บทที่642 ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก
ดังนั้นถ้าเกิดเขาไม่ยอมพูด หานมู่จื่อก็จะเป็นคนพูดถึงมันเอง
เย่โม่เซินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เม้มปากบางแล้วเอ่ยเสียงเบา
“พรุ่งนี้ ฉันจะจัดการให้ วันนี้เธอพักผ่อนก่อน”
พรุ่งนี้เหรอ ?
หานมู่จื่อพยักหน้ารับ “ได้ พรุ่งนี้พอไปเจอแล้ว พวกเราก็กลับประเทศเลย”
จู่ๆเธอก็ออกมาต่างประเทศ นี่เป็นอะไรที่ไร้สาระเป็นที่สุด อีกอย่างเสี่ยวเหยียนก็ดูท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยจะดี ถึงแม้ตอนคุยโทรศัพท์กันเมื่อวานเธอจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลยก็ตาม
แต่หานมู่จื่อก็สังเกตเห็นว่าตาเธอบวมเล็กน้อยผ่านการคุยกันทางวิดีโอ แถมยังตาแดงด้วย เป็นหลักฐานว่าเธอคงผ่านการร้องไห้มาเป็นเวลานานพอสมควร
ส่วนที่ว่าร้องไห้เพราะอะไร ไม่ต้องคิดก็รู้เหตุผลอยู่แล้ว
ดังนั้นเธอเลยอยากจะกลับไปให้เร็วที่สุด
“ทำไมต้องรีบกลับประเทศขนาดนั้น ?” เย่โม่เซินขมวดคิ้วเล็กน้อย “กว่าจะได้ออกมาไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ จะกลับไปทั้งอย่างนี้เลยเหรอ ?”
หานมู่จื่อ “……ถ้าไม่อย่างนั้น ? คุณยังอยากจะไปเที่ยวสักรอบหรือไง”
“แล้วไม่ดีเหรอ” เย่โม่เซินจ้องมองเธอ แววตาหมองลงเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆมุมปากเขาก็ขยับขึ้นอีกครั้ง แววตาก็กลับมามีสีสัน “ก็ดี รีบกลับไปหน่อยก็ได้”
ทำไมจู่ๆถึงได้รู้สึกว่าเหมือนเขากลายร่างเป็นหมาป่าตัวโตไปเสียได้
แล้วหานมู่จื่อก็คิดถึงเรื่องที่ตัวเองพูดกับเขาก่อนออกจากประเทศขึ้นมาได้ทันที
“ฉันจะเป็นผู้ชายของเธออย่างชอบธรรม”
“ฉันจะเป็นพ่อของลูกเธอด้วย”
“……”
บ้าจริง !
ก่อนหน้านี้เธอลืมเรื่องพวกนี้ไปเสียได้ เร่งเขาให้กลับประเทศแบบนี้เหมือนว่าต้องการเร่งให้เขามาเป็นผู้ชายโดยชอบธรรมของตัวเองยังไงอย่างนั้น
หานมู่จื่อแอบกัดฟันกรามตัวเอง เป็นเพราะตัวเธอเองลืมเรื่องนี้ไปเอง ดังนั้นตอนนี้ก็เลยพูดอะไรไม่ออก
เพียงแต่……พอคิดว่าเย่โม่เซินกับเสี่ยวหมี่โต้วจะต้องเจอหน้ากัน
ในใจของหานมู่จื่อก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
ถ้าเห็นว่าเสี่ยวหมี่โต้วหน้าตาเหมือนเขาเปี๊ยบ เย่โม่เซินเขา……จะแสดงสีหน้ายังไงออกมาบ้าง ?
จะประหลาดใจ หรือว่าหวาดกลัว หรือว่า……เขาจะดีใจ ?
ภายในใจมีหลากหลายรสชาติ แต่พวกนี้หานมู่จื่อก็แค่คิดภาพแต่ไม่สามารถรู้สึกได้ ทำได้แค่รอให้กลับไปถึงประเทศแล้วค่อยว่ากันอีกที
อยู่ในโรงแรมทั้งวัน ตอนเวลาค่ำ เย่โม่เซินออกไปข้างนอก หานมู่จื่อเลยใช้โน๊ตบุ๊คคุยเรื่องงานกับเสี่ยวเหยียนอยู่ในห้องพักของโรงแรม
เพราะเย่โม่เซินไม่อยู่ หานมู่จื่อก็เลยปล่อยตัวตามสบายได้ คุยกับเสี่ยวเหยียนทุกเรื่อง ทั้งสองคนคุยเรื่องงานกันสักพัก จากนั้นจู่ๆเสี่ยวเหยียนก็พูดขึ้นว่า เสี่ยวหมี่โต้วอยากจะคุยกับเธอผ่านทางวิดีโอ ถามเธอว่าสะดวกไหม
หานมู่จื่อคิดอยู่สักพัก เย่โม่เซินออกไปสักพักแล้ว คงไม่น่าจะกลับมาเร็วขนาดนั้น
เธอพยักหน้า “ได้ เธอไปเรียกเขามาสิ แต่ว่าต้องเขาก่อนล่วงหน้านะ ว่าคงคุยกันได้ไม่นาน”
“ไม่มีปัญหา”
เสี่ยวเหยียนรีบออกไปเรียกเสี่ยวหมี่โต้วเข้ามา หานมู่จื่อนั่งอยู่หน้าโต๊ะเงียบๆ มองดูหน้าจอที่ฝั่งตรงข้ามเงียบไปสักพัก แล้วจู่ๆก็มีหัวเล็กๆที่แสนน่ารักโผล่ออกมา
“หม่ามี๊ !”
เมื่อเห็นเสี่ยวหมี่โต้ว ริมฝีปากแดงของหานมู่จื่อก็ขยับขึ้นโดยไม่รู้ตัว สายตากับน้ำเสียงก็อ่อนโยนขึ้นมาทันที
“เสี่ยวหมี่โต้ว……”
“หม่ามี๊ หึ !”
วินาทีต่อมา สีหน้าของเสี่ยวหมี่โต้วก็เปลี่ยนเป็นหยิ่งผยองขึ้นมาทันที “หม่ามี๊เป็นคนไม่ดี ก่อนหน้านี้รับปากแล้วว่าตอนงานยุ่งจะไม่ส่งเสี่ยวหมี่โต้วออกไป”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หานมู่จื่อก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะแล้วตอบเขา
“ครั้งนี้หม่ามี๊ไม่ได้กลืนคำพูดตัวเองนะ ก็ไม่ได้ส่งตัวเสี่ยวหมี่โต้วออกไปนี่นา”
เสี่ยวหมี่โต้วมุ่ยปากสูงๆ “แต่ว่าหม่ามี๊ไปคนเดียว ทิ้งเสี่ยวหมี่โต้วไว้นี่นา”
“ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ ?” หานมู่จื่อพูดยิ้มๆอย่างช่วยไม่ได้ ยื่นมือออกไปจิ้มหน้าผากเขา ถึงจะผ่านทางหน้าจอที่เย็นเฉียบ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะทำแบบนี้กับเสี่ยวหมี่โต้ว “จะให้พาลูกมาด้วยเหรอ แล้วลูกไม่ต้องไปโรงเรียนหรือไง เด็กโง่”
“หึ หม่ามี๊ไม่แค่ไม่พาเสี่ยวหมี่โต้วไปด้วย แต่ยังหาว่าเสี่ยวหมี่โต้วเป็นเด็กโง่อีก ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะเลิกกับแม่หนึ่งวัน !”
หานมู่จื่อ “หนึ่งวัน แล้วจะเริ่มตอนไหนล่ะ ?”
“ตอนนี้ !”
“อ๋อ ถ้าเลิกคบตอนนี้ ลูกก็ออกไปเลย แล้วเปลี่ยนให้น้าเสี่ยวเหยียนของลูกมานั่งตรงนั้นแทน”
“ทำไมล่ะ ?” เสี่ยวหมี่โต้วมองเธออย่างขุ่นเคือง
หานมู่จื่อกลั้นรอยยิ้ม แล้วเริ่มสอนเขาอย่างจริงจัง “ก็ลูกบอกว่าจะเลิกคบกับหม่ามี๊หนึ่งวันโดยเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย ถ้าเลิกคบแล้วล่ะก็ ลูกก็คุยกับแม่ไม่ได้แล้ว ดังนั้นลูกก็ต้องหยุดคุยกับแม่ทางวิดีโอแล้วน่ะสิ”
คำนี้ทำให้เสี่ยวหมี่โต้วถึงกับพูดไม่ออก จ้องมองหานมู่จื่อผ่านทางหน้าจออยู่ครู่ใหญ่ แล้วจู่ๆก็เริ่มร้องครวญครางทันที
“หม่ามี๊เป็นคนไม่ดี ทำไมถึงพูดกับลูกแบบนี้ ไม่เพียงดูแคลนลูก ตอนนี้ยังไม่อยากสนใจลูกด้วย แง……”
ร้องไปร้องมา ตาของเจ้าตัวเล็กก็แดงขึ้นมาจริงๆ
เดิมทีหานมู่จื่อกลั้นขำอยู่ แต่พอเห็นขอบตาของเสี่ยวหมี่โต้วแดงขึ้นมา เธอก็ขำไม่ออกทันที แล้วก็พูดอย่างลนลานว่า “เสี่ยวหมี่โต้ว ทำไมลูกถึงร้องไห้ขึ้นมาจริงๆล่ะ หม่ามี๊แค่ล้อลูกเล่น อย่าโกรธหม่ามี๊เลยนะ หม่ามี๊จะไม่สนใจเสี่ยวหมี่โต้วหรือดูแคลนเสี่ยวหมี่โต้วได้ยังไงจริงไหม ?”
“แต่เมื่อกี้หม่ามี๊……บอกว่า……ให้เสี่ยวหมี่โต้วเรียกน้าเสี่ยวเหยียนมานั่งตรงนี้แทน……”
เขาพูดไป ร้องไห้ไป สีหน้านั้นราวกับได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก ดูแล้วหานมู่จื่อก็รู้สึกผิดในใจ
“ขอโทษนะ เมื่อกี้หม่ามี๊ก็แค่ล้อลูกเล่น ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เสี่ยวหมี่โต้วโกรธเลยนะ เสี่ยวหมี่โต้วยกโทษให้หม่ามี๊ได้ไหมครับ ลูกเป็นลูกรักคนเดียวของหม่ามี๊ หม่ามี๊ไม่สนใจใครก็ได้แต่ไม่ใช่ลูกแน่นอน”
คำปลอบโยนเหล่านี้เหมือนว่าจะได้ผล เสี่ยวหมี่โต้วกระพริบตาคู่นั้นที่ใสราวกับลูกแก้วแล้วจ้องมองเธอผ่านหน้าจอ จากนั้นก็สูดน้ำมูกก่อนจะมองเธอแล้วถามอย่างจริงจัง
“ที่หม่ามี๊พูดเป็นความจริงทั้งหมดจริงเหรอ ?”
“แน่นอน”
เพราะกลัวว่าจะทำให้บรรพบุรุษตัวน้อยร้องไห้อีกครั้ง หานมู่จื่อก็เลยรีบพยักหน้ารับ ถึงขั้นชูสามนิ้วของตัวเองขึ้นแล้วพูดว่า “ลูกไม่เชื่อหม่ามี๊เหรอ ? หม่ามี๊สัญญากับลูกเลยโอเคไหม“
“หึ”
เสี่ยวหมี่โต้วเชิดหน้า สองมือกอดอก
“ในเมื่อหม่ามี๊ขอโทษแล้ว งั้นลูกจะยกโทษให้ก็แล้วกัน ครั้งหน้าห้ามรังแกเสี่ยวหมี่โต้วอีกนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หานมู่จื่อก็เผยรอยยิ้มออกมา มองดูลูกของตัวเองด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ
“แน่นอน ต่อไปหม่ามี๊จะไม่ล้อเสี่ยวหมี่โต้วแบบนี้อีกแล้ว”
“แล้วหม่ามี๊ จะกลับมาเมื่อไหร่ฮะ ครั้งก่อนหม่ามี๊บอกว่า……จะพาเสี่ยวหมี่โต้วไปรู้จักกับแด๊ดดี้……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เจ้าตัวเล็กก็เท้าคางตัวเอง ในดวงตาเผยแววคาดหวัง
“อืม” หานมู่จื่อคิดไปคิดมา ในดวงตาฉายแววอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย “ถ้าหม่ามี๊กลับไปครั้งนี้ เสี่ยวหมี่โต้ว……ก็จะได้เจอกับแด๊ดดี้แล้วล่ะ”
“จริงเหรอฮะ ?” เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในวิดีโอถูมือของตัวเองอย่างคาดหวัง “งั้นเสี่ยวหมี่โต้วจะร้องขออะไรหลายๆอย่างจากแด๊ดดี้ได้หรือเปล่าฮะ ?”
“ร้องขอ ?” หานมู่จื่อทำหน้าสงสัย “ลูกอยากขออะไรเหรอ ?”
“หึ ผมจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ มีแต่ผมกับแด๊ดดี้เท่านั้นที่รู้ ไม่บอกหม่ามี๊หรอก”
หานมู่จื่อ “……”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออก