บทที่704 เลือดออกถือว่าเป็นลางไม่ดี
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ หานมู่จื่อถึงได้สำรวจชุดแต่งงานนั้น หลังจากดูเสร็จแล้ว เธอก็ถึงได้พบความประณีตที่อยู่ในนั้น แล้วก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา
“ดีไซเนอร์พวกคุณนี่เก่งจริงๆ เลย สามารถออกแบบสไตล์แบบนี้ออกมาได้ด้วย ช่วยขอบคุณฉันแทนเธอด้วยนะคะ การออกแบบแบบนี้สามารถช่วยฉันได้เยอะมากเลย”
“คุณหานจะเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ การที่คุณพอใจกับชุดนี้ ก็ถือว่าเป็นผลตอบรับที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราแล้ว”
หลังจากทั้งคู่ถ่อมตัวต่อกันและกันแล้ว พนักงานก็ทิ้งชุดแต่งงานไว้แล้วก็กลับไป
หานมู่จื่อรู้สึกได้ถึงเรื่องที่ตัวเองท้อง แต่ว่าตราบใดที่ยังไม่ได้ตรวจเธอก็ยังไม่สามารถยืนยันได้หรอก วันแต่งงานก็จะมาถึงในไม่ช้าแล้ว เพราะฉะนั้นเธอก็เลยตัดสินใจรอให้งานแต่งงานจบลงก่อนค่อยไปตรวจ
วันเวลาผ่านไปเร็วมาก สถานที่จัดงานแต่งก็ถูกจัดแต่งเรียบร้อยแล้ว
“วันมะรืนก็เป็นงานแต่งแล้ว มู่จื่อ เธอตื่นเต้นไหม? ” เสี่ยวเหยียนนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียง แล้วก็ถูกมือตัวเองอย่างประหม่า
หานมู่จื่อ “ฉันต่างหากที่จะแต่งงาน ไม่ใช่เธอ แล้วเธอจะตื่นเต้นขนาดนี้เพื่ออะไรกัน? ”
รอยยิ้มของเสี่ยวเหยียนดูเก้อเขินเล็กน้อย “เพราะว่า……เดี๋ยววันมะรืนพี่ชายเธอก็จะมาไง แล้วอีกอย่าง……ฉันก็จะเป็นเพื่อนเจ้าสาวของเธอ จนถึงตอนนั้นเขาต้องเห็นฉันแน่ๆ ตื่นเต้นจังเลย……ฉันอยากจะแต่งตัวให้สวยๆ หน่อย แต่กลัวว่ามันจะแย่งซีนเธอน่ะสิ ทำไมยังไงดีล่ะมู่จื่อ?”
หานมู่จื่อ :“……ที่แท้เธอก็ตื่นเต้นเพราะเรื่องของตัวเองสินะ”
เสี่ยวเหยียนตระหนักได้ว่าเมื่อกี้เธอพูดตรงเกินไป เธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง แล้วก็ยิ้มอย่างเก้อเขินพร้อมกับพูดว่า “เอาเถอะมู่จื่อ เดี๋ยวเธอก็จะได้แต่งงานกับคนที่เธอรักแล้ว ส่วนฉัน……ยังไม่ได้เริ่มดูเป็นรูปเป็นร่างเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น……”
“เพราะฉะนั้น ก็เลยจะแย่งซีนฉันงั้นเหรอ? ”
เสี่ยวเหยียนรีบส่ายหัวทันที “ฉันไม่ได้หมายความว่าอยากจะแย่งซีนเธอนะ ฉันรู้ว่าปกติเพื่อนเจ้าสาวต้องแต่งตัวสีเขียวนิดหน่อยเพื่อขับให้เจ้าสาวเด่น ช่างเถอะๆ ฉันจะไม่แต่งหน้าเพื่อทำให้เธอเด่นขึ้นแล้วกัน”
หานมู่จื่อ “โอเคๆ ฉันรู้ว่าเธอหมายความว่ายังไง ก็แค่หานชิงไม่ใช่เหรอ? ดูเธอไม่มีอนาคตแล้ว เดี๋ยวถึงเวลาฉันจะให้ช่างแต่งหน้าฉันแต่งหน้าให้เธอเอง ส่วนชุดแต่งงานเธอก็เลือกเอาเองแล้วกัน”
“จริงเหรอ? ” พอเสี่ยวเหยียนได้ยินดังนั้น ดวงตาของเธอก็แดงก่ำขึ้นมาทันที กอดเธอไว้อย่างซึ้งใจ “มู่จื่อ เธอนี่ช่างดีกับฉันจริงๆ เลย วางใจเถอะนะ ฉันจะต้องจับพี่ชายเธอและกลายมาเป็นพี่สะใภ้เธอให้ได้! รอให้ฉันได้กลายเป็นพี่สะใภ้เธอเมื่อไหร่ ฉันจะดีกับเธอมากกว่าพี่ชายของเธออีกอย่างแน่นอน”
พอได้ยินแบบนี้ หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะล้อเธอเล่น “ความหมายของเธอก็คือ ตอนนี้ไม่ได้เป็นพี่สะใภ้ฉันก็เลยไม่ดีกับฉันงั้นเหรอ? ”
เสี่ยวเหยียนร้องเอ้ะออกมา เช็ดน้ำตาที่ขอบตาของตัวเอง รู้สึกรับคำพูดของเธอไม่ได้เท่าไหร่
“โอเค ฉันแค่ล้อเล่นเอง ไม่ต้องร้องไห้แล้ว รีบไปเตรียมตัวเถอะ”
เพราะว่าใกล้จะถึงวันงานแต่งแล้ว ตามประเพณีของพวกเธอก็คือไม่ให้เจอกันหนึ่งวันก่อนถึงงานแต่ง พอดีกับที่เย่โม่เซินมีธุระต้องบินกลับประเทศ หานมู่จื่อได้ยินว่าเขาจะกลับประเทศ ตอนแรกก็อยากจะกลับไปกับเขาด้วย แต่ว่าก็โดนหานชิงห้ามไว้
“ใกล้จะได้เป็นเจ้าสาวแล้ว จะวิ่งไปกับเขาเพื่ออะไรกัน? ในงานแต่งงานวันพรุ่งนี้ เขาก็กลับมาเองแหละ”
หานมู่จื่อ “…… แต่ว่า พรุ่งนี้เขาจะมาทันงานแต่งใช่ไหม? นั่งเครื่องบินตั้งนานเลยนะ”
หานชิงมองหน้าเธอด้วยสายตาเรียบเฉย “เขาจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอคิดเขาจะกลับมาไม่ทันงั้นเหรอ? ”
พูดไปก็จริง ช่วงนี้เย่โม่เซินจัดการอะไรอย่างเหมาะสมและเรียบร้อยจริงๆ แต่ว่าเขารับผิดชอบทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ให้หานมู่จื่อต้องเหนื่อยเลยแม้แต่นิดเดียว
ที่จริงที่เขาเป็นแบบนี้ หานมู่จื่อก็รู้ว่าเพราะอะไร เย่โม่เซินน่าจะรู้สึกว่าเป็นหนี้เธอ ก็เลยอยากจะชดใช้โดยการจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ให้เธอ แถมยังจัดแจงอะไรต่างๆ ด้วยตัวเองอีกด้วย
ที่จริงเรื่องนี้ในสายตาของหานชิงนั้น เขาพอใจอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าก็ถือว่าเป็นแค่การจัดการแต่งเพื่อชดเชย เขาก็คงจะให้คนอื่นเป็นคนจัดการให้ แต่ไม่คิดเลยว่าในหลายๆ เรื่องเขาจะเป็นคนทำด้วยตัวเอง
เรื่องนี้มันทำให้หานชิงสั่นสะเทือนยิ่งกว่าเรื่องสัญญาเรื่องทรัพย์สินอะไรนั่นอีก
“เอาเถอะ รีบพักผ่อน พรุ่งนี้ตอนงานแต่งจะได้ดูดีหน่อย”
“อืม”
คืนวันนั้น หานมู่จื่อหลับลึกมาก แต่ว่าเสี่ยวเหยียนที่นอนเป็นเพื่อนเธอนั้นกลับนอนไม่หลับ แต่กลัวว่าจะทำให้มู่จื่อตื่น ก็เลยได้แต่กอดหมอนเดินไปนอนบนโซฟาแทน
ตอนเช้าตรู่ถึงจะค่อยๆ หลับไป แต่ว่ารู้สึกว่าหลับไปได้ไม่นาน ก็มีคนมาเคาะประตู บอกว่าเจ้าสาวต้องรีบไปแต่งหน้าแต่งตัว เสี่ยวเหยียนลุกขึ้นทันที แล้วก็ไปปลุกหานมู่จื่อ
ตอนที่หานมู่จื่อตื่นขึ้นมานั้นก็เห็นว่าใต้ตาของเธอดำมาก ก็เลยตกใจ
“เธอเป็นอะไรไปน่ะ? ใต้ตาดำขนาดนี้ แล้วเดี๋ยวเธอจะฉายแววดึงดูดคนได้ยังไงกันล่ะ? ”
เสี่ยวเหยียนหดหู่เหมือนนกกระจอกเทศ “ไม่ต้องพูดถึงแล้ว น่าจะเพราะว่านึกถึงว่าจะได้เจอพี่ชายเธอวันนี้ ก็เลย……ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ”
พอพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็มองเธอด้วยสายตาอิจฉา “จู่ๆ ก็รู้สึกว่าท้องนี่มันก็ดีเหมือนกันนะ
“……”
ประโยคนี้ทำให้หานมู่จื่อพูดไม่ออก
หลังจากที่เธอลุกขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้า ก็เห็นว่าในโทรศัพท์ของเธอมีข้อความที่เย่โม่เซินส่งมา ก็คือกลางดึกของเมื่อคืน เขาบอกว่าตอนนี้เขาอยู่ที่สนามบินแล้ว ต้องจัดงานแต่งงานที่ทำให้เธอยากที่จะลืมแน่นอน
ตอนที่เห็นข้อความนั้น ริมฝีปากของหานมู่จื่อก็คลี่ยิ้มออกมาจากๆ หลังจากนั้นก็เก็บโทรศัพท์ไป
สไตลิสต์ยืนอยู่ข้างหลังเธอ เหลือบไปเห็นแล้วก็พูดว่าอิจฉา แถมยังบอกว่าหานมู่จื่อจะมีความสุขแค่ไหนที่ได้แต่งงานผู้ชายแบบนี้
พูดจนหานมู่จื่อหน้าแดงไปหมด
ก่อนที่จะแต่งหน้า เสี่ยวเหยียนเอาอาหารมาให้เธอ หานมู่จื่อกินเพื่อรองท้องนิดหน่อย หลังจากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเย่โม่เซิน
ตอนที่เธอไปนั้น ก็พบว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง
เวลานี้เขาน่าจะยังอยู่บนเครื่องบินสินะ ดังนั้นหานมู่จื่อก็เลยค้นหาเกี่ยวกับข้อมูลเที่ยวบินของเขา น่าจะอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว
ตอนที่จะเก็บโทรศัพท์นั้น หานมู่จื่อก็จะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็เผลอชนแก้วบนโต๊ะคว่ำอย่างไม่ทันระวัง
เพล้ง!
แก้วใบนั้นตกลงบนพื้น พร้อมกับแตกเป็นชิ้นๆ เศษแก้วเล็กๆ ชิ้นหนึ่งกระเด็นใส่เท้าสีขาวๆ ของหานมู่จื่อ
“กรี้ด~”สไตลิสต์ร้องออกมาด้วยความตกใจ“คุณหาน เท้าคุณเลือดออกแล้วค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น? ”
เสี่ยวเหยียนที่อยู่ห้องข้างๆ พอได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมาทันที ตอนที่วิ่งมานั้นก็ได้ยินเสียงสไตลิสต์ร้องพอดี เธอมองไปที่หานมู่จื่อ ก็เห็นเท้าขาวๆ ของเธอโดนเศษแก้วกระเด็นเข้าใจ แล้วก็มีเลือดซึมออกมาจางๆ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ” ผู้ช่วยสไตลิสต์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเสี่ยวเหยียนพอเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ก็พึมพำโดยไม่รู้ตัว “วันนี้เป็นวันแต่งงานนะ แก้วแตก แถมยังเห็นเลือดอีก เป็นลางไม่ดีเลย”
พอเสี่ยวเหยียนได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป หลังจากนั้นก็มองไปที่ใบหน้าของเสี่ยวเหยียน
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด หานมู่จื่อเองก็ได้ยินคำพูดนี้เหมือนกัน ใบหน้าและริมฝีปากของเธอก็ซีดลงเล็กน้อย
“เธอพูดมั่วอะไรกัน? มู่จื่อไม่ทันระวังต่างหาก” เสี่ยวเหยียนหันหน้ากลับไปถลึงตาใส่ผู้ช่วยสไตลิสต์คนนั้น แล้วก็รีบเดินเข้าไปหามู่จื่อ “มู่จื่อ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันดูแผลหน่อย”
ตอนที่สไตลิสต์ได้สติกลับมานั้น ก็รีบถลึงตาใส่ผู้ช่วยทันที “พูดบ้าพูดบออะไรกัน? รีบไปหาอะไรมาจัดการเศษแก้วพวกนี้ซะสิ”
หานมู่จื่อกลับยืนงงอยู่ที่เดิม มองไปที่เศษแก้วที่แตก และเปลือกตาก็เริ่มกระตุกอีกครั้งอย่างไม่สามารถต้านทานได้