บทที่ 688 คิดว่าฉันจะสมหวังไหม
เย่โม่เซิน!
หานมู่จื่อประหลาดใจเล็กน้อยและมองไปที่รถของเย่โม่เซินที่เข้ามาใกล้เขาอย่างช้าๆ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้? แถมยังมาตามหลังเธออีก? เป็นไปได้ไหมที่เขาจะตามเธอมาตลอดทาง?
จนกระทั่งรถหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ หานมู่จื่อจึงก้าวไปข้างหน้าและมองไปที่เย่โม่เซินที่นั่งอยู่เบาะคนขับ “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
เย่โม่เซินมองไปที่เธอ ก่อนจะลงจากรถและเปิดประตูให้เธอนั่ง
“ขึ้นรถก่อนเถอะ”
หลังจากขึ้นมาบนรถแล้ว เย่โม่เซินก็คาดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหันไปจ้องที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาใกล้ๆ ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นแล้วจึงพูดว่า “ฉันไม่ได้ทะเบียนบ้านมา”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วการเคลื่อนไหวมือของเย่โม่เซินยังคงเป็นต่อไป และดูเหมือนจะไม่ได้คิดมากอะไร เพราะก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้อยู่แล้วจึงไม่แปลกใจเท่าไรนัก
หลังจากนั้นไม่นานเย่โม่เซินก็หดมือเก็บก่อนจะเริ่มขับรถ
เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไปแล้ว หานมู่จื่อจึงสงบลง
“คุณเดาได้ตั้งนานแล้วใช่ไหม?”
น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความสงบและราบเรียบ
“อืม” เย่โม่เซินพยักหน้า ก่อนจะเลี้ยวรถและเปลี่ยนเส้นทางเดินรถ
“คุณก็เดาถูกทางหมดแล้ว แล้วทำไมถึงยังให้ฉันมาล่ะ?” หานมู่จื่อจ้องไปที่เขา “คุณก็รู้ว่าการกระทำที่ผ่านมาของคุณมันย้อนกลับไปยั่วโมโหพี่ชายของฉัน คุณไม่ได้วางแผนจะไปคืนดีใช่ไหม?”
เย่โม่เซินเม้มปาก “ถ้าไม่ให้เธอมา แล้วจะเข้าไปทักก่อนได้ยังไงกัน? หากต้องการให้อภัยกันก็ต้องทักทายกันก่อนฉันถึงจะไปต่อได้”
หานมู่จื่อ: “ไปต่อ?”
“ไม่ต้องห่วงนะ”
จู่ๆเย่โม่เซินก็ละมือจากพวงมาลัยข้างหนึ่ง ก่อนจะจับไปที่มือขาวๆของหานมู่จื่อแล้วจึงกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “ครั้งนี้ผมจะแต่งงานกับคุณอย่างสง่างามและผ่าเผยพร้อมทั้งบอกให้ทุกคนได้รู้ว่าคุณคือภรรยาของผม”
เมื่อเขาพูดประโยคดังกล่าวออกไปแล้วก็หันหน้าไปมองเธอ ดวงตาของเย่โม่เซินเต็มไปด้วยความเสน่หาและอ่อนโยนจนดูเหมือนเป็นพลังแม่เหล็กดึงดูดวิญญาณของเธอไป
หานมู่จื่อรู้สึกว่าอัตราการเต้นหัวใจของตัวเองมันกระตุกไปครึ่งจังหวะก่อนจะเกิดการตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยการสะบัดมือออกก่อนจะพูดว่า “ขับรถไปเลย!”
หลังจากจบประโยคเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ดังนั้นเธอจึงพูดอีกประโยคว่า “พูดอย่างกับจะมีใครมาแต่งงานกับคุณอย่างงั้นแหละ”
หลังจากที่เย่โม่เซินถูกสะบัดมือทิ้งอย่างไม่ไยดีแต่เขากลับไม่โกรธ ริมฝีปากบางๆกลับโค้งยิ้มสวยงามน่ามอง ก่อนจะยิ้มออกมาเบาๆ “อืม ไม่ใช่ว่าคุณรีบแต่งงานกับผม แต่เป็นผมต่างหากที่รีบอยากแต่งงานกับคุณ แบบนี้โอเคใช่ไหม? ใช้นามสกุลเย่?”
หูของหานมู่จื่อร้อนขึ้น ก่อนจะก่นด่าเย่โม่เซินเล็กๆ จากนั้นก็หันไปมองนอกหน้าต่างรถเพราะขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับเย่โม่เซินแล้ว
หลังจากเย่โม่เซินส่งหานมู่จื่อกลับวิลล่าไห่เจียงแล้ว ก่อนเย่โม่เซินจะอ้างว่ามีงานที่ต้องทำจึงขับออกจากวิลล่าไห่เจียง และติดต่อหาหานชิง
หานชิงร้องเสียงหลงหลังจากเห็นหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของใคร
“คุณหานครับ”
หานชิงเม้มปากแน่นจ้องมองไปด้านหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมา
“ผมชื่อเย่โม่เซิน คุณพอมีเวลาออกมาดื่มกับผมสักครู่ไหมครับ?”
มันฟังดูไม่สุภาพเลยที่อีกฝ่ายเปิดมาตรงประเด็นขนาดนี้
หานชิงจึงหัวเราะเยาะในใจ เพื่อน้องสาวของเขาแล้วผู้ชายคนนี้ช่างตรงไปตรงมามากจริงๆ
“ที่ไหน?”
สุดท้ายจึงตัดสินใจเจอกันที่บาร์แห่งหนึ่งบนถนนฝั่งทางตะวันตก
สถานที่ที่ถูกเลือกนั้นเกิดขึ้นจากความตั้งใจ
เมื่อหานชิงมาถึง เย่โม่เซินก็จองที่นั่งวีไอพีที่โซนไว้แล้วและกำลังรอให้เขาไปหา
หลังจากผลักประตูเข้าไป หานชิงก็เหลือบเห็นที่นั่งโซฟาพร้อมกับเย่โม่เซินที่นั่งตรงไฟสลัวเล็กน้อย
ร่างกายที่แข็งแกร่งของเย่โม่เซินยิ่งขับให้เย่โม่เซินดูดียิ่งขึ้น
โอ้ แต่กลับดูเหมือนสุนัขแสนเชื่อง
จริงๆในสายตาของหานชิงแล้ว การปรากฏตัวของเย่โม่เซินนั้นก็ดูคู่ควรกับน้องสาวของเขา และทั้งสองคนก็ยืนเคียงข้างเหมาะสมแต่กับภูมิหลังครอบครัวกลับไม่ได้รับการถูกเลือก
แน่นอนว่าสาเหตุสำคัญเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในห้าปีก่อนที่ผ่านมาเลย
หลังจากเหตุการณ์ในห้าปีก่อนที่มู่จื่อได้รับความทุกข์ทรมานในเวลาต่อมา และอยู่ในสายตาเขาที่เป็นพี่ชายด้วย
เขาจะให้น้องสาวของเขาเข้าไปตกอยู่ในกองไฟแบบนั้นอีกครั้งได้อย่างไร?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้หานชิงก็ตัดสินใจได้มากขึ้นจึงเดินก้าวเข้ามาหาเย่โม่เซิน
เมื่อเห็นเขาเข้าริมฝีปากของเย่โม่เซินก็โค้งขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ “ผมนึกว่าคุณหานจะไม่เต็มใจมาซะแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้นหานชิงก็เหลือบตามองเย่โม่เซินด้วยสายตาเย็นชา
“ฉันมาแค่เพื่อจะบอกว่า เลิกกับมู่จื่อซะ”
“ฮะ?” เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้น
เป็นไปตามที่เขาคิด? ไม่เพียงแต่ไม่เห็นด้วยเรื่องของเขากับมู่จื่อ แต่ยังพยายามจะห้ามเขาด้วย?
ดูเหมือนว่าหนทางในการจีบมู่จื่อเป็นภรรยาจะไม่ราบรื่นซะแล้ว
“นายคิดว่าฉันมาที่นี่เพื่อเห็นด้วยหรือไง?” หานชิงกล่าวอย่างเย็นชา “ผู้หญิงเรียบง่าย ใสซื่อ แต่ทำเรื่องผิดพลาดลงไป ฉันที่เป็นพี่ชายจำมันได้ขึ้นใจหมดทุกอย่างว่านายไม่มีคุณสมบัติอะไรที่ดีพอจะจีบน้องสาวฉันอีกแล้ว และไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเธอด้วย”
น้ำเสียงของเขาค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีแม้แต่ความล้อเล่นเลยสักนิดเดียว
แต่ใบหน้าของเย่โม่เซินก็ยังคงประดับรอยยิ้มไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ แม้ว่าชายตรงหน้าจะเป็นพี่เขยคนโตในอนาคตของเขาก็ตาม แถมยังไม่มองหน้ากลับมาที่เย่โม่เซินเลยสักนิด
นิสัยของเย่โม่เซินไม่มีใครในโลกเทียบได้เลย แถมเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะก้มหัวให้ใคร
แน่นอนว่านอกจากต่อหน้าผู้หญิงอันเป็นที่รักแล้ว เขาก็ไม่สามารถก้มหัวให้ใครคนอื่นได้อีกเลยในชีวิตนี้
ดังนั้นแม้ว่าเขามาเพื่อเจรจา แต่ท่าทีของเขาในตอนนี้กลับดูแข็งกร้าว
“ฉันจำได้ว่าตัวเองเคยพูดไปแล้วกับเธอ และฉันจะทำให้ได้”
“เธอเป็นผู้ใหญ่ และมีชีวิตเป็นของตัวเอง นอกจากว่าผมมีลูกกับเธอ คุณหานก็ไม่มีสิทธิ์อะไรมาขวางแล้ว? เรื่องเมื่อห้าปีก่อนคุณหานเข้าใจมาแค่ไหน? รู้มากแค่ไหนครับ? ถึงมาตัดสินโทษผม?”
เมื่อได้ยินดังนั้นหานชิงก็หรี่ตามองและขมวดคิ้วมุ่น
“นายจะไม่ยอมรับว่าเคยทำร้ายมู่จื่องั้นเหรอ?”
เย่โม่เซินเงยหน้าขึ้นก่อนจะมองไปหานชิง
“ยอมรับครับ”
หานชิงตกตะลึงจากการตอบยอมรับที่ไม่มีความลังเลเลยสักนิด แต่เดิมเขาคิดว่าชายตรงหน้าจะไม่ยอมรับซะแล้ว ไม่คาดคิดเลยว่าชายตรงหน้าจะยอมรับผิดง่ายๆเช่นนี้
แต่ประโยคที่เขาเพิ่งพูดไป แล้วมันยังไงล่ะ?
หานชิงหรี่ตาและมองเขาด้วยท่าทางไม่เข้าใจ
“แต่นั่นเป็นเรื่องระหว่างผมกับเธอ เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างผมกับเธอ ตอนนั้นเป็นเพราะคนที่เข้ามาแทรกกลางทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างผมกับเธอ”
หานชิงหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินเช่นนั้น “มีใครบางคนที่แทรกกลางและสร้างปัญหาเนี่ยเป็นเพราะถ้านายเชื่อใจเธอมากพอ นายก็จะไม่ทำร้ายเธอหรอก”
“ก็ใช่ครับ” เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากแน่น “นี่เป็นความจริงเช่นกัน ถ้าผมเชื่อใจเธอมากพอ ผมคงจะไม่สงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเธอและพี่ชายของผม และเธอคงไม่ต้องทิ้งผมอยู่อย่างโดดเดี่ยว”
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้แววตาหานชิงก็หดเล็กลง
เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมามันก็เป็นเรื่องจริงที่ว่าทั้งสองต่างก็ไม่เชื่อใจและไว้ใจกันและกัน
คู่รักที่ถึงแม้ว่าจะรักกันมากแค่ไหน แต่ถ้าหากไม่เชื่อใจกันความสัมพันธ์ก็พังทลายลงได้ง่ายๆ
และในความเป็นจริงนั้นก็มีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องความไว้วางใจด้วย