บทที่643 ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง
เมื่อได้ยินเสียง หานมู่จื่อเงยหน้าหันไปมองทางประตูอย่างรวดเร็ว
ผู้มาเยือนสวมชุดสูทสีเข้ม น่าจะเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ดูแล้วกลับเปื้อนฝุ่นอยู่นิดๆ เขาไปทำอะไรมา ?
เมื่อเห็นเย่โม่เซินความคิดแรกที่ผุดขึ้นมา หานมู่จื่อก็คิดถึงเรื่องนี้
แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใบหน้าเล็กๆบนหน้าจอที่ไม่แตกต่างจากเย่โม่เซินเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของหานมู่จื่อก็เปลี่ยนไป แสร้งทำเป็นเลื่อนเมาส์กดปิดวิดีโอคอลเงียบๆ
สายถูกตัดกะทันหัน เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาปริบๆ จู่ๆเงาของหานมู่จื่อที่อยู่ตรงหน้าก็หายไป
เสี่ยวหมี่โต้วมองดูหน้าจอที่ไม่มีหน้าของหานมู่จื่อแล้ว นั่งอยู่ที่เดิมแล้วกะพริบตาปริบๆอย่างไร้เดียงสา แล้วทันใดนั้นก็หันหน้าไปมองเสี่ยวเหยียนที่นั่งกินแอปเปิลอยู่บนโซฟาอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นก็ถามขึ้นว่า
“น้าเสี่ยวเหยียน ทำไมจู่ๆก็ไม่มีวิดีโอแล้วล่ะฮะ ?”
เสี่ยวเหยียนกลืนแอปเปิลลงคอ อุทานออกมา จากนั้นก็รีบลุกขึ้นมาแล้วเดินไปด้านหลังของเสี่ยวหมี่โต้วทันที ใช้งานโน้ตบุ๊กสักพัก จากนั้นก็เห็นว่าหานมู่จื่อส่งข้อความมาให้
เธอคิดไปคิดมา จากนั้นก็พูดกับเสี่ยวหมี่โต้วว่า “เสี่ยวหมี่โต้ว อินเทอร์เน็ตของหม่ามี๊นายไม่ค่อยดี วิดีโอก็เลยหลุดไปเองน่ะ”
“เน็ตไม่ดีเหรอฮะ ?” เสี่ยวหมี่โต้วจ้องมองเสี่ยวเหยียน ด้วยดวงตาบริสุทธิ์
เป็นดวงตาน้อยๆที่ช่างบริสุทธิ์อะไรอย่างนี้ เสี่ยวเหยียนมองแล้วรู้สึกผิดที่โกหกเขา ดังนั้นเธอเลยไม่กล้ามอง ทำได้แค่หลบสายตาแล้วกระแอมออกมาเบาๆ
“ช่วยเข้าใจหน่อยนะเสี่ยวหมี่โต้ว หม่ามี๊ของนายอยู่ในโรงแรมของต่างประเทศ อาจจะเป็นเพราะสัญญาณแย่ลงกะทันหัน ตอนค่ำๆพวกเราค่อยโทรหาหม่ามี๊อีกครั้งละกัน นี่ก็ไม่เช้าแล้ว นายไปอาบน้ำทำการบ้านก่อนนะ”
เสี่ยวหมี่โต้วมุ่ยปากอย่างไม่เต็มใจ พร้อมส่งเสียงในลำคอ
“พอวิดีโอคอลหน่อยก็บอกว่าเน็ตไม่ดี เมื่อก่อนตอนที่พวกเราไปพักโรงแรมต่างประเทศ ก็ไปออกจะบ่อย ทำไมผมไม่เคยรู้สึกว่าสัญญาณไม่ดีเลย ?”
“นาย” พอเสี่ยวเหยียนได้ฟังแบบนั้น ก็หน้าบึ้งทันที “ดูสิว่านายพูดอะไรออกมา ? น้าบอกว่าสัญญาณไม่ดีก็คือไม่ดีสิ นี่นายสงสัยในคำพูดของน้าเสี่ยวเหยียนเหรอ ?”
“หึ” เสี่ยวหมี่โต้วทำเสียงในลำคออีกครั้ง เชิดหน้าเล็กๆขึ้นจ้องเสี่ยวเหยียน “น้าเสี่ยวเหยียนดุผม ถ้าหม่ามี๊กลับมาผมจะฟ้องหม่ามี๊”
เสี่ยวเหยียน “……อุ๊บ ตอนนี้นายรู้จักฟ้องแล้วเหรอ งั้นนายก็ไปบอกหม่ามี๊นายเลยสิ ดูสิว่าฉันจะกลัวเธอหรือเปล่า ดูสิว่าหม่ามี๊นายจะกล้าสั่งสอนฉันไหม”
พอพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็กอดแขนตัวเอง แล้วแกล้งทำท่าหวาดกลัว ปากก็พูดขึ้นพร้อมกันว่า “ฉันกลัวจัง กลัวจังเลย !”
มองดูเสี่ยวเหยียนที่เป็นแบบนี้ ดูราวกับถูกผีนักแสดงเข้าสิง
เสี่ยวหมี่โต้วเลยต้องใช้ไม้ตาย “ช่างเถอะ ตอนนี้หม่ามี๊ไม่ได้อยู่ในประเทศ บอกไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้ผมจะไปโทรหาคุณน้า บอกว่าน้าเสี่ยวเหยียนรังแกผม แง……”
เสี่ยวหมี่โต้วกระโดดลงจากเก้าอี้ แล้วยกเท้าวิ่งออกจากห้องไป
ทางนี้เสี่ยวเหยียนที่ยังถูกผีนักแสดงเข้าสิง พอได้ยินเสี่ยวหมี่โต้วพูดถึงคุณน้า สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที การเคลื่อนไหวก็แข็งทื่อไปทันที
หลังจากสามวินาทีผ่านไปเธอก็ได้สติกลับมา รีบหนุนตัวแล้วตะโกนออกมา “นายพูดว่านายจะไปบอกใครนะ ? เสี่ยวหมี่โต้ว นายรีบกลับมาเดี๋ยวนี้! ! !”
*
หลังจากที่หานมู่จื่อกดปิดวิดีโอคอลไป เปิดหน้าจอแผนงานขึ้นมา แล้วแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นิ้วเรียวยาวขาวนวลดีดอยู่บนแป้นพิมพ์ หานมู่จื่อพลางเอ่ยปากขึ้น “กลับมาแล้วเหรอ ?”
เย่โม่เซินกำลังเดินไปทางเธอ เมื่อได้ยินเสียงก็ชะงักไป จากนั้นก็ยืนจ้องเธออยู่กับที่อย่างเงียบๆ
หญิงสาวคนนั้นนั่งอยู่บนเตียงใหญ่ในห้องนอน บนตักมีโน๊ตบุ๊ควางอยู่ นิ้วขาวนวลดีดอยู่บนแป้นพิมพ์
เพราะว่าเธอไม่ได้ออกไปข้างนอก ชุดที่สวมอยู่บนตัวก็เลยยังเป็นชุดนอนอยู่ สีฟ้าอ่อนๆทำให้ผิวขาวนวลของเธอผุดผ่อง ผมนุ่มลื่นถูกเธอมัดลวกๆ แล้วปล่อยไว้ข้างหลัง ใบหน้าเล็กใสสะอาด ริมฝีปากที่ปกติเป็นสีแดงตอนนี้เป็นสีชมพูระเรื่อ
ฉากนี้ ทำให้เย่โม่เซินรู้สึกอบอุ่นใจเป็นอย่างมาก
เขาก็เหมือนสามีที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก ส่วนเธอก็คือภรรยาตัวเล็กที่รอเขาอยู่ที่บ้าน
เมื่อเปิดประตู โคมไฟหนึ่งดวง มีคนๆหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น
กำลังรอการกลับมาของเขา
มองไปมองมา ใจของเย่โม่เซินก็อ่อนยวบยาบ
อาจเป็นเพราะเขาเงียบไป หานมู่จื่อก็เลยเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมามองเขา
“เป็นอะไรไป ?”
เย่โม่เซินได้สติกลับมา แล้วเริ่มก้าวเท้าเดินไปทางเธออีกครั้ง
เขานั่งลงริมเตียง หานมู่จื่อรู้สึกได้ว่าเตียงยุบลงไปได้ทันที
“ทำอะไรอยู่ ?” เย่โม่เซินถามขึ้นคำหนึ่ง
หานมู่จื่อถูกเขาถามมาคำหนึ่ง ก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย ทำได้แค่พึมพำออกมา “ก็กำลังทำงานอยู่ไง คุณ คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอ”
“ฉันพูดถึงเมื่อกี้” เย่โม่เซินเตือนคำหนึ่ง “ก่อนฉันเข้ามา ได้ยินเสียงเธอกำลังพูดอยู่”
หานมู่จื่อ “……”
เธอไม่ได้พูดต่อ เหมือนว่ารอให้เขาพูดต่อ
เย่โม่เซินไม่ปล่อยให้เธอผิดว่า “เขาเหรอ ?”
ลมหายใจของหานมู่จื่อหยุดชะงักไป “อะ อะไรนะ ?”
วินาทีต่อมา เย่โม่เซินก็โน้มตัวคว้าเธอเข้ามาสู่อ้อมกอด ลมหายใจร้อนพ่นลงบนใบหูของเธอ “ลูกชายของพวกเรา”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หานมู่จื่อก็อดที่จะเบิกตาโตไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้ยินเข้าจริงๆ
แต่เธอก็ตอบสนองต่อสิ่งที่เย่โม่เซินพูดได้อย่างรวดเร็ว เธอเม้มปาก “ทั้งๆที่เป็นลูกชายของฉันแท้ๆ แล้วกลายไปเป็นของคุณ……ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
ความร้อนข้างใบหูเพิ่มสูงขึ้น มือใหญ่ของเย่โม่เซินค่อยๆเลื่อนลงไปที่เอวของเธอ น้ำเสียงแผ่วเบาทรงเสน่ห์ “ทำไมจะไม่ใช่ของฉันล่ะ ฉันเป็นผู้ชายของเธอ ลูกชายของเธอก็คือลูกชายของฉัน”
คำบอกรักมักสวยงามเสมอ ผู้หญิงส่วนใหญ่ต่างก็ชอบคำหวาน
ถ้าหากไม่รู้สึกอะไรกับคำหวาน นั่นคงจะเป็นเพราะเธอไม่ได้สนใจในตัวผู้ชายคนนั้น
และคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ก็เป็นคนที่ทิ่มเข็มลงบนใจของเธออย่างไม่ต้องสงสัย ตอนที่เขาพูดคำหวานเหล่านี้กับตัวเอง สำหรับหานมู่จื่อแล้วก็เหมือนยาพิษที่ทำให้เสพติดได้
คำพูดเหล่านี้ที่เย่โม่เซินพูดออกมา ทำให้ใจเธอหวั่นไหวได้อย่างไม่ต้องสงสัย ดวงตาเธอสั่นไหว อดไม่ได้ที่อยากจะทดสอบเขา
“คุณไม่รังเกียจจริงๆเหรอที่เขาไม่ได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ”
นี่คงจะเป็นครั้งแรก ที่หานมู่จื่อถามคำถามนี้กับเย่โม่เซินอย่างจริงจัง
และตอนที่คำถามนี้เข้าไปในหูของเย่โม่เซิน ก็แฝงด้วยความระมัดระวัง เขาโอบกอดผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขน
“หรือว่าที่เธอไม่ยอมรับฉันมาตลอด เพราะเหตุผลนี้งั้นเหรอ ?”
หานมู่จื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบว่า “ก็ครึ่งหนึ่งมั้ง”
หนึ่งหนึ่งเหรอ ?
“งั้นตอนนี้เธอก็คลายความกังวลได้แล้ว เพราะว่าผู้ชายของเธอ กำลังพยายามเพื่อจะคลายความกังวลทั้งหมดของเธออยู่”
หานมู่จื่อ “……”
เธอเม้มปาก แล้วจู่ๆก็ยื่นมือไปโอบรอบคอของเย่โม่เซิน แต่เหมือนจะออกแรงมากไปหน่อย
จู่ๆเธอก็กอดเย่โม่เซินตอบทำให้เขาตกใจเล็กน้อย หลังจากได้สติกลับมาเขาก็เผยรอยยิ้มผ่อนคลายออกมา
“เย่โม่เซิน”
“อืม ?”
“ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
ผิดหวังอะไร ? เย่โม่เซินเลิกคิ้ว กำลังจะถามเธอแต่กลับได้ยิ่นหานมู่จื่อพูดขึ้นก่อนว่า
“แน่นอน คุณก็อย่าทำให้ฉันผิดหวัง ไม่อย่างนั้น…..ฉันจะเกลียดคุณไปชั่วชีวิต”