บทที่693 ฉันขอสาปแช่งพวกแก
“เฉียวเฉียว เธอจำเป็นต้องโหดร้ายกับฉันถึงขนาดนี้มั้ย? ฉันรู้ว่าฉันทำเรื่องไม่ดีไปเยอะ ก็เลยอดไม่ได้ที่จะโทรมาขอให้เธอยกโทษให้ แต่แล้วเธอล่ะ? ทำไมถึงไม่ให้โอกาสฉันเลยสักนิด? ทำเป็นเห็นแก่ความสัมพันธ์เมื่อครั้งวันวานของพวกเรา แล้วมาพบฉันสักหน่อยเถอะนะ ดีมั้ย?”
หานมู่จื่อไม่อยากเจอหน้าเธอเลยจริงๆ
จากเรื่องชั่วๆที่เมิ่งเส่โยวได้เคยทำมาทั้งหมดนั้น อีกทั้งเรื่องจงใจสะกดรอยตามแล้วนั้น ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะทำอะไรกับเธออีก
อีกทั้งเวลาที่หล่อนโทรมาหาเธอนั้นมันช่างประจวบเหมาะจนเกินไป
โปสเตอร์เพิ่งติดประกาศออกไป หล่อนก็โทรมาหาเธอ นี่มันหมายความว่าเป็นไปได้ที่หล่อนจะเห็นโปสเตอร์นั้นแล้ว จากนั้นก็เกิดความคิดชั่วร้ายกับเธอขึ้นมาอีก
ถ้าเธอไปพบเมิ่งเส่โยวตามลำพังล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นมาก็เป็นไปได้
เพราะมิตรภาพเมื่อครั้งวันวาน ในตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนให้เธอต้องมาเตรียมการป้องกันตัวอย่างนี้ไง จะว่าไปแล้วมันก็น่าเศร้ามากเหมือนกัน แต่หานมู่จื่อก็ปฏิเสธหล่อนไปอย่างไม่รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ดี ฉันจะวางแล้ว ต่อไปก็อย่าส่งข้อความหรือโทรมาหาฉันอีก ถ้าเธอยังตามรังควานฉันอีก ฉันจะไม่เกรงใจเธออีกแล้ว”
เธอออกคำสั่งขับไล่ออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา อันที่จริงเธอไม่ต้องการติดต่อกับเมิ่งเส่โยวอีกเลยแม้แต่น้อย
“หานมู่จื่อ!”
ทันทีที่ได้ยินว่าเธอจะวางสาย เมิ่งเส่โยวที่อยู่ปลายสายร้อนรนขึ้นมาทันที ถือโอกาสร้องเรียกชื่อเธอเสียงแหลมออกมา หานมู่จื่อได้ยินเสียงแหลมๆนั้นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่ย่นคิ้วสวยออกมา
นัยน์ตาสวยของเธอครึ้มลงหลายส่วน นี่คือทนไม่ไหวแล้วใช่มั้ย?
เป็นอย่างที่คิดเลยว่าอีกเดี๋ยวก็จะได้ยินเมิ่งเส่โยวหลุดตะโกนต่อว่าเธอออกมา
“หานมู่จื่อ เธอคิดว่าเธอเป็นใครกันหะ? ตอนนี้ได้เป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหานก็คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมากหรือไง? อ้อ ไม่สิ เธอกำลังจะเป็นคุณนายน้อยเย่แล้วนี่นา เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ ดังนั้นก็อย่าลืมเสียล่ะว่าเมื่อก่อนฉันให้คำปรึกษาเธอไปตั้งเท่าไหร่! ตอนที่เธอได้รับความไม่เป็นธรรมในช่วงที่เพิ่งแต่งเข้าตระกูลเย่ไปใหม่ๆ ในตอนนั้นฉันปลอบเธอยังไง ในใจของเธอก็รู้ดีนี่ ตอนนี้ฉันขอเพียงแค่เธอมาพบฉันหน่อยเท่านั้น แต่เธอกลับไม่ยอมมาเสียอย่างนั้น”
หานมู่จื่อ “…”
เธอยกมือขึ้นมานวดตรงขมับของตัวเอง ความรู้สึกที่ง่วงงุนอยู่ตลอดได้ถูกรบกวนจนทำเอาเธอปวดหัวขึ้นมาอย่างมาก นิ่งเงียบไปได้สักพักนึง หานมู่จื่อถึงได้เอ่ยตอบโต้หล่อนกลับไป
“ที่เธอพูดมามันก็ไม่ผิด ในตอนที่ฉันเพิ่งแต่งเข้าตระกูลเย่ไปนั้นจริงอยู่ที่ได้รับความยากลำบากอย่างมาก จะว่าไปแล้ว ฉันก็ต้องขอบคุณการดูแลช่วยเหลือจากเธอจริงๆนั่นแหละ ที่เข้ามาช่วยฉันสืบหาความจริงในคืนวันที่ฝนตกวันนั้นให้ จากนั้นก็ยังเอาผลลัพธ์ปลอมๆมาให้ฉันอีก แล้วยังสร้างภาพลวงให้กับฉันอีก ฉันจำได้แล้วว่า ในตอนนั้นเธอยังพยายามจับคู่ให้ฉันกับเย่หลิ่นหานอยู่ตลอดเลยนี่นา ใช่มั้ย?”
เมื่อพูดจนถึงตรงนี้แล้ว หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆออกมา เพียงแต่เสียงหัวเราะนิ่งๆนั้นได้เต็มไปด้วยความเยาะหยันและความขมขื่นออกมา
“ในตอนนั้นเธอบอกนี่ว่า เธอทำไปด้วยความหวังดีต่อฉันนี่ เพราะกลัวว่าถ้าฉันคบกับเย่หลิ่นหานไปแล้วจะต้องพบเจอกับความทุกข์… เส่โยวเธอรู้หรือเปล่า? ในตอนนั้นฉันเชื่อเธออย่างไม่มีเงื่อนไขอะไรเลยสักนิด ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่เธอพูดออกมา ฉันก็ล้วนแล้วแต่จะเชื่อเธอทั้งนั้น”
“แต่ผลสุดท้ายเป็นไงล่ะ?”
“ผลการตรวจสอบเป็นของปลอม คำพูดที่พูดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าว่าหวังดีต่อฉันก็เป็นเรื่องโกหกเหมือนกัน ถึงขนาดที่ยังสวมรอยขโมยสถานะตัวตนที่แท้จริงของฉันไปอีก อย่างนั้นแล้วถ้าจะให้ฉันลองเดาดูแล้วล่ะก็หลังจากที่ฉันช่วยเธอในตอนนั้น เธอไม่เพียงไม่รู้สึกขอบคุณฉัน แต่ยังเนรคุณขโมยสถานะที่แท้จริงของฉันไปอีก เมิ่งเส่โยว ของของคนอื่นมันมักจะดีกว่าของของตัวเองเสมอใช่มั้ยล่ะ? สถานะ ผู้ชาย อยากจะแย่งไปเสียหมด”
“…”
หลังจากคำพูดนี้หลุดออกไป หานมู่จื่อก็ได้ยินเสียงหายใจอยู่เป็นช่วงๆจากทางปลายสาย เหมือนกับว่าเมิ่งเส่โยวกำลังหอบหายใจไม่ทันยังไงอย่างนั้น
“ดูเหมือนว่าแกจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้วสินะ” เธอเอ่ยออกมาอย่างเกลียดแค้น
เธอฟังเสียงร้องไห้กระซิกของเมิ่งเส่โยวอยู่พักนึง จากนั้นหล่อนก็เอ่ยออกมาด้วยถ้อยคำที่รุนแรง “แกคิดว่าฉันเต็มใจหรือไง? หานมู่จื่อ แกคิดว่าฉันเต็มใจแย่งของของแกมาหรือไง? ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ฉันทิ้งฉันไปตั้งแต่เด็ก ส่วนพ่อฉันก็เป็นผีพนันอีก พอแพ้พนันก็ไปดื่มเหล้า กลับบ้านมาก็ตบตีทำร้ายร่างกายฉัน คนทั้งโรงเรียนดูถูกฉันกันทั้งนั้น พวกมันล้วนคิดว่าฉันเป็นเพียงแค่ขยะชิ้นหนึ่ง ฉันจึงต้องการสถานะพวกนั้น เงินทองความร่ำรวยเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนทั้งหมดได้! แกรู้มั้ย? ตั้งแต่ที่ฉันได้เป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหานนั้น คนที่เคยรังแกฉันพวกนั้น พอเห็นฉันก็ล้วนแล้วแต่จะต้องมาเอ่ยขอโทษฉันกัน ทั้งยังต้องมาประจบเอาใจฉันตลอด นี่แหละโลกของความเป็นจริง”
“ถ้าไม่เพราะเรื่องพวกนี้ ฉันไม่มีทางสวมรอยขโมยสถานะแกไปหรอก แกมันไม่รู้อะไรเลย! แกก็ไม่รู้เลยว่าเมื่อก่อนฉันต้องทนทุกข์ทรมานมามากมายแค่ไหน!”
หานมู่จื่อ “…ถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจอีกหรอ?”
“ฉันต้องเข้าใจอะไร?”
“เธอคิดว่าโลกมันไม่ยุติธรรมกับเธอ ก็เลยมาแย่งของที่เป็นของคนอื่นเขาไปอย่างนั้นหรอ ยึดครองของของคนอื่น แล้วเธอเคยนึกถึงความรู้สึกฉันบ้างมั้ย? ช่างมันเถอะ เรื่องมาถึงตอนนี้แล้วเธอก็ยังมีความคิดแบบนี้อยู่ ดูเหมือนว่าชั่วชีวิตนี้เธอก็ไม่มีวันเปลี่ยนไปได้ แต่อย่างไรก็ตามฉันขอแนะนำเธอหน่อยแล้วกันว่าทำตัวให้มันดีๆหน่อยเถอะ”
เมื่อพูดจบหานมู่จื่อก็เตรียมที่จะวางสายไปทันที
เมิ่งเส่โยวที่อยู่ปลายสายก็เริ่มกรีดร้องโวยวายเสียงแหลมดังขึ้นมาอีกครั้ง
“หานมู่จื่อ! ฉันไม่จำเป็นต้องทำตัวเองให้ดีๆ ที่ฉันต้องมีชีวิตที่เจ็บปวดทรมานอยู่ในตอนนี้ทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะเป็นเพราะแกทั้งนั้น แกมีสิทธิ์อะไรถึงได้ลอยหน้าลอยตามีความสุขอยู่ที่นั่นกัน? ฉันบอกแกเอาไว้เลยนะ แกคิดหรอว่าเย่โม่เซินเขาอยากแต่งงานกับแกด้วยใจจริงงั้นหรอ? ไม่! มันไม่ใช่! เขาเพียงแค่คิดว่าเขาติดค้างแกเมื่อห้าปีก่อน ก็เลยอยากชดเชยให้แกก็เท่านั้น! ถ้าเขารักแกพอนะ เมื่อห้าปีก่อนพวกแกคงไม่ต้องแยกจากกันหรอก ถึงแม้ว่าแกจะแต่งไปเป็นคุณนายน้อยเย่ของเขา ทั้งชีวิตนี้ของแกก็ไม่มีทางมีความสุขหรอก ฉันขอสาปแช่งพวกแก ขอให้พวกแกไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ถึงแม้ว่าจะได้อยู่ด้วยกันก็ขอให้ไม่มีความสุข!”
ตู๊ดๆๆ——
เมิ่งเส่โยวกำลังต่อว่าออกไปอย่างบ้าคลั่ง โทรศัพท์ก็มีเสียงของการตัดสายดังออกมา เธอนิ่งอึ้งไปสักพัก จากนั้นโทรออกไปอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง แต่กลับพบว่าตัวเองได้ถูกอีกฝ่ายบล็อกเบอร์ไปเป็นที่เรียบร้อย
หานมู่จื่อที่จากเดิมเพียงแค่ต้องการจะวางสายไปอย่างสันติ แต่ใครจะรู้ว่าจะได้ยินหล่อนสาปแช่งเธอออกมาอย่างเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนั้น จึงโกรธจนแทบทนไม่ไหวขึ้นมาทันที สีหน้าเดี๋ยวซีดเดี๋ยวเขียวคล้ำสลับกันไปมา
เธอตัดสินใจตัดสายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถือโอกาสนั้นดึงหมายเลขนั้นเข้าบัญชีดำไปด้วยเลย
หลังจากทำสิ่งพวกนี้เสร็จ คำสาปแช่งเธอของเมิ่งเส่โยวพวกนั้นก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัว เสียงของหล่อนมันช่างแหลมเกินไปแล้ว น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น กวนใจเธอจนจิตใจว้าวุ่นไปหมด
หานมู่จื่อรู้สึกว่านิ้วมือของเธอสั่นไปหมด
เธอหลับตาลง ทำการสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่หลายครั้งกว่าจะทำให้จิตใจสงบลงได้
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หานมู่จื่อวางโทรศัพท์เอาไว้ข้างๆตัว แล้วนอนลงไปอีกครั้ง
มิตรภาพในวันวานได้กลับกลายมาเป็นศัตรูกันจนถึงขั้นนี้ได้ เป็นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลย ก่อนหน้านี้ตอนที่เจอเมิ่งเส่โยวในร้านอาหาร เธอก็เคยเสียใจและสับสนขึ้นมาเหมือนกัน
ต่อจากนั้นมาก็ทำใจได้แล้ว
ประมาณว่าชีวิตนี้มีบางคน ที่ได้มีการลิขิตเอาไว้แล้วว่ามีชะตาต่อกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น
หลังจากชะตาที่มีต่อกันนี้หมดไป ทั้งสองคนก็ไม่อาจมาบรรจบกันได้อีก!
แต่ไม่นึกเลยว่าเมิ่งเส่โยวที่มีความอิจฉาริษยาในใจที่รุนแรงขนาดนั้น ในตอนนี้จะยังโทรมาหาเธอได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว หนังตาก็ค่อยๆหนักขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรภายในใจก็ไม่อาจสงบลงได้เลย ง่วงจนหนังตาใกล้จะปิดลงแล้ว แต่กลับนอนไม่หลับเสียอย่างนั้น
หานมู่จื่อถือโอกาสลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเลื่อนดูสิ่งบันเทิงใจต่างๆ
ไม่รู้ว่าได้ดูสิ่งบันเทิงใจไปนานแค่ไหน หานมู่จื่อก็ได้ค่อยๆลืมสิ่งที่เมิ่งเส่โยวพูดกับเธอพวกนั้นไปได้ จิตใจค่อยๆกลับมาสงบลงอีกครั้ง จากนั้นก็วางโทรศัพท์ลงแล้วกลับเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันอีกครั้ง