เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 664 ฉันเคยพูดไว้ว่าต้องการจะอยู่ต่อ

บทที่ 664 ฉันเคยพูดไว้ว่าต้องการจะอยู่ต่อ

หากว่าเสี่ยวหมี่โต้วกับจางเสี่ยวเหยียนพวกเขาได้กลับมากะทันหัน จากนั้นเปิดประตูก็จะเห็น

ถ้าเช่นนั้นเธอก็จะไม่ขายหน้าจนไปถึงมหาสมุทรแปซิฟิก?

“วางใจ” เย่โม่เซินได้กระซิบอยู่ข้างหูของเธอ: “ตอนที่เข้ามาฉันก็ได้ล็อกอย่างราบรื่นไว้แล้ว”

หานมู่จื่อ:“……”

เหตุผลที่ชัดแจ้งเขาคือได้มีความคิดนี้ในการเข้ามาในห้องนี้ล่ะ?

“เย่โม่เซิน นายมันเลว……วู”

คำพูดทุกคำด้านหลังที่เธอจะพูดก็ได้ถูกเย่โม่เซินกลืนเข้าไปในท้อง ลูกตาดำที่สวยงามของเธอได้ถลึงตาใส่จนโตเหมือนกับกระดิ่งทองแดง และได้มองผู้ชายที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเอาไว้ ทางด้านริมฝีปากยังคงได้ซ่อนรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอยู่

“นี่คือการลงโทษเธอ ที่วันนี้ได้หลอกลวงฉัน”

“ถัดไป ก็จำให้ดีๆ หากว่าหลังจากนี้เธอยังไปหาเขาอีกครั้ง ฉันก็จะลงโทษเธออีกครั้ง ไปหาเขาสองครั้ง ฉันก็จะลงโทษเธอสี่ครั้ง ได้ยินแล้วไหม?”

“นาย……ฮือ สารเลว!” หานมู่จื่อได้โกรธจนทุบอยู่ตรงหน้าอกของเขา แต่ว่าก็ได้ค่อยๆหมดแรงไปแล้ว จากนั้นคนทั้งคนก็ได้หลอมกลายเป็นใยฝ้ายก้อนหนึ่ง ถูกเขาปิดล้อมอยู่ในอ้อมอก

……

ตอนที่จางเสี่ยวเหยียนพาเสี่ยวหมี่โต้วกลับมา ก็ได้ดึกมากแล้ว ทั้งสองคนเมื่อเข้าไปในห้อง จางเสี่ยวเหยียนก็ได้เห็นถึงรองเท้าหนังของผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะแล้วคู่หนึ่งอยู่ตรงทางเข้า

เธอได้งุนงงไปแล้วครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้มองไปทางในห้อง

เงียบมาก กลับคือไม่มีคนอยู่

และในห้องรับแขกที่ใหญ่โตก็ได้มีกล่องใบใหญ่กี่ใบวางไว้แล้ว เสี่ยวหมี่โต้วก็ได้เปลี่ยนรองเท้าและวิ่งเข้าไปแล้ว

จางเสี่ยวเหยียนได้มีท่าทีโต้ตอบเข้ามา และได้รีบเปลี่ยนรองเท้าตามเข้าไป

“นี่มันคืออะไร?”

“เหมือนกับคือ……ของเด็กนะ”จางเสี่ยวเหยียนมองไปแล้วทีหนึ่ง ก็ได้พบว่าทั้งหมดแทบจะเป็นของเล่นเด็ก และก็ได้ยิ่งยืนยันสิ่งที่คาดเดาได้มากขึ้นแล้ว

รองเท้าหนังของผู้ชายตรงประตูคู่นั้นเมื่อมองขึ้นมาแล้วคุณภาพหนังก็ดีมาก เมื่อดูก็ไม่ใช่คนธรรมดา

อีกทั้งคนที่หานมู่จื่อพากลับมาคาดเดาว่านอกจากเย่โม่เซินแล้วก็ไม่มีคนอื่นแล้ว

ตรงด้านล่างว่างเปล่า หรือว่าคืออยู่ด้านบน?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ จางเสี่ยวเหยียนก็ได้หันมองไปด้านบนทีหนึ่ง และได้วางกระเป๋าในมือลง หลังจากนั้นก็ได้เดินไปทางด้านบน

เสี่ยวหมี่โต้วรู้สึกแปลกใจ จึงได้ก็ตามเธอไปด้านบนด้วยกัน

ผลสุดท้ายยังไม่ได้เดินไปใกล้ จางเสี่ยวเหยียนก็เหมือนกับว่าได้ยินถึงเสียงประหลาดเสียงหนึ่ง เมื่อหลังจากที่เธอได้มีท่าทีโต้ตอบเข้ามาว่าสิ่งนั้นคืออะไร เธอก็ได้หมุนตัวปิดหูของเสี่ยวหมี่โต้วไว้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ได้ลากเขาเดินลงไปชั้นล่าง

เสี่ยวหมี่โต้วเต็มไปด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสาในการมองเธอไว้

“น้าเสี่ยวเหยียน?”

สีหน้าของจางเสี่ยวเหยียนแสร้งทำเป็นเฉยเมยและได้นำเขาพามาถึงตรงหน้าของขวัญ: “มา พวกเรามาเปิดของขวัญพวกนี้ก่อน อีกเดี๋ยวค่อยขึ้นไป”

“ทำไมล่ะ?” เสี่ยวหมี่โต้วได้มองของเด็กพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้าไว้ จากนั้นหัวคิ้วก็ได้ขมวดขึ้นมา: “เสี่ยวหมี่โต้วก็ไม่ชอบของพวกนี้ อีกทั้งก็ไม่ใช่ของพวกเรา ทำไมจะต้องเปิด?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว จางเสี่ยวเหยียนก็อดไม่ได้ได้หัวเราะเบาๆออกมา

“นายรู้ได้ยังไงว่าของพวกนี้ไม่ใช่ของนาย? ก็ล้วนได้วางอยู่ในบ้านพวกเราแล้ว ในบ้านก็มีเพียงนายที่เป็นเด็กคนเดียว นายว่านี่ไม่ได้ให้นาย หรือว่ายังคงให้กับน้าเสี่ยวเหยียนกับแม่ของนาย?”

“ดูเหมือนว่าก็ใช่นะ” เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้า จากนั้นก็ได้หมุนไปคิด: “แต่ว่าเป็นใครที่มอบให้เสี่ยวหมี่โต้วล่ะ?”

ใครมอบให้เธอ?

จางเสี่ยวเหยียนคิดถึงเสียงนั้นที่เมื่อกี้ได้ยินอยู่ที่ด้านบน ก็ได้ยื่นมือออกประคองหน้าผากไว้อย่างจนปัญญา ทั้งสองคนนี้ก็ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ก็รู้อย่างชัดเจนว่าเธอกับเสี่ยวหมี่โต้วจะกลับมา ผลสุดท้ายยังคงป๊าบป๊าบป๊าบกันอยู่ชั้นบน

มันแย่จริงๆเลย

ไม่กลัวว่าเด็กจะเห็นเหรอ?

“สิ่งนี้ก็ต้องถามแม่นายแล้ว”จางเสี่ยวเหยียนหันไปยักคิ้วทำตาทางเขาแล้วครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ยิ้มตาหนีและพูด: “ไม่แน่ว่าในไม่ช้านายก็จะมีพ่อแล้ว”

“พ่อ?”

เสี่ยวหมี่โต้วได้ยืนอยู่ตรงที่เดิมไปแล้วครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้หมุนตัวเดินขึ้นไปทางด้านบน สีหน้าของจางเสี่ยวเหยียนได้เปลี่ยนไปมาก: “เฮ้อ เฮ้อ นายไปทำอะไร?”

เขาได้หยุดฝีเท้าลงมา และมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่ผิด: “ไปหาพ่อไง”

“ไม่ได้!”

จางเสี่ยวเหยียนเดินขึ้นไปทางด้านหน้าและได้นำเขาลากลงบันได “เปิดของขวัญก่อน เปิดเสร็จค่อยไปหาพ่อ”

“ทำไม? ของพวกนี้เป็นพ่อที่มอบให้เสี่ยวหมี่โต้วเหรอ? ถ้าเช่นนั้นเสี่ยวหมี่โต้วจะต้องถามความเห็นของเขาก่อนถึงจะเปิดออก”

“ตอนนี้ไม่ได้”

“น้าเสี่ยวเหยียน ทำไมล่ะ?”

จางเสี่ยวเหยียนรับไม่ได้จริงๆ ทำไมตัวเองจะต้องจัดการเรื่องยุ่งๆพวกนี้แทนหานมู่จื่อ?

ในการเผชิญหน้ากับเด็กที่มีใบหน้าที่ไร้เดียงสาคนหนึ่ง จะต้องให้เธอพูดยังไง พูดว่าพ่อแม่นายกำลังตั้งใจทำน้องสาวให้กับนาย นายห้ามไปรบกวนพวกเขางั้นเหรอ?

ฆ่าเธอแล้วเถอะ คำพูดพวกนี้เดิมทีเธอก็พูดไม่ออกมา

จางเสี่ยวเหยียนคิดแล้วคิดอีก จึงทำได้เพียงเปลี่ยนคำพูดและพูด: “พวกเราเพิ่งจะกินของจากด้านนอกกลับมา บนตัวจะต้องมีกลิ่น น้าเสี่ยวเหยียนจะพานายกลับห้องไปอาบน้ำก่อน ทำให้หอมแล้วพวกเราค่อยไปพบพ่อดีไหม?”

คิดไปคิดมา เสี่ยวหมี่โต้วถึงได้พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก

จางเสี่ยวเหยียนนำเขาพาขึ้นด้านบน และได้ปิดหูของเขาเอาไว้เดินไปอีกทางด้านหนึ่ง ในที่สุดหลังจากที่เอาเขาพาเข้าห้องน้ำแล้วจางเสี่ยวเหยียนถึงได้โล่งใจไปแล้วฟอดหนึ่ง

เธอรู้ว่าไปรบกวนคนอื่นไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไร แต่ถึงอย่างไรเสี่ยวหมี่โต้วก็อยู่ที่นี่ ดังนั้นสุดท้ายจางเสี่ยวเหยียนยังคงคือปิดประตูของตัวเองและได้กัดฟันทำ หลังจากนั้นก็ได้เดินไปถึงหน้าประตูห้องของหานมู่จื่อ

เธอไม่ได้ขึ้นไปเคาะประตูทันที และได้ฟุบอยู่ตรงด้านประตูทำท่าทางเหมือนกับโจรแอบฟังอยู่ตรงนั้น

ในห้องเหมือนกับว่าไม่มีเสียงแล้ว

จางเสี่ยวเหยียนกะพริบตาไปมา หรือว่าได้จบลงแล้ว?

ตอนที่เธอเพิ่งคิดที่จะเคาะประตู ประตูกลับได้ลากเปิดออกแล้วอย่างกะทันหัน

จางเสี่ยวเหยียนเพราะว่าคือได้ฟุบอยู่ตรงด้านประตู ดังนั้นเมื่อประตูเปิดออกอย่างฉับพลัน ในชั่วพริบตาเธอทั้งคนก็ได้สูญเสียการประคับประคองของความสมดุล และได้ล้มไปทางด้านหน้า เงาคนที่เดิมทีก็ได้ยืนอยู่ทางด้านในก็ได้หลบออกไปอย่างเบาหวิว จางเสี่ยวเหยียนได้ฟุบไปถึงบนพื้นที่เยือกเย็นแล้ว

“อ๋า…..เจ็บจัง” จางเสี่ยวเหยียนอดไม่ได้ที่จะตะโกนส่งเสียงด้วยความเจ็บปวด และได้รู้สึกว่าหน้าตัวเองก็ได้ล้มจนเสียโฉมแล้ว แต่เมื่อได้บ่นโทษเสร็จ เธอก็ได้รู้สึกถึงบรรยากาศที่ผิดปกติรอบด้านอย่างเบาบาง และได้เงยหัวขึ้นมามองทีหนึ่ง และก็ได้พบว่าหานมู่จื่อหดหัวอยู่ในผ้าห่ม และมีสีหน้าแดงๆในการมองเธอเอาไว้

“จางเสี่ยวเหยียน ทำไมเธอ……” เธอรู้สึกเก้อเขินจนไม่ไหว ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าเย่โม่เซินจะใส่เสื้อเสร็จและไปเปิดประตูอย่างกะทันหัน เธอที่อยู่ทางด้านนี้ก็ยังใส่เสื้อผ้าไม่เสร็จล่ะ

ช่วงเวลานั้นที่ได้เห็นถึงหานมู่จื่อ ในชั่วพริบตาสายตาของจางเสี่ยวเหยียนก็ได้เคลื่อนย้ายไปมองเย่โม่เซินเพราะว่าเธอในเวลานี้ได้ฟุบอยู่บนพื้น ดังนั้นตอนที่เงยหัวขึ้นเย่โม่เซินคือกำลังมองเธอไว้จากด้านบน และสายตาก็ได้เฉียบแหลมเหมือนกับนกเหยี่ยว ในสายตาเหมือนมีลูกธนูที่เปล่งออกไป

สีหน้าของจางเสี่ยวเหยียนได้ขาวซีด ก็ไม่ได้สนใจว่าเจ็บแล้ว และก็ได้รีบปีนขึ้นมาจากบนพื้น หลังจากนั้นจึงได้กัดฟันสู้ถอยออกไปตรงๆ

“รบกวนแล้ว!!!”

เมื่อพูดจบ จางเสี่ยวเหยียนก็ทำเหมือนกับไม่ได้เห็นถึงสายตาที่เยือกเย็นนั้นของเย่โม่เซิน และได้ปิดประตูใหม่แทนเขาแล้ว!

ปัง!

เมื่อหลังจากที่ประตูได้ปิดขึ้นมา จางเสี่ยวเหยียนหมุนตัวก็วิ่งไป ถึงอย่างไรเสียเธอก็ได้เคยปรากฏหน้าเข้าไปแล้ว มู่จื่อก็น่าจะรู้ว่าเธอได้พาเสี่ยวหมี่โต้วกลับมาแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ยุ่งแล้ว

หลังจากที่ได้กลับไปถึงห้องตัวเอง และได้ยินเสียงซู๋ซ่าของตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วอาบน้ำส่งออกมาจากในห้องน้ำ เมื่อคิดถึงใบหน้านั้นของเสี่ยวหมี่โต้วกับใบหน้าของเย่โม่เซินก็ได้เหมือนกันราวกับมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน

เห็นได้ชัดว่ามีรูปร่างหน้าตาเหมือนกัน แต่ทำไมเมื่อมองขึ้นมาแล้วเสี่ยวหมี่โต้วก็น่ารักเช่นนั้น แต่ว่าเย่โม่เซินเมื่อมองขึ้นมาแล้วก็น่ากลัวเช่นนั้นล่ะ?

จางเสี่ยวเหยียนได้ลูบแก้มของตัวเอง และได้คิดถึงสายตาเมื่อกี้นั้นของเย่โม่เซินที่เหมือนจะฆ่าคน จากนั้นก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะสั่นระริกแล้ว

เมื่อหานมู่จื่อเห็นถึงจางเสี่ยวเหยียน ก็ได้รู้ทันทีว่าเธอได้พาเสี่ยวหมี่โต้วกลับมาแล้ว สีหน้าของเธอก็ได้เปลี่ยนเล็กน้อย รอหลังจากที่จางเสี่ยวเหยียนไปแล้วก็ไม่ได้สนใจที่จะเขินอายอะไร และได้ทะลุออกมาจากในผ้าห่มตรงๆ จากนั้นก็ได้เริ่มใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว

และด้านหนึ่งก็ได้พูดกับเย่โม่เซิน: “เสื้อผ้าของนายก็ใส่เสร็จแล้วใช่ไหม? ตอนนี้ดึกเกินไปแล้ว มิเช่นนั้นนายกลับบ้านไปก่อน?”

มือคู่ของเย่โม่เซินได้กอดอก และได้จ้องมองเธอไว้อย่างมีความคิดบางอย่าง

“ฉันเคยพูดแล้วว่าต้องการอยู่ต่อ”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset