขรึมลง “หลังจากที่ตกลงไปในทะเล นายท่านตระกูลเย่ก็เริ่มส่งคนมาเรียกฉันกลับไปตระกูลเย่”
“คุณก็เลยกลับไปตอนนั้น?” หานมู่จื่อถามอีก
“ไม่ใช่” เย่โม่เซินเผยอปาก: “อีกฝ่ายอยากให้ฉันกลับตระกูลเย่ โดยมีเงื่อนไขคือไม่รับแม่ไปด้วย หมายความว่า ให้ฉันทอดทิ้งแม่แล้วกลับไปตระกูลเย่คนเดียว”
ฟังถึงตรงนี้ หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะเบิกตาโพลง
“ความหมายของนายท่านเย่คือ ถ้าคุณกลับไปตระกูลเย่ คุณต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับแม่คุณ หากว่าไม่ตัดขาด คุณก็ไม่ต้องกลับไปตระกูลเย่ ใช่ไหม?”
เย่โม่เซินพยักหน้าพร้อมกับมุมปากที่ยิ้มเยาะ
“ลูกชายของเขาตายแล้ว ในบ้านมีเพียงแค่ลูกชายที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งเอาไว้ หลังจากกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นแล้วจะไม่มีคนรับช่วงต่อตระกูลเย่ จึงคิดทุกวิถีทางเพื่อที่จะเอาผมออกมาจากข้างกายของแม่”
หานมู่จื่อค่อนข้างพูดไม่ออก
เวลานั้นที่เขาเข้าไปในตระกูลเย่ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนายท่านแย่มาก ไม่ต้องพูดว่าเป็นปู่กับหลานแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนแทบจะไม่ต่างจากศัตรูเลย
และหลังจากที่เย่โม่เซินเข้าไปในตระกูลเย่จริงๆแล้ว นั่น……
เรื่องราวเบื้องหลังเกิดอะไรขึ้นอีก เขาไม่ยินยอมตัดขาดความสัมพันธ์กับแม่ แล้วต่อมาทำไมถึงไปตระกูลเย่ล่ะ แล้วทำไมถึงนั่งอยู่บนรถเข็น?
มีคำถามมากมาย ที่หานมู่จื่ออยากจะถามออกไปมากๆ แต่ก็กลัวว่าหากตนเองถามมากจนเกินไปจะทำให้ในใจของเย่โม่เซินเจ็บปวด ดังนั้นจึงทำได้เพียงอดทนเอาไว้ รอให้เย่โม่เซินพูดออกมาเอง
แต่เดิมคิดว่าประสบการณ์ของเธอเองก็ขรุขระมากแล้ว ไม่คิดว่าตอนที่เขายังเด็กไม่นึกว่าก็จะมีช่วงเวลาอย่างนี้
บรรยากาศเงียบไปพักใหญ่ เย่โม่เซินไม่ได้พูดอะไรอีกแล้ว หานมู่จื่อก็ไม่กล้าถามเขา ทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างเงียบ ก็ตอนที่หานมู่จื่อคิดว่าเย่โม่เซินคงไม่พูดอะไรอีกแล้ว แต่เขากลับส่งเสียงเย็นชาออกมา
“เพราะผมไม่ยินยอมที่จะกลับตระกูลเย่ ดังนั้น……นายท่านก็เลยสั่งให้คนมาบีบบังคับจนแม่ตาย”
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นทันที “คุณว่าอะไรนะ?”
ในใจของเธอตื่นตระหนกตกใจจนแทบจะทนไม่ไหว ดวงตาและเปลือกตาสั่นไหวเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่านายท่านเย่ไม่นึกเลย……ว่าจะส่งคนไปบีบบังคับแม่ของเย่โม่เซินจนตาย
มิน่าสายตาที่เย่โม่เซินมองเขาถึงเหมือนกับมองศัตรู ไม่แปลกเลยที่จะไม่ไว้หน้าเขาสักนิด
“ผมกลับตระกูลเย่ ก็เพื่อแย่งทุกอย่างคืนมา” เย่โม่เซินเม้มปาก ค่อยๆเอ่ยปาก สายตาของเขาไม่เบิกบานอย่างถึงที่สุด “งานแต่งงานปีนั้น ก็เป็นพวกเขาที่ดึงดันจะให้ผมทำ”
หานมู่จื่อ: “……”
ตอนนี้พอดีกับที่บริกรยกอาหารมาเสิร์ฟ “คุณผู้หญิง คุณผู้ชาย เชิญทานให้อร่อย”
“กินก่อนเถอะ” หานมู่จื่อหยิบส้อมขึ้นมา หลังจากตักอาหารเข้าปากแล้วถึงรู้สึกว่าตนเองราวกับไม่อยากอาหารเลย อาหารไม่มีรสชาติสักนิด ถึงกับขมนิดหน่อยด้วยซ้ำ
เป็นเพราะว่าเธอรู้อดีตของเย่โม่เซินอย่างนั้นเหรอ?
เธอกำลังสงสารเขาอย่างนั้นเหรอ?
หานมู่จื่อกินอาหารอย่างไม่สบายใจ เย่โม่เซินที่อยู่ต่อหน้าไม่หยิบส้อมขึ้นมาด้วยซ้ำ แต่กลับตั้งใจมองเธอกิน สายตาที่เร่าร้อนแผ่ซ่านเข้ามา
เธอกินไม่ลงทันที วางส้อมที่อยู่ในมือแล้วพูดออกมา: “อย่ากินเลย พวกเราไปรอขึ้นเครื่องกันเถอะ”
พูดจบเธอก็หยิบกระเป๋าเตรียมตัวลุกขึ้นทันที เดินไปได้แค่สองก้าวกลับโดนเย่โม่เซินจับข้อมือเอาไว้
“สงสารผมแล้วเหรอ? คุณก็เลยกินไม่ลงแล้ว?”
หานมู่จื่อ: “……”
เธออดทน ทนแล้วทนอีก ทนไม่ไหวแล้วจริงๆจึงหันกลับไปจ้องเขา
“ทำไมคุณถึงแกล้งทำเป็นไม่เป็นไร เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้อยู่ชัดๆ คุณควรจะโกรธไม่ใช่เหรอ? แต่คุณกลับทำเหมือนกำลังพูดเรื่องของคนอื่น ยังมีอารมณ์พาฉันมากินข้าวอีก หลังจากรู้เรื่องพวกนี้ ฉันจะกินลงได้อย่างไร?”
“คุณกินไม่ลง เป็นเพราะคุณสงสารผมแล้ว” คิดไม่ถึงว่าเย่โม่เซินไม่เพียงแต่ไม่โกรธ ในทางกลับกันยังจูงมือของเธอ ก้มหน้าลงมาจูบที่ฝ่ามือของเธอเบาๆ