บทที่654 อย่าให้รอนานเกินไป
เด่นชัดเกินไป
หานมู่จื่อคลำรอยแดงนั้น ในตอนที่คิดอยากจะเอาแป้งมากลบ กลับค้นพบว่าตัวเองไม่ ได้เอากระเป๋ามาเสียนี่ ในมือมีแต่โทรศัพท์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น
“กระเป๋าฉันล่ะ”
“น่าจะอยู่ในบ้านมั้ง”เย่โม่เซินตอบกลับคำหนึ่ง พร้อมเผยรอยยิ้มซุกซน
หานมู่จื่อคลำดูรอยแดง แล้วมองไปทางเย่โม่เซิน
“คุณจงใจใช่ไหม”
“คุณเป็นผู้หญิงของผม ผมจะฝากรอยไว้บนผู้หญิงของผมจะเป็นไรไป มีปัญหาอะไรไหม”เย่โม่เซินพูด น้ำเสียงฟังดูแน่นิ่งขึ้นเยอะ“แบบนี้คนอื่นจะได้ไม่ดูแคลนคุณไง ตอนนี้คุณเป็นคุณนายน้อย”
หานมู่จื่อ“……ฉันไม่ใช่ ฉันไม่เคยจดทะเบียนสมรสกับคุณสักหน่อย และก็ไม่เคยจัดงานแต่งกับคุณด้วย”
ราวกับสำลักคำพูดของหล่อน เย่โม่เซินนิ่งงันไป
สัมผัสได้ถึงความเงียบของเขา เดิมทีหานมู่จื่อคิดว่าเขาคงจะพูดอะไรออกมา แต่รออยู่ พักใหญ่ เขากลับไม่พูดอะไรอีก
เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าเย่โม่เซินอาจจะพูดอะไรบ้าง หรือว่ารีบพาเธอไปจดทะเบียนสมรส หรือว่าจัดงานแต่งงาน ขอเธอแต่งงานอะไรทำนองนั้น
แต่ว่า……คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอคิดมากเกินไปหรือเปล่า อย่างไรเสียทั้งคู่ก็เคยแต่งงานกันมาก่อน
คิดมาถึงตรงนี้ หานมู่จื่อถอดถอนหายใจออกมา
ช่างเถอะ เธออย่าไปถือสาให้มากความเลย น้ำใจที่เขามีให้ ทำไมเธอจะดูไม่ออก ขอแค่คนสองคนรักกันด้วยใจจริง เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ
สิ่งที่เธอควรจะกังวลตอนนี้ คือรอยแดงบนลำคอต่างหาก
ไม่มีอะไรมาปกปิดได้เลย เดี๋ยวจะต้องมีคนเห็นเข้าแน่ๆ
เธอจะทำอย่างไรดีล่ะ
ครุ่นคิดเป็นนาน หานมู่จื่อจึงยกมือสางผมยาวของเธอมาปกปิดไว้ แล้วปล่อยให้ผมยาว ประปกปิด ก็จะปิดรอยแดงนั้นได้พอดี
เย่โม่เซินมองดูทีหนึ่ง“จะปิดทำไมเล่า”
หานมู่จื่อไม่สนใจเขา แต่หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง เพราะตัวการนี่แท้ๆ ถึงได้ยุ่งวุ่นวายขนาดนี้
เห็นเธอเกาะขอบหน้าต่าง ท่าทางเหมือนสาวน้อย เย่โม่เซินจึงยิ้มออกมาอย่างลุ่มลึก
“เมื่อไหร่……เมื่อไหร่จะพาผมไปพบลูกชายของผมสักที”
“ยังไม่เห็นเลย คุณก็เรียกไปสิลูกชายลูกชาย ถึงเวลาเขาจะยอมรับคุณหรือเปล่า ก็ยังไม่รู้”หานมู่จื่อตอบกลับไปคำหนึ่ง
ฟังคำพูดแล้ว เย่โม่เซินขมวดคิ้ว
นี่แหละที่เป็นปัญหา อย่างไรเสียเขาไม่เคยเห็นเด็กคนนี้มาก่อนหน้านี้ เขาจะยอมรับตัวเองเป็นพ่อหรือเปล่า ก็ยังไม่รู้
ถ้ายอมรับ ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี
แต่ถ้าหากว่า……เขาไม่ยอมรับล่ะ
“ไม่ยอมรับก็ต้องยอม ยังไงคุณก็มีผมเป็นผู้ชายเพียงแค่คนเดียว”
หานมู่จื่อ“……”
“ก็ต้องมีวิธีที่เขาจะยอมรับผมแหละ”
หานมู่จื่อ“ฉัน ฉันยังไม่ได้คิดเลย คุณรอหน่อยนะ”
เธอเองก็ยังยึกยักลังเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหลังกลับประเทศ เธอเองยิ่งตึงเครียด ในใจมีความหวัง ความคึกคัก แต่ว่าก็ระคนไปด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย
เธอคิดว่า ถ้าหากให้เขาสองพ่อลูกได้พบกัน ตัวเองจะต้องเตรียมพิธีรีตองอะไรไหม หรือว่าจะต้องเตรียมงานอะไรไหม
คิดไปคิดมา ก็คิดว่าไม่เหมาะสม
หานมู่จื่อขยี้คิ้ว รู้สึกเจ็บเล็กน้อย
หรือว่าพอไปบริษัทแล้ว มีเวลาลองปรึกษาเสี่ยวเหยียนดูหน่อยดีกว่า
พอคิดได้แบบนี้ หานมู่จื่อก็วางลงได้ไม่น้อย ในใจก็ไม่รู้สึกหนักอึ้งต่อไป
กินข้าวแล้ว เย่โม่เซินพาเธอมาส่งที่ด้านล่างของบริษัท ก่อนที่จะลงรถ เขาพูดมาทางด้านหลัง
“ถ้าคิดดีแล้วเมื่อไหร่ อย่าลืมบอกผมนะ แต่ว่า……อย่าให้ผมรอนาน อย่างมาก ผมจะรอแค่สามวัน”
หานมู่จื่อ“……ฉันรู้แล้ว วางใจเถอะ”
จากนั้นเธอจึงรีบไป โดยที่ไม่กล้าสบตาเย่โม่เซินแม้แต่น้อย
หลังจากที่เข้าลิฟต์ไปแล้ว สายตาที่ร้อนแรงนั้นก็หายไป หานมู่จื่อจึงได้ถอนหายใจออก มาอีกครั้ง แม้ว่าจะอยู่กับเขาแล้ว อะไรๆก็ทำไปหมดแล้ว แต่ว่าทุกครั้งพอเย่โม่เซินจ้อง มาที่เธอด้วยแววตาร้อนแรงแบบนั้นเธอก็รู้สึกอึดอัด
จะอธิบายไงดีล่ะ เหมือนกับว่าจะกลืนกินเธอลงไปต่อหน้าต่อตาแบบนั้นแหละ
เธอยกมือโบกพัดไปที่ลำคอตนเอง พัดเป่าความร้อนระอุออกไป
ไม่ได้มาบริษัทไม่กี่วัน หานมู่จื่อมักจะรู้สึกว่าใจหวิวๆ โชคดีที่เธอไม่ได้เจอใครในลิฟต์ จนกระทั่งไปที่สำนักงาน ถึงได้เจอเสี่ยวเหยียนที่มือกำลังยุ่งเป็นระวิง
“อะไรอะไรคะ คุณพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ รบกวนคุณพูดอีกรอบได้ไหมคะ หรือไม่แบบนี้ดี ไหมคะ ตอนบ่ายคุณตรงมาคุยที่บริษัทเราเลย วางใจได้นะคะ แบบที่คุณชอบ พวกเราจะประเมินราคาออกมาให้!”
“ใช่ค่ะๆๆ ไม่มีปัญหาแน่นอน”
“ได้ค่ะ ขอบพระคุณที่เข้าใจนะคะ งั้นฉันวางสายก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
พอเสี่ยวเหยียนวางสาย ก็ไปรับอีกสายหนึ่ง หานมู่จื่อยืนอยู่ที่หน้าประตูเห็นท่าทียุ่งเป็นระวิงของเขา ก็อดขันไม่ได้ จึงได้แต่มือทาบอกยืนอยู่ด้านหน้า
จนกระทั่งเสี่ยวเหยียนทำธุระเสร็จ เดินไปเดินมา จู่ๆก็เหมือนเห็นเงาที่ประตู เธอจึงมอง ไปทางนั้น
จากนั้นเธอจึงหลุบตาลง แล้วก็หันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
“มู่จื่อเหรอ”
หานมู่จื่อยิ้มจางๆ พยักหน้าให้
“บ้าเอ๊ย ตกใจหมด จู่ๆก็มายืนตรงนี้ ไม่พูดไม่จา มาตอนไหนเนี่ย”
หานมู่จื่อยิ้มเล็กน้อยพูดขึ้น“มาได้สักพัก เห็นเธอกำลังง่วนกับงาน เลยไม่อยากรบกวน”
“……ฉันไป ฉันยุ่งที่ไหนกันเล่า ฉันวุ่นจนไม่มีเวลาเลยต่างหาก เธอน่ะดีนะ มาแล้วก็ไม่ช่วย มายืนดูฉันทำงานอยู่ได้”
“เอาน่า”หานมู่จื่อยิ้มแล้วเข้าไป ปลอบใจ“ก็กลัวจะไปขัดจังหวะการทำงานของเธอไง ก็เลยไม่ส่งเสียง สองวันนี้เป็นไงบ้าง”
“คนที่มาเซ็นสัญญาที่บริษัทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นพวกงานเลี้ยง หลายเจ้าที่มีชื่อเสียง แล้วก็มีที่ลูกค้าเก่าแนะนำมา ฉันว่า……ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องหาผู้ช่วยแล้วล่ะ ฉันคนเดียวจะบ้าตาย”
หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากทำท่าครุ่นคิด พูดขึ้น“งั้นก็ เธอก็หาผู้ช่วยมาเลยสิ ที่ช่วยเธอได้”
“หมายความว่าไง”เสี่ยวเหยียนกระพริบตาปริบๆ แล้วยืนนิ่งตรงหน้าเธอ“เธอคงไม่ได้คิดหนีไปกับประธานเย่ แล้วทิ้งฉันไว้ที่บริษัทไม่สนใจหรอกนะ”
หานมู่จื่อฟังคำพูด อดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วจิ้มหน้าผากเธอ
“เธอกำลังคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่น่ะ เธอหาผู้ช่วยมาช่วยเธอคนนึง ต่อไปก็สบายขึ้นไง”
“ปากพูดแบบนี้ แต่ฉันก็เป็นผู้ช่วยเธอนะ ยังจะหาผู้ช่วยอีกเหรอ”
หานมู่จื่อยิ้มเล็กน้อย“งั้นฉันเลื่อนขั้นให้เธอแล้วกัน ตอนนี้บริษัทเราหมุนได้ไม่เลวเลย ให้เธอเป็นผู้บริหารไหม”
ฟังแล้ว เสี่ยวเหยียนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย“บริหารงั้นเหรอ ฉัน ฉันยังไม่ทันได้……”
“เธอช่วยฉันมาตั้งหลายปี ฉันเชื่อใจในความสามารถของเธอ ต่อไปเธอก็เป็นรองผู้จัดการ นอกจากฉันแล้ว เธอมีสิทธิ์ถามทุกเรื่อง อีกอย่างนะ พอทำงานบริหารแล้วอย่าลืมตามเรื่องพี่ชายฉันต่อนะ”