บทที่ 685 เลดี้เฟิร์ส
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หานมู่จื่อก็เม้มปากกลั้นยิ้ม เสี่ยวเหยียนนี้ถือได้ว่าเป็นคนที่ความอดทนสูงจริงๆ แต่ว่าเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว คนเย็นชาอย่างพี่ชายของเธอ ต้องเจอกับคนแน่วแน่นมั่นคงอย่างเสี่ยวเหยียนถึงจะเหมาะ ประมาณว่าค่อยๆ ใช้ความอบอุ่นละลายน้ำแข็งในใจของเขา
ดังนั้นหานมู่จื่อจึงนั่งลงไปก่อน ด้านหน้าของเธอเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายที่จัดวางอย่างสวยงาม แทบจะอดลงมือไม่ไหว
แต่ว่าคนยังมาไม่ครบเลย จะให้เธอลงมือก่อนก็รู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง เธอจึงทำได้เพียงนั่งเท้าคางเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูเล่น
พอดีกลับที่กดเข้าไปในวีแชท ในตอนที่เธอเห็นชื่อของเย่โม่เซิน เมื่อเผลอนึกถึงคำพูดที่เย่โม่เซินกระซิบข้างหู ใบหน้าก็ร้อนแผ่ว
หานมู่จื่อกัดปากล่างของตัวเอง เธอคิดว่า…. เย่โม่เซินคงคิดอยากจะแต่งงานกับเธอจริงๆ
เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ยิ้มออก มือขาวราวกับหิมะของเธอลูกไล้ไปบนจอโทรศัพท์ตรงชื่อของเย่โม่เซิน
“แฮะแฮะ รอยยิ้มของเธอนี้ทำให้ฉันรู้สึกขนลุกดีนะ” ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่จู่ๆ เสียงของเสี่ยวเหยียนก็ดังขึ้นมา หานมู่จื่อเหลือบสายตาไปมองก็เห็นว่าเสี่ยวเหยียนนั่งลงข้างเธอแล้ว
เกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ ก็เพิ่งเห็นว่าก่อนหน้านี้ไม่มีใคร เสี่ยวเหยียนโผล่มานั่งอยู่ข้างกายเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เมื่อเห็นว่าเธอมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาประหลาด เสี่ยวเหยียนก็อดที่จะอธิบายไม่ได้ “อย่างมองฉันอย่างนี้นะ เป็นเธอนั่นแหละที่มัวแต่คิดเรื่องเย่โม่เซินมากไป ฉันเรียกเธอไปตั้งแต่แรกแล้ว เป็นเธอที่ไม่ได้ยินเอง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหานมู่จื่อก็ชะงักไป
เสี่ยวเหยียนเรียกตัวเธอแล้วงั้นเหรอ?
ไม่มีเหตุผลที่เธอจะไม่ได้ยินนิ?
ในขณะที่หานมู่จื่อกำลังสงสัย สีหน้าของเสี่ยวเหยียนก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเยาะ “เธอมัวคิดเรื่องอะไรอยู่เหรอมู่จื่อ สีหน้าดูเหมือนเพ้อฝันถึงผู้ชายเลย หรือว่า…. เป็นเรื่องไม่ดีงั้นเหรอ?”
หานมู่จื่อ “…………”
เธอมองไปที่ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเสี่ยวเหยียน รู้อยู่ว่าเป็นคนโสด ทว่าทุกครั้งที่พูดเรื่องเธอกับเย่โม่เซิน เธอก็มักจะยิ้มเยาะสีหน้าไม่สามารถคาดเดาได้ ดูเหมือนจะเข้าใจไปซะหมด
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หานมู่จื่อก็ถึงกับมุมปากกระตุก
“พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก เธอไม่เคยมีแฟนนิ”
รอยยิ้มของเสี่ยวเหยียนหุบลงให้ฉับพลัน
หลังจากนั้นเสี่ยวเหยียนก็เอื้อมมือมาบีบคอเธอด้วยความโมโห “เหอะมู่จื่อ นี้เธอหัวเราะเยาะที่ฉันยังโสดเหรอ หึ ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะฉันหลงไปชอบผู้ชายที่ไล่ตามยากอย่างนี้ล่ะก็ คิดว่าฉันยังจะโสดอยู่อีกเหรอ? ถึงตอนนี้ฉันจะโสดอยู่คนเดียว จะโสดก็ช่าง นี้เธอยังจะมาหัวเราะเยาะฉัน”
เสี่ยวเหยียนยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกโมโห พูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มเหี้ยม“ฉันจะบีบคอเธอให้ตายเลย ตายซะ!”
หานมู่จื่อยังคงมีเพียงรอยยิ้มจางอยู่บนใบหน้า เพราะอยู่เหมือนคำพูดเธอก็ไม่ได้ดูจริงจังสักนิด
ทันใดนั้นจู่ๆ เสี่ยวเหยียนก็ดึงมือกลับไปอย่างรวดเร็วราวกับถูกไฟช็อต รอยยิ้มบนใบหน้าก็มลายหายไปด้วย มีเพียงความตื่นตกใจที่แสดงออกมาทางสายตา หลังจากที่สบสายตากับผู้มาใหม่ เธอก็รีบหลบสายตาไม่กล้าสบตากับเขาตรงๆ
หานมู่จื่อเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของเธอก็พอจะคาดเดาได้ว่าเป็นใครที่มา
คนที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของเสี่ยวเหยียนได้มากขนาดนี้ นอกจากพี่ชายของเธอแล้วยังจะมีใครอีก?
หานมู่จื่อค่อยๆ จัดแจงผมและเสื้อให้เข้าทีก่อนจะนั่งลงให้เรียบร้อย
“หม่ามี๊ คุณน้าเสี่ยวเหยียน” เสียงออดอ้อนดังขึ้นมาจากด้านหลัง หานมู่จื่อหันกลับไปมอง ก็พบเสี่ยวหมี่โต้วที่มาพร้อมหานชิง ทั้งคู่กำลังเดินเข้ามา
ที่แท้แล้วเสี่ยวหมี่โต้ววิ่งไปหาคุณลุงของเขาหรอกเหรอ?
มิน่าที่เธอหาเขาไม่เจอแม้เงา
เมื่อคิดขึ้นมาได้หานมู่จื่อก็ตำหนิเบาๆ “ไม่ใช่ว่าบอกแล้วเหรอคะว่าเวลาที่คุณลุงประชุมห้ามเราเข้าไปรบกวน? เสี่ยวหมี่โต้ว ทำไมไม่เชื่อฟังล่ะคะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็กระพริบตา พลางโต้เถียงให้ตัวเอง “หม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้วไม่ได้รบกวนคุณลุง เสี่ยวหมี่โต้วถามกับป้าแล้ว คุณลุงประชุมเสร็จแล้วครับ เสี่ยวหมี่โต้วถึงไปหา”
หลังจากพูดจบเสี่ยวหมี่โต้วก็เงยหน้าขึ้นมาหานชิง
“คุณลุง เสี่ยวหมี่โต้วพูดถูกใช่ไหมครับ?”
เมื่อเห็นดังนั้น หานชิงจึงก้มตัวลงไปอุ้มเขาขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว “อืม เสี่ยวหมี่โต้วไม่ได้รบกวนคุณลุงเลยครับ”
หลังจากนั้นก็เข้ามานั่ง
เสี่ยวหมี่โต้วนั่งด้วยกันกับหานชิง ส่วนหานมู่จื่อก็นั่งกับเสี่ยวเหยียน
เสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นมาเงียบๆ ก็พบว่าหานชิงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของตัวเอง เมื่อเวลาที่เธอมองไปก็สบสายตาเรียบนิ่งของหานชิงพอดี เธอตกใจมากจนก้มหน้าลงไปอีกครั้ง หลังจากนั้นก็จ้องเพียงมือตัวเองกังวลและงงงัน
“ไม่ได้กลับบ้านนาน คนในครัวยังปรุงอาหารได้ถูกปากเธอหรือเปล่า?” หานชิงใช้ตะเกียบหยิบอาหารให้กับเสี่ยวหมี่โต้วที่อยู่ด้านข้าง พลางมองไปที่หานมู่จื่อแล้วเอ่ยถาม
หานมู่จื่อเริ่มขยับตะเกียบพลางพยักหน้า
“แน่นอนว่าถูปากอยู่แล้วค่ะ ถึงฉันจะไม่ได้กลับมานาน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่านานเลย”
เมื่อได้ฟังอย่างนั้น สายตาของหานชิงก็มืดครึ้มลง “หลังจากที่ซื้อคอนโดให้ตัวเองแล้ว ถ้าพี่ไม่เรียกเธอมา เธอก็คงไม่คิดจะกลับมาเลยสินะ?”
หลังจากที่หานมู่จื่อได้ยินก็ถึงกลับเสียวสันหลังวาบ ทำได้เพียงเค้นยิ้มออกมา
“ก็ไม่ใช่ว่าเพราะทำงานยุ่งเหรอคะ?”
“ยุ่ง? วันหยุดก็หยุดงั้นเหรอ?”
“อื้ม! พี่ก็รู้ บริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่ช่วงแรกๆ ก็ต้องยุ่งมากเป็นธรรมดา ประกอบกับที่ก่อนหน้าพี่แนะนำลูกค้าใหม่ให้ฉันเยอะเลย น้องสาวอย่างฉันก็ต้องยุ่งเพราะมีเครดิตพี่ชายค้ำคออยู่ครึ่งหนึ่ง ดังนั้นอย่าตำหนิฉันเลยนะคะ”
หานมู่จื่อประสานมือเอาไว้ด้วยกัน มองไปที่หานชิงอย่างอ้อนวอน
หานชิงชะงักตะเกียบไปพักหนึ่ง มองดูหานมู่จื่อด้วยสายตาประหลาด
เจ้าเด็กคนนี้……..
ทำกลับเขาอย่างกับตัวเองเป็นเด็ก?
เธอไปโดนอะไรกระตุ้นมาเนี่ย?
หลังจากคิดอย่างนี้ หานชิงก็พบว่าสีหน้าของเธอดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากเลยเหรอเปล่านะ?
“หม่ามี๊ กินนี้สิครับ”
ขณะที่กำลังคิดอะไรออก แต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเล็กของเสี่ยวหมี่โต้ว
เสี่ยวหมี่โต้วคีบน่องไก่ชิ้นใหญ่ใส่ในจานของหานมู่จื่อ “หม่ามี๊ผอมมากไปแล้วครับ ต้องกินเนื้อให้เยอะๆ หน่อย”
เสี่ยวเหยียนที่นั่งอยู่ด้านข้างหันไปมองภาพฉากนั้น ก่อนจะก้มลงไปมองปลายนิ้วเท้าตัวเองอีกครั้ง
ทำไมเธอถึงได้รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นคนนอก
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเอชอบหานชิง ในเวลานี้เธออาจจะไม่รู้สึกอะไรแบบนี้ แต่ทว่าหลังจากที่เธอหลงชอบหานชิง ทุกครั้งที่พวกเขาทานอาหารกันสามคน เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
ไม่มีสถานะ เป็นแค่เพื่อนของมู่จื่อ ทว่าทุกทีเขาก็มักจะแสดงสีหน้าตายด้านกับเธอ
ยิ่งคิดภายในใจของเสี่ยวเหยียนก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด
ในขณะที่เธอกำลังลังเลที่จะลุกออกไปดีหรือไม่นั้น จู่ๆ ก็มีน่องไก่ชิ้นหนึ่งวางแมะอยู่บนจานของเธอ
เสี่ยวเหยียนถึงกลับตะลึงไป หลังจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นตะเกียบที่กำลังจะหดกลับพอดี
ลมหายใจของเสี่ยวเหยียนถึงกลับเกิดอาการสะดุดขึ้นมา ราวกับว่าหัวใจกำลังถูกบีบแน่นด้วยความรู้สึกบางอย่าง
เมื่อสักครู่…… หานชิงพึ่งจับคีบน่องไก่ให้เธองั้นเหรอ?
พระเจ้า นี้เธอกำลังฝันไปอยู่หรือเปล่า?
หานชิง….. คีบไก่ให้เธอ?
หานมู่จื่อมองฉากเมื่อครู่ด้วยความประหลาดใจ ทุกคนต่างจับจ้องสายตาไปทางหานชิงในระหว่างที่เขากำลังคีบอาหารใส่จาน จนเขาทำเสร็จ เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างไม่ปกติ
ดังนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นเรียบเฉยก่อนจะคีบน่องไก่อีกชิ้นใส่จานเสี่ยวหมี่โต้ว
“ผู้หญิงกับเด็กควรได้กินก่อน”