บทที่647 ปกป้องเธอ
เมื่อได้ยินแบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็ชะงักไป
แล้วเธอก็คิดอะไรได้ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“นี่ ! เสี่ยวหมี่โต้ว !”
เธอร้องออกมาจากนั้นก็กางแขนวิ่งไปทางเสี่ยวหมี่โต้ว เสี่ยวหมี่โต้วตกใจอยากจะวิ่งหนีขึ้นไปด้านบน แต่กลับได้ยินเสี่ยวเหยียนตะโกนเสียงดังว่า “เสี่ยวหมี่โต้วนายนี่ฉลาดหลักแหลมจริงๆ นายเป็นดาวแห่งโชคลาภของฉัน”
เสี่ยวหมี่โต้วตกใจ หยุดเท้าลง จากนั้นก็มองไปที่เสี่ยวเหยียน
“คำแนะนำที่นายเพิ่งบอกเมื่อกี้ยอดเยี่ยมมาก ทำไมก่อนหน้านี้ฉันคิดไม่ได้นะ หานชิงเป็นคุณน้าของนายนี่นา นายไปหาเขาบ่อยๆก็ไม่มีอะไรแปลกนี่ แล้วฉันจะลาออกทำไม แค่พึ่งนายก็พอแล้วนี่นา”
เสี่ยวเหยียนพูดพลางบีบแก้มเสี่ยวหมี่โต้วไปด้วย ท่วงท่านุ่มนวลเป็นพิเศษ น้ำเสียงก็เอาอกเอาใจเป็นพิเศษด้วย
“หมี่โต้ว แก้วตาดวงใจของฉัน ปกติแล้วน้าเสี่ยวเหยียนดีกับนายไหม” รอยยิ้มกับน้ำเสียงของเสี่ยวเหยียนแปลกประหลาดขึ้นทันที “คุณน้าของนายเป็นโสดมาตั้งหลายปี จะเดียวดายไปจนตายแบบนี้ไม่ได้หรอกจริงไหม นายก็คงไม่อยากเห็นเขาต้องหัวเดียวกระเทียมลีบแบบนี้หรอกใช่ไหม”
เสี่ยวหมี่โต้วกระพริบตาปริบๆ “คุณน้าไม่มีทางหัวเดียวกระเทียมลีบหรอก คุณน้ามีทรัพย์สินหลายพันล้าน มีผู้หญิงตั้งมากมายที่อยากจะแต่งงานกับคุณน้า”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเสี่ยวเหยียนก็กลายเป็นทุกข์ทันที
“นายพูดถูก คุณน้าของนายมีทรัพย์สินหลายพันล้าน ผู้หญิงมากมายในเมืองเป่ยต่างก็อยากแต่งงานกับเขา ส่วนฉัน……ก็เป็นแค่หนึ่งในผู้คนมากมายก็เท่านั้น ไม่ได้สวยไปกว่าใคร แล้วก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมกว่าคนอื่น แต่ว่าฉันมีนายนี่นาเสี่ยวหมี่โต้ว ใกล้กว่าก็ได้เปรียบคำนี้ไม่ได้พูดเล่นๆเลยนะ นายพาฉันไปให้คุณน้านายเห็นหน้าบ่อยๆหน่อยสิ”
เห็นเสี่ยวหมี่โต้วไม่ไหวติง เสี่ยวเหยียนเลยต้องพูดเงื่อนไขหลายๆอย่างเพื่อหลอกล่อเขา
“เอาแบบนี้ไหม ต่อไปน้าเสี่ยวเหยียนจะทำซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานให้นายกินทุกวันเลย”
เสี่ยวหมี่โต้วทำราวกับไม่ได้ยิน ยังคงกะพริบตาปริบๆ มองเธอด้วยดวงตาสดใส
เสี่ยวเหยียนกัดฟัน “แล้วก็จะทำปลาขี้เมาให้นายด้วย !”
เสี่ยวหมี่โต้วยังกะพริบตาปริบๆ
กะพริบเป็นประกายระยิบระยับ
“เอาล่ะ” เสี่ยวเหยียนยอมแพ้ “ต่อไปนายอยากกินอะไร นายก็บอกมา แล้วน้าเสี่ยวเหยียนจะรีบทำให้ทันที แบบนี้ดีไหม”
เสี่ยวหมี่โต้วตาเป็นประกายทันที ในที่สุดก็ยอมพยักหน้า “ดีฮะ !”
ในที่สุดก็บรรลุเป้าหมาย เสี่ยวเหยียนดีอกดีใจ ถึงจะรู้ว่าต่อไปจะต้องลำบากอยู่บ้าง แต่เพื่อไล่ตามเจ้าชาย ก็รู้สึกว่าลำบากหน่อยก็ไม่เป็นไร
*
คืนหนึ่งผ่านพ้นไป ตอนที่หานมู่จื่อตื่นขึ้นมา ก็ดูเหมือนจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจากข้างนอก
เปลือกตาหนักมาก ดังนั้นเธอเลยไม่ได้ใส่ใจ พลิกตัวทีหนึ่งแล้วนอนต่อ
ปิดตาอยู่ หานมู่จื่อย้อนคิดถึงเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ แล้วก็รู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง
คิดไปคิดมา เธอก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยที่เพิ่งตื่นยังมีขุ่นมัวอยู่บ้าง เหมือนเพิ่งข้ามผ่านท้องฟ้าที่มีเมฆบางๆ
เสียงผู้หญิง ?
พวกเธออยู่ในห้องพักของโรงแรมนี่นา แล้วทำไมข้างนอกถึงมีเสียงผู้หญิงได้
ขณะที่ในใจของหานมู่จื่อกำลังคิดว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ร่างกายก็ไปเร็วกว่าความคิด มือรีบปัดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นมานั่ง จากนั้นก็ลงจากเตียง
ห้องพักของโรงแรมนี้เป็นแบบห้องชุด จึงมีห้องพักเดี่ยวแยกกับห้องรับแขก ห้องครัวและห้องอาบน้ำ
ตอนนี้เอง ภายในห้องรับแขกมีเงาเพิ่มขึ้นมาหลายเงา
เย่โม่เซินกวาดตามองคนอื่นๆด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดเสียงเย็นว่า “เมื่อก่อนเคยได้ยินว่าตระกูลตวนมู่ถือเป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อระดับแนวหน้าของชนชั้นสูงในต่างประเทศ แต่วันนี้ผมกลับเห็นว่า ที่แท้การอบรมสั่งสอนของพวกตระกูลใหญ่ก็มีแค่นี้ กิริยามารยาทยังเทียบชั้นกับครอบครัวชนชั้นกลางทั่วไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
ตวนมู่เสว่ยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าหดหู่ ข้างๆเธอคือชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคนหนึ่ง
องค์ประกอบบนใบหน้าของชายหนุ่มได้รูปเป็นอย่างมาก หางตาชี้ขึ้น เป็นแบบมาตรฐานของรูปตาจิ้งจอก การจ้องมองนั้นมีเอกลักษณ์มากกว่าตวนมู่เสว่เสียอีก
แต่กลับสัมผัสถึงความอ่อนโยนบนตัวเขาไม่ได้เลยสักนิด
“พี่คะ !” ตวนมู่เสว่ถูกเย่โม่เซินแทงใจดำ เลยรีบดึงแขนคนข้างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา
ชายคนนั้นก็คือพี่ชายของตวนมู่เสว่ ตวนมู่เจ๋อ
ตวนมู่เจ๋อมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ถึงแม้บนริมฝีปากบางจะมีรอยยิ้ม แต่ออร่าบนตัวไม่ได้ด้อยไปกว่าเย่โม่เซินเลยแม้แต่น้อย
“คุณชายเย่ก็พูดเกินไป น้องสาวของผมถูกอบรมสั่งสอนอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก ก็แค่ครอบครัวของพวกเราค่อนข้างเปิดกว้างก็เท่านั้นเอง เมื่อเจอคนที่ถูกใจ ก็ต้องลงทุนลงแรงไล่ตามอย่างเต็มที่แน่นอน ถ้าคุณจะรู้สึกว่าการอบรมสั่งสอนของน้องสาวผมไม่ดี ก็คงต้องโทษที่คุณรูปงามเกินไปแล้วล่ะ เพราะพอน้องสาวผมได้เจอคุณก็ตกหลุมรักเข้าทันที”
ตวนมู่เสว่พยักหน้า พยักหน้าด้วยสีหน้าเห็นด้วยเต็มที่
“ใช่ค่ะ”
“โม่เซิน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะใช้อำนาจเพื่อลอบเข้ามาให้ห้องคุณจริงๆนะ ก็แค่โรงแรมที่คุณพักอยู่ตอนนี้อยู่ภายใต้ชื่อของฉัน ดังนั้น……ฉันก็เลยควบคุมตัวเองไม่ได้ไปชั่วขณะ”
เย่โม่เซิน “……”
ตระกูลตวนมู่นั้นทำอุตสาหกรรมโรงแรมเป็นหลัก โรงแรมที่อยู่ในต่างประเทศส่วนใหญ่ก็เป็นของพวกเขาตระกูลตวนมู่
สิ่งที่ทำให้เย่โม่เซินปวดหัวก็คือ ทำไมถึงได้เลือกเจอโรงแรมภายใต้ชื่อของตวนมู่อีกแล้ว
เขาหัวเราะเสียงเย็นคำหนึ่ง “ไสหัวออกไป”
สีหน้าของตวนมู่เจ๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ผมว่านะประธานเย่ คำว่าไสหัวไปนี่เป็นคำที่ไม่สุภาพเลยนะ เมื่อกี้คุณบอกว่าการอบรมสั่งสอนของน้องสาวผมไม่ดี ตอนนี้พอเทียบกันแล้วที่จริงพวกคุณก็เป็นคนประเภทเดียวกันไม่ใช่หรือไง”
มองดูสองพี่น้องที่อยู่ตรงหน้า โดยเฉพาะตวนมู่เจ๋อคนนี้ ตั้งแต่เข้ามาก็พูดจ้อไม่หยุด
เป็นผู้ชายทั้งคนพูดมากอย่างกับหญิงชราไปได้ เย่โม่เซินแทบจะอดกลั้นไฟโกรธของตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้ว
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มู่จื่อยังนอนพักผ่อนอยู่
แบบนี้จะต้องรบกวนเธอแน่ๆ
ขณะกำลังคิด เสียงสงสัยเสียงหนึ่งของผู้หญิงก็ดังขึ้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”
ทุกคนหันไปมองตามต้นเสียง สิ่งที่ได้เห็นก็คือหญิงสาวที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตชาย ผิวขาวนวล ผมเผ้ายุ่งเหยิง และริมฝีปากแดงระเรื่อคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น
เสื้อเชิ้ตของผู้ชายยาวจนถึงต้นขาของเธอ ปิดคลุมส่วนก้นได้พอดี แต่ก็เผยให้เห็นเรียวขาทั้งสองข้างด้วย ทั้งขาวทั้งเรียว
ตวนมู่เจ๋อกวาดตาไปมอง ยังไม่ทันได้มองให้ละเอียด เงาสูงใหญ่ของคนๆหนึ่งก็พุ่งเข้าไปก่อน แล้วถอดเสื้อนอกบนตัวออกไปคลุมตัวของหานมู่จื่อเอาไว้
เย่โม่เซินสีหน้าสดใส เอาเสื้อนอกที่พึ่งถอดออกปิดร่างกายเธอเอาไว้ ห่อร่างกายที่ยั่วยวนใจในขณะนี้ของเธอเอาไว้ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ทำไมเธอถึงได้ออกมากะทันหันล่ะ”
หานมู่จื่อ “……”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเย่โม่เซินทีหนึ่ง “เสียงดังทำฉันตื่นน่ะ”
กะแล้วเชียว
แววตาของเย่โม่เซินลุกโชน ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง ใช้เงาของตัวเองบดบังทุกสายตาเอาไว้ แววตาเย็นยะเยือกกวาดไปทางสองพี่น้องตวนมู่
“ในขณะที่ฉันยังไม่โกรธ ไสหัวไปซะ”
หานมู่จื่อประหลาดใจมาก แม้ว่าเย่โม่เซินตอนนี้จะบอกว่าเขายังไม่ได้โกรธ แต่ว่าหานมู่จื่อก็ฟังออกแล้วว่าในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยไฟโทสะ
เธอแอบยื่นหน้าออกจากอ้อมอกของเย่โม่เซินไปมองสองคนนั้น
สองคนนี้เป็นใคร ? ทำไมถึงมาที่ห้องของพวกเธอแต่เช้าแบบนี้
ตอนที่หานมู่จื่อมองไป ทั้งสองคนก็กำลังมองประเมินเธออยู่
ตวนมู่เจ๋อมองอยู่ครู่หนึ่ง ปากก็ขยับขึ้น
“น้องสาว หรือว่านี้จะเป็นคู่แข่งของเธอ”
ในเสี้ยววินาทีที่ตวนมู่เสว่เห็นหานมู่จื่อ ก็รู้ได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ก็คือคู่แข่งของตัวเอง อีกอย่าง……ยังเป็นคู่แข่งที่ค่อนข้างแข็งแกร่งด้วย
มองดูปฏิกิริยาที่เย่โม่เซินมีต่อเธอก็พอจะรู้แล้ว
และเธอก็รู้ด้วยว่า ถ้าหากเธออยากจะอยู่กับเย่โม่เซิน เกรงว่าตัวเธอเองก็คงต้องทุ่มเทความพยายามเป็นอย่างมากด้วย