บทที่651หาแด๊ดดี๊ให้หนู
กลางดึก
เซียวซู่ตั้งใจขับรถไปรับคนที่สนามบิน
ผมของเขาค่อนข้างยุ่งเหยิงเล็กน้อย ขอบตาดำคล้ำ ดูทรุดโทรมเหลือเกิน
เขาอดตาหลับขับตานอนมาหลายคืนแล้ว
นับตั้งแต่วันที่เย่โม่เซินออกตามหาภรรยา งานทั้งหมดราวกับจะกดทับอยู่ที่ผู้ช่วยเพียง คนเดียว
แม้ว่า เงินเดือนจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า
แต่ไม่กี่วันมานี้เซียวซู่รู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นมาอีกหลายปี
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคิดว่าเขาคงต้องอำลาวัยหนุ่มแล้วล่ะ
หวังว่าเย่โม่เซินจะได้กลับมาอยู่กับคุณนายน้อยเร็วๆ แบบนี้เขาเองก็จะได้เหนื่อยน้อยหน่อย
ในขณะที่กำลังคิด เซียวซู่ก็เห็นเงาที่คุ้นเคยตรงหน้าประตูสองเงา
เป็นคุณชายเย่กับคุณนายน้อยนั่นเอง
เซียวซู่แววตาเป็นประกาย รีบเปิดประตูรถออกไปรับ
“คุณชายเย่ครับ”
พอเห็นหานมู่จื่ออยู่ในอ้อมอกคุณชายเย่ หานมู่จื่อที่นอนหลับอย่างแข็งขืน ทั้งสองคนได้ กลับมาพบกันอีกครั้งแล้ว
พอขึ้นรถ หานมู่จื่อก็หลับลงอีกคราในอ้อมกอดเย่โม่เซิน พลางยื่นบัตรประชาชนขึ้นมา“ไปส่งฉันที่โรงแรมเถอะค่ะ ดึกเกินไปแล้ว ไม่อยากกลับไปรบกวนพวกเธอ”
เย่โม่เซินยกมือขึ้นโดยสัญชาตญาณ พอหยิบบัตรประชาชนมาจากเธอแล้วจึงกำเอาไว้ ในมือ ก้มมองเธอ มุมปากเชิดขึ้นเล็กน้อย
“ไม่อยากรบกวนพวกเธอเหรอ งั้นผมพาคุณไปที่อื่นแล้วกัน ไปไหมล่ะ”
หานมู่จื่อนอนหลับสะลึมสะลือ พยักหน้า“อืม……”
เซียวซู่ค่อยๆลอบมองฉากนี้ผ่านกระจกหน้า จากนั้นกะพริบตา พูดกับเย่โม่เซินเบาๆว่า
“คุณชายครับ นี่คือ”
“ไปที่หมู่บ้านของพวกเธอ”
เซียวซู่ทำได้เพียงพยักหน้า จากนั้นออกรถ ใจหนึ่งก็อดลอบมองไม่ได้ เห็นว่าเย่โม่เซินดูแลหานมู่จื่อได้ดีมาก และหานมู่จื่อเองก็ไม่ได้ต่อต้าน ยังคงนอนหลับในอ้อมกอดเขา อย่าง ว่าง่าย
บางที……พวกเขาอาจจะคืนดีกันแล้วจริงๆก็ได้
“ขับดีๆนะ”
เสียงทุ้มต่ำดังลอดมา เซียวซู่ได้สติคืน ตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไป
เย่โม่เซินเก็บบัตรประชาชนเข้า
กลางดึกไม่ค่อยมีรถ เซียวซู่จึงเร่งความเร็ว ตอนที่ถึงจุดหมายปลายทาง เซียวซู่เปิดประตูให้เย่โม่เซิน จากนั้นเย่โม่เซินจึงอุ้มหานมู่จื่อลงรถ
เห็นได้ชัดว่าหานมู่จื่ออาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้
เซียวซู่กระแอมเบาๆ ถามขึ้นเสียงค่อยว่า“คุณชายเย่ ก่อนหน้าคุณนายน้อยบอกว่า……ไม่กลับหมู่บ้านไม่ใช่หรือครับ ทำไมคุณถึง……”
“แล้วไง”เย่โม่เซินขมวดคิ้ว“ฉันไม่มีบ้านพักในหมู่บ้านนี้หรือไง”
เซียวซู่หุบปากทันที ก็จริงนะ คุณชายเย่ได้ซื้อบ้านไว้หลังหนึ่งตรงข้ามบ้านคุณนายน้อย เลย จะไม่มีที่ได้ยังไง คืนนี้คุณชายเย่คงจะพาคุณนายน้อยมาอยู่ที่นี่ล่ะมั้ง
ไหนๆทั้งคู่ก็คืนดีกันแล้ว เซียวซู่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะว่าอะไร ได้แต่พยักหน้า เดินขึ้นหน้าไป กดลิฟต์ให้
พอเย่โม่เซินวางหานมู่จื่อลงดีแล้ว เซียวซู่ถึงได้หมุนตัวเดินออกจากหมู่บ้านไป
ก่อนที่จะเข้าไปในลิฟต์ เซียวซู่อดมองบ้านตรงข้ามไม่ได้ พอคิดว่ายัยหนูนั่นอาศัยอยู่ในนี้ เขาก็เดินจากไป อย่างสะลึมสะลือ
*
“คุณน้าเสี่ยวเหยียนครับ คุณน้าบอกว่า เมื่อวานเครื่องบินหม่ามี้ถึงห้าโมงเย็น แต่ผมรอมาคืนหนึ่งแล้ว ทำไมถึงยังไม่ได้เจอครับ”
แต่เช้าตรู่ พอเสี่ยวเหยียนเปิดประตูออกมาก็เจอเสี่ยวหมี่โต้วนั่งแกว่งขาอยู่บนโซฟา มองเธอราวกับจะร้องทุกข์
เสี่ยวเหยียนชะงัก จากนั้นยื่นมือออกไปลูบคลำใบหน้า ให้ตัวเองตื่นตัวหน่อย
“ยังไม่กลับอีกเหรอครับ แปลกจัง เมื่อวานเพิ่งบอกผมแท้ๆว่ากลับห้าโมงเย็น เมื่อคืนก็น่าจะถึงบ้านแล้วนี่นา คุณน้าไปดูที่ห้องยังครับ”
เสี่ยวหมี่โต้วเม้มปาก“เมื่อคืนผมอยู่ในห้องหม่ามี้ หึ!”
“ไม่หรอกมั้งจ๊ะ หรือว่าหม่ามี้หนูไม่ได้กลับทั้งคืน หนูรอเดี๋ยวนะจ๊ะ น้าจะลองโทรหาหม่ามี๊ให้”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนหมุนตัวกลับขึ้นชั้นบน จากนั้นหยิบมือถือออกมาโทรหาหานมู่จื่อ
หานมู่จื่อหลับเป็นตาย ไม่กี่วันนี้เธอเหนื่อยจริงๆ เย่โม่เซินเลยปรับมือถือเธอให้เป็น ระบบสั่น พอตื่นก็เอาไปไว้นอกห้อง
ในตอนที่มือถือสั่น หานมู่จื่อที่ยังอยู่ในห้วงนิทราย่อมไม่ได้ยินแน่นอน
เสี่ยวเหยียนรออย่างกระวนกระวายใจ ไม่มีคนรับสายเสียที เธอร้อนใจจนทุบกำแพง“ทำไมไม่รับสายสักทีนะ คงไม่เกิดเรื่องหรอกมั้ง”
เธอร้อนใจเป็นไฟ เหมือนมดที่เดินบนเตา
ในตอนที่เสี่ยวเหยียนอดรนทนไม่ไหวจะกดมือถืออีกรอบ ในที่สุดก็มีคนรับสาย
แต่เสียงที่ดังขึ้น กลับเป็นเสียงทุ้มต่ำของผู้ชาย
“เกิดเรื่องอะไร”
พอเสี่ยวเหยียนได้ยินเสียงนี้จึงตกตะลึง เป็นนานกว่าจะรู้สึกตัว
เสียงผู้ชายที่ดังขึ้นมานี้คุ้นหูนัก……
เสี่ยวเหยียนครุ่นคิดอยู่ว่าไม่กี่วันนี้หานมู่จื่ออยู่กับใคร และเธอก็นึกออก
“เย่ คุณชายเย่เหรอคะ”
เสียงตะกุกตะกักจากปลายสายทำให้เย่โม่เซินอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ จากนั้นพูดเสียงเย็นชา“เธอกำลังพักผ่อน มีธุระเหรอ”
เสี่ยวเหยียนส่ายหน้าตามสัญชาตญาณ พอรู้สึกตัวว่ากำลังโทรศัพท์อยู่ ฝ่ายตรงข้ามน่าจะไม่เห็น จึงรีบพูด“ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อยากรู้ว่าเมื่อคืนทำไมมู่จื่อยังไม่กลับ ก็เลย……”
“เธออยู่บ้านฉัน สบายใจได้”
“ค่ะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว งั้นฉันวางสายนะคะ……”
เสี่ยวเหยียนวางสายอย่างตะกุกตะกัก จากนั้นเอามือทาบอก
แม่เจ้า ตกใจหมด เย่โม่เซินรับสาย
มาจนป่านนี้ เสี่ยวเหยียนก็ยังกลัวเขาอยู่
พอคิดว่าถ้าต่อไปหานมู่จื่ออยู่กับเขาแล้ว เธอจะต้องได้เจอเย่โม่เซินบ่อยๆแน่ เสี่ยว เหยียนรู้สึกหมดหวัง
ราชาหน้าเย็นนั่น ฮือๆๆๆ น่ากลัวจริงๆ
“คุณน้าเสี่ยวเหยียนครับ หม่ามี้ล่ะ”
เสียงเสี่ยวหมี่โต้วดังมาจากด้านหลัง
เสี่ยวเหยียนหันหลังไป เห็นว่าเสี่ยวหมี่โต้วอยู่หลังเธอ จึงถามขึ้นอย่างตกตะลึง“หนูมาได้ไงจ๊ะ เมื่อกี้หนูได้ยินที่น้าคุยโทรศัพท์ไหมจ๊ะ”
เสี่ยวหมี่โต้วกระพริบตา จากนั้นพูดขึ้น“ผมเพิ่งขึ้นมาเองครับ คุณน้าเสี่ยวเหยียน หม่ามี้ล่ะครับ รับสายหรือเปล่าครับ”
“เอ่อ……หม่ามี้ไม่เป็นไรจ๊ะ สบายใจเถอะนะ”เสี่ยวเหยียนเดินมาลูบหัวเธอ“หม่ามี้กำลังยุ่งอยู่กับหาพ่อเลี้ยงให้หนูน่ะจ่ะ ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ รีบไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ แล้วมากินข้าว น้าจะส่งหนูไปโรงเรียนเอง”
“ครับ”เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้า“พ่อเลี้ยงแปลว่าอะไรครับ”
เสี่ยวเหยียน“……หนูไม่รู้จักพ่อเลี้ยงหรือจ๊ะ น้าเห็นปกติหนูรู้มากออก”
“หม่ามี้บอกว่า……หาแดดดี๊ ไม่ใช่พ่อเลี้ยงครับ”
แดดดี๊เหรอ พอเสี่ยวเหยียนนึกหน้าค่าตาว่าก็เหมือนกันนั่นแหละ จึงยักไหล่“พอๆกันแหละมั้ง ยังไงก็คือแดดดี๊ของหนู เอาล่ะ รีบไปเตรียมตัวเถอะนะจ๊ะ ตอนบ่ายน้าจะไปรับ แล้วพาหนูไปบริษัทคุณลุง พอเจอคุณลุง หนูต้องพูดว่า คิดถึงคุณลุงจังเลยครับ เลยให้คุณน้าเสี่ยวเหยียนมาส่ง เข้าใจไหมจ๊ะ”
เสี่ยวหมี่โต้ว“แต่ว่า……ผมไม่ได้คิดถึงคุณลุงนี่ครับ”