บทที่658 เด็กสมัยนี้หน้าตาดีขนาดนี้เชียว
เย่หลิ่นหานจับมือเธอไว้ แม้หน้าดูอ่อนระโหยโรยแรง แต่กลับยังคงความเข้มแข็ง“ไม่ ไม่ไปโรงพยาบาล”
“คุณเป็นขนาดนี้แล้ว ยังไม่ไปโรงพยาบาลอีก”แม้ว่าหานมู่จื่อจะดูไม่ออกว่าเขาเป็นยังไงบ้าง แต่เธอพอจะเห็นความเจ็บปวดของเขาได้จากเม็ดเหงื่อบนหน้าผากและใบหน้าที่ซีดขาว
เย่หลิ่นหานกลับชะแง้มองเธอ ยิ้มออกมาให้อย่างอ่อนแรง
“พอผมได้ขึ้นรถพยาบาลแล้ว คุณคงจะไม่เป็นห่วงผมอย่างนี้แล้ว เพราะฉะนั้น……ผมยอมตายอยู่ตรงนี้ ไม่ไปโรงพยาบาล”
หานมู่จื่อ“……คุณจะบ้าหรือไง เจ็บเจียนตายขนาดนี้”
“ผมไม่ได้บ้า”เย่หลิ่นหานกุมมือเธอแน่น แววตาค่อนข้างเจ็บปวด“ผมแค่อยากหาโอกาสให้ตัวเองบ้าง ทำไมล่ะ……คุณจะหันมามองผมบ้างไม่ได้เชียวหรือ ถ้าคุณจะบอกว่าผมบ้า งั้นก็ถือเสียว่าผมบ้า”
ดูท่าทีของเขา หานมู่จื่อเองก็รู้สึกผิดเล็กน้อย อย่างไรเสียเขาโดนเย่โม่เซินซ้อมเพราะตัวเธอแท้ๆ แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าเย่โม่เซินวู่วามไปบ้าง แต่ว่า……
เอาเป็นว่า ตอนนี้ในใจหานมู่จื่อยุ่งเหยิงเป็นพัลวันไปหมด
เธออยากจะชักมือกลับ แต่ว่าเย่หลิ่นหานก็กุมมือเธอเอาไว้เสียแน่น เห็นท่าทีที่อ่อนเปลี้ยของเขา เธอเองก็ไม่กล้าผละมือออก เธอรู้สึกราวกับตัวเองเป็นคนชั่วร้าย จึงได้แต่ปลอบเขา
“ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย รถพยาบาลใกล้ถึงแล้ว”
หานมู่จื่อมองไปรอบตัว แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจหาตำแหน่ง พลางพูด“ฉันจำได้ว่าโรงพยาบาลไม่ไกลจากนี่ น่าจะราวๆแปดนาทีได้”
เธอพูดพลางมองเย่หลิ่นหาน“ตอนนี้คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างคะ บอกฉันมาสิ ฉันจะได้บอกคุณหมอ”
หากแต่เย่หลิ่นหานได้แต่จ้องตาเธอไม่กระพริบ แม้ว่าจะเจ็บจนใบหน้าซีดขาว แต่ว่าเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจตัวเองเท่าไหร่นัก
เป็นแบบนี้ได้ไงกัน หานมู่จื่อรู้สึกปวดหัว“เย่หลิ่นหาน ไม่สบายก็ต้องไปโรงพยาบาลนะคะ คุณไม่ไปโรงพยาบาล แล้วจะหายดีได้ยังไง ถ้าคุณเป็นลมไป ฉันไม่พยุงคุณขึ้นนะคะ”
แววตาของเย่หลิ่นหานผ่อนคลายลง มองเธออยู่เป็นนาน แล้วพูดขึ้น“แล้วถ้าผมไปโรงพยาบาล คุณจะไปกับผมไหม”
หานมู่จื่อ“……ฉันยังต้องรับเสี่ยวหมี่โต้ว คุณ……”
เขาหลับตาลงอย่างสงบ และยิ้มอย่างขมขื่น
“เป็นอย่างนั้นจริงๆนั่นแหละ คนอย่างผม ต่อให้อยู่ในโรงพยาบาลก็คงไม่มีใครรู้”
เห็นท่าทีของเขา หานมู่จื่ออดที่จะกัดฟันพูดไม่ได้“ตอนที่รถพยาบาลมาถึง เสี่ยวหมี่โต้วน่าจะใกล้ออกมาแล้วล่ะ ฉันรีบส่งเขากลับบ้านแล้วรีบมาหาคุณที่โรงพยาบาลดีไหมคะ หรือว่า……ฉันจะโทรศัพท์บอกพนักงานคุณนะคะ ให้พวกเขา……”
“ได้ ผมจะรอคุณที่โรงพยาบาลนะ”
เห็นว่าเขาน่าจะใกล้ลงมาแล้ว หานมู่จือพูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ยืนรอรถพยาบาลอย่างกระวนกระวาย ตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วออกมารถพยาบาลยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ พอเขาเห็นหม่ามี้ เสี่ยวหมี่โต้วก็วิ่งส่ายก้นมาหาหานมู่จื่อทันที
“หม่ามี้”
“เสี่ยวหมี่โต้ว”หานมู่จื่อกวักมือให้เขา เสี่ยวหมี่โต้วเดินเข้าไปซบเธอ จากนั้นสายตาจึงสาดส่องไปที่กำแพง ซึ่งเย่หลิ่นหานนอนอ่อนแรงอยู่ที่นั่น
“เอ๋ คุณอาเป็นอะไรอ่าครับ”
“คุณอาไม่สบายจ๊ะ หม่ามี้กำลังรอรถพยาบาล หนูรอแป๊บนึง ได้ไหมจ๊ะ”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าอย่างรู้ความ“ได้สิครับ ผมรอเป็นเพื่อนหม่ามี้นะครับ”
“จ๊ะ ขอบใจนะเสี่ยวหมี่โต้ว”
เสี่ยวหมี่โต้วเข้าถึงจิตใจผู้คนขนาดนี้ หานมู่จื่อรู้สึกดีใจ
เย่หลิ่นหานพิงกำแพง นั่งสีหน้าระทวยอยู่ตรงนั้น พอได้ยินเสียงของเสี่ยวหมี่โต้ว เขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วสบตาเข้ากับดวงตากลมโตน้อยๆของเสี่ยวหมี่โต้ว ฝืนยิ้มออกมาที หนึ่ง
“เสี่ยวหมี่โต้วมาแล้วเหรอ……”
“สวัสดีครับคุณอา”เสี่ยวหมี่โต้วโค้งคำนับทักทาย
“ขอโทษนะ วันนี้อา……คงพาหนูไปกินของอร่อยไม่ได้แล้วล่ะ”
“ไม่เป็นไรครับคุณอา”เสี่ยวหมี่โต้วมองด้วยสีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ แล้วพูดขึ้น“คุณอาไม่สบาย หลับตาพักผ่อนนะครับ ก่อนที่รถพยาบาลจะมา ผมกับหม่ามี๊จะอยู่เป็นเพื่อนคุณอาเอง”
เมื่อมองดูใบหน้าดวงน้อยที่ถอดพิมพ์ออกมาจากเย่โม่เซินราวกับแกะ เย่หลิ่นหานย่อมรู้แน่ว่าเย่โม่เซินรักหานมู่จื่อมาก เดิมทีเขาอยากครอบครองหานมู่จื่ออยู่แล้ว
ถ้าหากเขาเห็นว่าเสี่ยวหมี่โต้วหน้าตาเหมือนกับเขา งั้นก็ไปแม้แต่โอกาสก็คงไม่มีงั้นสิ
คิดมาถึงตรงนี้ เย่หลิ่นหานจึงหลับตาลง พูดออกมาอย่างยากลำบาก“อาเจ็บมากเลย หนูกับหม่ามี๊……ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนอาได้ไหม”
“แต่ว่า……”
“อาไม่มีญาติพี่น้อง ในโรงพยาบาลมันวังเวงเกินไป”
เขาฝืนยิ้มออกมา เป็นเพราะหลับตาลง จึงเก็บซ่อนอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้
การหลอกลวงเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง ก็รู้สึกไม่ดีอยู่ดี
แต่จะให้เขาทำอย่างไรได้เล่า หานมู่จื่อเล่นไม่ขยับอะไรเลย เขาได้แต่ลงมือทางเด็ก
ถ้าเป็นเด็ก พอเคยได้รับผลประโยชน์จากเขาแล้ว แถมยังออกปากเรียกคุณอาอีก แม่เด็กก็คงไม่ใจจืดใจดำหรอกมั้ง
เพียงแต่ว่า เย่หลิ่นหานดูเสี่ยวหมี่โต้วผิดไป
แม้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะเป็นเพียงเด็กห้าขวบ แต่ก็ไม่ใช่เด็กน้อยธรรมดา ความฉลาดหลัก แหลมของเขาเกินกว่าเด็กทั่วไป
เสี่ยวหมี่โต้วจึงกระพริบตา มองไปที่หม่ามี๊ทีหนึ่ง แล้วปฏิเสธอย่างสุภาพว่า“คุณอาหานไม่มีญาติหรือครับ เสี่ยวหมี่โต้วจำได้ว่าคุณอาเปิดบริษัท งั้นหม่ามี้ก็โทรหาพี่สาวหรือคุณน้าที่บริษัทสิครับ คุณอาหานบอกว่าโรงพยาบาลวังเวงเกินไป”
หึ คิดจะให้เขากับหม่ามี้ไปเป็นเพื่อนเหรอ ไม่มีทางหรอก
แม้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะไม่ได้รังเกียจเย่หลิ่นหาน แต่ถ้าหากว่าจะมาพรากพ่อแม่เขาออกจากกันล่ะก็ ไม่ได้หรอกนะ
เย่หลิ่นหานลืมตาขึ้น มองไปที่เด็กคนนี้ เขากำลังจ้องมองมาที่ตนเอง แววตานั้นสุกใสไม่มีความซับซ้อนใดๆ
แต่ว่ากลับทำให้ เย่หลิ่นหานเกิดความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวอย่างไร้ขีดจำกัด
เขามักจะรู้สึกว่าเด็กคนนี้อ่านความคิดเขาออกทะลุปรุโปร่ง
หรือว่าคิดไปเอง
เยหลิ่นหานอดประหลาดใจไม่ได้ เขาได้ยินเสียงรถพยาบาลมาแต่ไกล
“รถพยาบาลมาถึงแล้ว”
ไม่นาน รถพยาบาลได้จอดเข้าที่ริมถนน เย่หลิ่นหานถูกวางขึ้นบนเปลรถ ก่อนที่เย่หลิ่นหานจะขึ้นรถ แววตาคอยมองไปที่เขาตลอด ริมฝีปากขยับเล็กน้อย
“อย่า……อย่าลืมที่รับปากผมนะ มู่จื่อ”
“ญาติไม่ตามมาหรือคะ”ก่อนที่พยาบาลจะปิดประตูรถ มองไปที่หานมู่จื่อกับเสี่ยวหมี่โต้วทีหนึ่ง ด้วยแววตาแปลกๆ
หานมู่จื่อคืนสติมา กำลังจะตอบ เสี่ยวหมี่โต้วที่อยู่ข้างๆก็ตอบขึ้นแทน
“พี่พยาบาลครับ พวกเราไม่ใช่ญาติของคุณอานะครับ หม่ามี๊ผมเห็นว่าคุณอาป่วย ก็เลยเรียกรถพยาบาลน่ะครับ”
“ห๊า”พยาบาลเสียหน้าเล็กน้อย“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง งั้นขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่ต้องขอบคุณครับ ผมกับหม่ามี๊ไปก่อนนะครับ”
หานมู่จื่อคิดอยากจะพูดอะไรต่ออีกหน่อย แต่โดนเสี่ยวหมี่โต้วลากไปเสียก่อน พยาบาลมองตามเงาหลัง อดพูดออกมาไม่ได้ว่า“เด็กสมัยนี้หน้าตาดีขนาดนี้เชียว”