บทที่701 เธอปวดใจเพราะเขางั้นเหรอ?
ไม่รู้เหมือนกันว่าหลับไปนานแค่ไหน ในฝันนั้นต่างก็เป็นเสียงสาปแช่งของเมิ่งเส่โยวที่ก้องอยู่ในหูของเธอ ก่อกวนจนทำให้จิตใจของเธอสับสนวุ่นวาย
หานมู่จื่อลืมตาขึ้นมาทันที พบว่าฟ้าสว่างแล้ว และความอบอุ่นตรงด้านหลังของเธอก็ได้หายไปแล้ว
บนเตียงเหลือเพียงแค่เธออยู่คนเดียว
หัวใจของเธอเต้นแรงมาก เหงื่อก็ออกเต็มหน้าผาก
หานมู่จื่อกะพริบตา แล้วก็รีบลุกขึ้นนั่งทันที มองไปที่ทะเลสีฟ้าครามด้านนอกหน้าต่าง เปลือกตาของหานมู่จื่อก็เริ่มกระตุกอย่างไม่ฟังคำสั่ง
เธอยื่นมือออกไปจับเปลือกตาที่กระตุกของเธออัตโนมัติ แต่ว่าการกระทำแบบนี้ก็ไม่สามารถหยุดได้ หานมู่จื่อสามารถรู้สึกได้ถึงเปลือกตาที่อยู่ใต้นิ้วชี้ของตัวเอง ยังคงกระตุกไม่หยุด
ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ?
จะเกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นยังงั้นเหรอ? เหลือเวลาก่อนวันงานแต่งอีกไม่กี่วัน ถ้าเกิดว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นในตอนนี้ เธอกับเย่โม่เซิน……ต้องก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ไม่มีวันหวนคืนได้รึเปล่า?
ไม่นะ!
เธอไม่อยากให้เป็นแบบนี้ หานมู่จื่อลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์
แล้วก็เห็นข้อความที่เย่โม่เซินส่งมาให้เธอจริงๆ เขาบอกว่าเขาไปสนามบินแล้ว หานมู่จื่อเหลือบไปดูเวลา ยังไม่ทันถึงเวลาที่เครื่องบินเขาจะออกเดินทางเลย หานมู่จื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ส่งข้อความไปบอกให้เราระมัดระวังความปลอดภัยด้วย
หลังจากนั้นเธอก็โทรหาหานชิง
ตอนที่หานชิงได้รับโทรศัพท์จากหานมู่จื่อนั้น เขากำลังอยู่ที่บริษัทกำลังจะเริ่มประชุมพอดี
“ทำไมเหรอ? ”
“พี่……” น้ำเสียงของหานมู่จื่อไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เธอเอื้อมมือไปกุมขมับที่ปวดร้าวของตัวเอง “มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกพี่หน่อย ไม่ยังงั้น ฉันต้องไม่สบายใจแน่นอน”
หานชิงได้ยินความสับสนจากน้ำเสียงของเธอ และในตอนนี้เองซูจิ่วก็เดินเข้ามา “ประธานหาน ห้องประชุมอยู่ทางนั้น……”
พึ่งจะพูดได้ครึ่งเดียว หานชิงก็ยกมือขึ้นห้ามเธอ
ซูจิ่วก็เลยทำได้แค่กลืนคำพูดด้านหลังลงท้องไป หลังจากนั้นก็เห็นหานชิงเดินไปหยุดอยู่ตรงด้านหน้าหน้าต่าง แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “เรื่องอะไรที่ทำให้คุณสบายใจ? นี่มันก็ใกล้จะถึงวันงานแต่งแล้วไม่ใช่เหรอ? เขาทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจ? เสียใจเหรอ? ”
หานมู่จื่อ “……มันไม่ใช่เพราะว่าเขา แต่เพราะอย่างอื่น……”
“อย่างอื่น? ”หานชิงเม้มปากพร้อมกับดูการจราจรด้านล่างจากทางหน้าต่าง เม้มปากรอคำตอบจากเธออย่างใจเย็น
หลังจากนั้น หานมู่จื่อถึงได้เล่าเกี่ยวกับเรื่องและเหตุการณ์ที่ได้เจอกับเมิ่งเส่โยวเมื่อวันนั้นให้หานชิงฟัง เดิมทีเธอวางแผนจะปกปิดเรื่องนี้เอาไว้
“เดิมทีฉันคิดว่า……ดูจากกำลังของเธอตอนนี้ น่าจะไม่สามารถพลิกคลื่นอะไรได้หรอก แต่ว่า……เปลือกตาฉันกระตุกแรงมาก ก่อกวนจนทำให้ฉันไม่สบายใจ พี่……”
“เพราะฉะนั้น ก็เลยอยากให้พี่ช่วยยังงั้นเหรอ? ”
ถึงแม้ว่าจะอับอายนิดหน่อย แต่ว่าหานมู่จื่อก็พยักหน้า “ขอโทษด้วยนะพี่ ฉันรู้ว่าไม่ควรจะรบกวนพี่เรื่องนี้เลย แต่ว่า……”
“แต่ว่าเธอเห็นว่าช่วงนี้เขาต้องเหน็ดเหนื่อยเพราะว่าเขาคอยวิ่งเต้นเรื่องงานแต่งด้วยตัวเอง ก็เลยปวดใจแทนเขางั้นเหรอ? ”
คำพูดพวกนั้นมันตรงประเด็นอย่างแรง ตรงใจหานมู่จื่อมาก เธอทำได้แค่พยักหน้า เลือกการเงียบแทนการยอมรับโดยปริยาย
หลังจากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงถอนหายใจที่หนักหน่วงของหานชิง
“พี่ล่ะกลัวจริงๆ ว่าเธอจะล้มอยู่ในมือของเขาตลอดชีวิต มู่จื่อ……เธอรู้ไหมว่าผู้ชายน่ะต้องห้ามปล่อยให้ติดเป็นนิสัย เขายอมเหนื่อย ก็ให้เขาเหนื่อยไปหน่อย รอให้เขาเคยชิน ต่อไปทำอะไรเขาจะได้ไม่บ่น แล้วอีกอย่างสำหรับมนุษย์แล้วนั้น อะไรที่ได้มายากๆ นั่นแหละถึงจะเห็นคุณค่ามากกว่า เธอ……”
“พี่ ฉันรู้ว่าพี่อยากจะพูดอะไร” หานมู่จื่อตัดบทเขา “แต่ว่าเรื่องความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าพยายามอยู่ฝ่ายเดียวก็คงอยู่ได้ไม่นานหรอก แล้วอีกอย่างงานแต่งงานของพวกเราก็กำลังจะมาถึงแล้ว ฉันไม่อยาก…..ให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นก่อนวันงาน เพราะฉะนั้นฉันก็เลยมาขอความช่วยเหลือจากพี่”
จู่ๆ ก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากอีกฝ่าย หานมู่จื่อไม่แน่ใจว่าหานชิงจะยอมรับปากตัวเองไหม ก็เลยได้แต่รออย่างเงียบๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ได้ยินเสียงหานชิงถอนหายใจพร้อมกับพูดว่า “พี่เข้าใจแล้ว เดี๋ยวเรื่องนี้พี่จะช่วยจัดการให้เอง เธอก็รอให้ถึงวันแต่งอย่างสบายใจไปก็พอแล้ว”
พอได้ยินว่าเขาจะยอมช่วยตัวเอง ในที่สุดเมฆที่ขังอยู่ในใจของหานมู่จื่อก็จางหายไป เธอก็รู้สึกซาบซึ้งและปลื้มใจ “ขอบคุณนะพี่”
“ยัยน้องบื้อ เธอเป็นคนที่พี่ต้องทุ่มเทอย่างมากกว่าจะหากลับมาจนได้ ถ้าเกิดว่าเธอไม่มีความสุข ถ้างั้นพี่……ก็คงไม่มีหน้าไปเจอแม่หรอก”
*
หลังจากที่หานชิงรับปากว่าจะช่วยจัดการเรื่องของเมิ่งเส่โยวแทนเธอนั้น หานมู่จื่อก็รู้สึกสบายใจลงไปเยอะเลย แต่ว่าเธอก็ยังไม่ได้ละทิ้งแผนของตัวเองก่อนหน้านี้ ยังเหลือเวลาก่อนที่เครื่องบินของเย่โม่เซินจะขึ้นอีกตั้งชั่วโมงกว่า เธอรีบเก็บเสื้อผ้าโดยที่ไม่คิดด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็เรียกคนขับรถไปส่งเธอที่สนามบิน
หลังจากขึ้นรถแล้ว หานมู่จื่อก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจองตั๋ว
หลังจากเห็นข้อมูลที่ออกตั๋วแล้ว หานมู่จื่อก็อดยกมุมปากขึ้นมาไม่ได้ โชคดีที่ยังมีที่ว่างอยู่
เย่โม่เซิน ฉันมาแล้ว!
ไม่ว่าจะยังไง ต่อไปนี้เธอจะอยู่ข้างๆ เย่โม่เซินอยู่แล้ว แต่ว่าน่าจะต้องรอให้งานแต่งงานจบลงก่อน เธอถึงจะสบายใจลง
ตอนที่หานมู่จื่อรีบไปที่สนามบินนั้น คนขับรถก็มองหน้าเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน
“คุณนายน้อยครับ เรื่องที่คุณจะไปสนามบิน……จะไม่บอกคุณชายเย่หน่อยเหรอครับ? ”
หานมู่จื่อส่ายหน้า “ไม่ต้องบอกเขานะ ฉันไม่อยากให้เขารู้”
ถ้าเกิดว่าให้เย่โม่เซินรู้ล่ะก็ เธอจะได้ไปงั้นเหรอ? เธอจะแอบไป พอถึงแล้วค่อยโทรหาเย่โม่เซิน
พอเห็นท่าทางของคนขับเหมือนว่ามีอะไรอยากจะพูดอีก หานมู่จื่อก็ได้แต่กำชับเขาอีกไม่กี่ประโยค หลังจากนั้นก็สะพายกระเป๋าตัวเองแล้วก็เดินเข้าไปในสนามบิน
เธอจะออกมาแค่ชั่วคราว ก็เลยเตรียมแค่เสื้อผ้ากับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมาแค่สองชุด แล้วก็ลิปสติกไม่กี่แท่ง หลังจากนั้นก็ตรงไปรับตั๋วทันที
เพราะว่าจะไปไฟลท์เดียวกับเย่โม่เซิน แต่เธอรู้ว่าเย่โม่เซินต้องไปทางVIPแน่นอน ดังนั้นเธอจึงตรงไปรอที่จุดรอขึ้นเครื่องเหมือนกับคนอื่นๆ ตอนที่เธอไปถึงนั้นก็ถึงเวลาตรวจตั๋วพอดี ดังนั้นหานมู่จื่อก็เลยไปเข้าคิวเพื่อรอตรวจตั๋ว ตอนที่เธอไปนั่งประจำที่นั่น ตอนที่ได้ยินเสียงเตือนของแอร์โฮสเตสดังขึ้นมา หานมู่จื่อก็มีความรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง
เธอขึ้นเครื่องบินแล้วจริงๆ นะ
เย่โม่เซินเขา……น่าจะนั่งอยู่ชั้นธุรกิจใช่ไหม? เดี๋ยวพอถึงเวลาลงจากเครื่องแล้วเธอจะไปหาเขาทันที ตอนที่เห็นเธอ……ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะมีท่าทีแบบไหน
อาจจะแปลกใจ? และอาจจะเซอร์ไพรส์? แต่ว่า……แต่มากที่สุดก็น่าจะตื่นตกใจมากกว่า
พอนึกถึงสีหน้าของเย่โม่เซินเมื่อถึงเวลานั้น หานมู่จื่อก็อดอยากจะหัวเราะไม่ได้ แต่ว่าเหมือนกับว่าเธอจะเริ่มง่วงนอนอีกแล้ว พอทุกคนนั่งประจำที่แล้วเธอก็หลับไปอีกครั้ง
หลังจากที่ทุกคนนั่งประจำที่นั้น หานมู่จื่อก็นึกว่าเครื่องเตรียมจะขึ้นแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีเสียงอุทานดังขึ้นมาจากกลุ่มคนด้านหน้า หานมู่จื่อยังคงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็เห็นร่างสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้ากำลังเดินเข้ามาทางนี้
เพียงแค่เหลือบมอง สีหน้าของหานมู่จื่อก็เปลี่ยนไปทันที
นั่นเย่โม่เซินไม่ใช่เหรอ?
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน? หานมู่จื่ออึ้งไปสองสามวินาที แล้วก็หดไหล่ลงโดยอัตโนมัติ แล้วก็ดึงหมวกลงมาเล็กน้อย ตอนนี้เครื่องบินก็ยังไม่ขึ้น เย่โม่เซินมาที่นี่ จะไล่เธอลงจากเครื่องบินไปรึเปล่านะ?
พอคิดแบบนี้ หานมู่จื่อก็ยิ่งหดตัวให้เล็กยิ่งกว่าเดิม
อย่าหาเธอเจอเด็ดขาดเลย เธอเตรียมจะไปหาเขาหลังเครื่องลงอยู่แล้วนะ