บทที่707 อุบัติเหตุทางเครื่องบิน
“โอเค”หานมู่จื่อพยักหน้า แล้วก็ปล่อยมือจากกระโปรงชุดแต่งงานของตัวเอง “ถ้ายังงั้นฉันจะรออยู่ที่นี่ หรือว่า……พวกเราไปที่ห้องประชุมใหญ่เลยดี? ”
หานชิงยกมือขึ้นดูนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเอง พร้อมกับพูดด้วยเสียงเบา “ยังไม่ถึงเวลา เดี๋ยวสายอีกนิดหนึ่งถ้าเกิดว่าเขายังไม่มา เดี๋ยวพี่พาเธอไปห้องประชุมใหญ่เอง แต่ว่า……”
พอพูดถึงตรงนี้ หานชิงก็หยุดครู่หนึ่ง เหมือนกับว่ากำลังลังเลว่าควรจะพูดประโยคหลังออกมาดีไหม
“แต่อะไร? ” หานมู่จื่อฟังออกว่าเขามีอะไรอยากจะพูดแต่ไม่ยอมพูด ก็เลยเงยหน้ามองหานชิง
ถึงแม้ว่าสีหน้าของหานชิงจะเรียบเฉย แต่ว่าดวงตาคู่นั้นของเขาจมดิ่งลึกมาก เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่นัก
เห็นว่าหานมู่จื่อถามตัวเอง สายตาของหานชิงก็ดูซับซ้อนขึ้นเยอะ พร้อมกับถามด้วยเสียงต่ำ “เธอแน่ใจนะว่าต่อให้เขาไม่มาที่นี่ตรงเวลา เธอก็จะไปที่ห้องประชุมใหญ่? ”
หานมู่จื่อ “แล้วทำไมจะไม่ไปล่ะ? ”
หานชิง “ในห้องนั้นมีคนมาเยอะกว่านี้อีก ถ้าเกิดว่า……แม้แต่ที่ห้องประชุมเขาก็ไม่มา จนถึงตอนนั้นเธอ……”
เขาอยากจะพูดว่า จนถึงตอนนั้นเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
“พี่”
ถึงแม้ว่าประโยคหลังหานชิงจะยังไม่ทันได้พูดออกมา แต่ว่าหานมู่จื่อก็ขัดเขาไว้ก่อน
หานมู่จื่อมองเขา ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออก น้ำเสียงดูเงียบสงบ
“ฉันเคยบอกแล้ว ว่าเขาจะเชื่อใจเขามากๆ เขาไม่ได้บอกฉันว่าจะไม่มา ถ้ายังงั้นฉันก็จะรอเขาไปเรื่อยๆ ”
หานชิง:“……”
เห็นหานมู่จื่อเป็นแบบนี้ หานชิงก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงถึงจะดี ที่จริงเขาในฐานะพี่ชาย ก็ไม่สามารถตัดสินใจอะไรแทนน้องสาวได้มากเกินไปหรอก ตอนนี้เธอตัดสินใจด้วยตัวของเธอเองแล้ว ถ้ายังงั้นเขาก็ไม่มีอะไรจะให้พูดแล้ว
ทำได้แค่ตามใจเธอแล้วก็พยักหน้า “ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว งั้นพี่ก็จะฟังเธอแล้วกัน”
“ขอบคุณนะพี่”
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ที่นี่ก็ค่อนข้างจากสนามบินอยู่พอสมควร ตอนที่ซูจิ่วออกเดินทางไปสนามบินนั้น ก็สายไปแล้ว
พวกเธอมีกำหนดเวลาที่ต้องออกจากโรงแรมไปที่ห้องประชุม พอเวลามาถึง หานมู่จื่อก็ขึ้นรถไป ตอนที่อยู่บนรถก็เอาแต่โทรหาเย่โม่เซินครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงแม้ว่าเสียงปลายสายจะมีแค่เสียงผู้หญิงที่เย็นชาเสียงนั้น แต่ว่าการกระทำของเธอก็ยังคงเหมือนกับเครื่องจักร
เสี่ยวเหยียนที่อยู่ด้านข้างเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ดวงตาก็ค่อยๆ แดงก่ำขึ้นมา
เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่กล้ามองอีกต่อไป
ที่จริงแล้วเธอรู้มาโดยตลอดว่ามู่จื่อเป็นคนใจแข็ง ในเมื่อเธอบอกว่าจะเชื่อใจ สิ่งที่จะทำ ก็คือยืนหยัดไปเรื่อยๆ
ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนสนิท ก็ต้องสนับสนุนมู่จื่ออยู่แล้ว
แต่ว่าวันนี้พอเห็นหานมู่จื่อเป็นแบบนี้ เสี่ยวเหยียนกลับพบว่าตัวเองสนับสนุนเธอต่อไปอีกไม่ค่อยได้แล้ว เธอยอมที่จะเห็นมู่จื่อระเบิดอารมณ์ มากกว่าที่เป็นแบบนี้อีก
ตอนที่ถึงห้องประชุมนั้น เพื่อน ๆ และญาติๆ ก็ต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว
เพราะว่าข่าวงานแต่งครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก เพราะฉะนั้นก็เลยดึงดูดนักข่าวได้มากมาย รวมถึงคนในพื้นที่ที่ให้ความสนใจกับคู่บ่าวสาวคู่ใหม่ ก็ตามมาถ่ายงานแต่งในครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน
ตอนที่หานมู่จื่อลงจากรถนั้น มีเสียงแฟลชกะพริบนับไม่ถ้วนไล่ตามเธอไป
หานชิงหันไปถามผู้ช่วยด้านข้างว่า “ยังไม่มีข่าวคราวจากซูจิ่วอีกเหรอ? ”
ผู้ช่วยก้มลงมองโทรศัพท์ที่ยังคงเงียบ พร้อมกับส่ายหน้า “เมื่อสิบนาทีก่อนเธอบอกผมว่ารถติด ผมเดาว่าคุณชายเย่ก็น่าจะรถติดเหมือนกัน”
หานชิงคิด ถ้าเกิดว่ารถติดก็ดีสิ แต่ถ้าเกิดว่าเป็นอย่างอื่น……
ดวงตาของเขาลึกขึ้นเล็กน้อย ออร่าที่แผ่ออกมาจากร่างกายเขาก็ดูมืดครึ้ม
เย่โม่เซิน ทางที่ดีคุณควรทำตามที่เคยรับปากไว้ ถ้าเกิดว่าทำไม่ได้ล่ะก็ ก็อย่ามาโทษฉันถ้าฉันจะเอามู่จื่อไปซ่อนแล้วไม่ให้คุณได้เจอเธออีก
ทั้งๆ ที่งานแต่งใกล้จะเริ่มแล้ว แต่ว่าทุกคนที่อยู่ในที่นั้นเหมือนจะไม่เห็นเจ้าบ่าว เห็นแค่หานมู่จื่อที่ใส่ชุดแต่งงานแล้วยืนอยู่ตรงนั้น ดูอ้างว้างมาก
เพื่อนๆ สื่อมวลชนที่มาร่วมงานในครั้งนี้เห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ก็ค่อยๆ พบเห็นสิ่งที่ผิดปกติ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย? ทำไมถึงได้มีเจ้าสาวแค่คนเดียวล่ะ? พวกเราก็มาที่นี่ตั้งนานแล้วนะ ยังไม่ถึงเวลาเริ่มงานอีกเหรอ? ”
“ได้ยินมาว่างานแต่งในครั้งนี้เป็นงานแต่งงานที่เกี่ยวดองสมรสระหว่างบริษัทตระกูลเย่กับบริษัทตระกูลหานในเมืองเป่ยเลยนะ แต่ว่า……จนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นท่านนั้นจากบริษัทตระกูลเย่เลย หรือว่าไม่อยากแต่งแล้วงั้นเหรอ? ”
“อื้อ ไม่รู้สินะ……พวกเราก็แค่ได้ข่าวว่าวันนี้จะมีงานแต่งจัดขึ้นที่นี่ ก็เลยรีบมา”
“คุณน้อยของบริษัทตระกูลเย่แห่งเมืองเป่ย ได้ยินมาว่าเกิดมาหล่อเหลา แต่ว่าปกติไม่เข้าใกล้ผู้หญิงเลย แต่ถึงยังงั้นก็ยังมีพวกคุณหนูมากมายที่อยากจะแต่งงานกับเขา คงไม่ใช่ว่าข่าวนี้ตระกูลหานเป็นคนปล่อยข่าวเองใช่ไหม? ปรารถนาแต่ฝ่ายเดียวอะไรเทือกนั้น? ”
“ไม่หรอกมั้ง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ออกอากาศในประเทศตั้งหลายวันแล้ว ถ้าเกิดว่าตระกูลหานเป็นคนปล่อยข่าวอยู่ฝ่ายเดียว บริษัทตระกูลเย่ก็คงไม่นั่งดูอยู่เฉยๆ ไม่สนใจอะไรได้หรอก”
“แล้วตอนนี้สถานการณ์มันเป็นยังไงกันแน่? ”
กลุ่มคนพวกนั้นเริ่มหารือกัน
หานมู่จื่อถูกแสงแฟลชถ่ายตามนับไม่ถ้วน เห็นได้ชัดว่ามีคนเยอะแยะอยู่ในสถานที่นี้ แต่ว่าเธอไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว ในใจของเธอมีแค่เย่โม่เซินเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน หรือว่าทางที่มารถติดเหรอ? หรือว่า เที่ยวบินมันล่าช้า? หรือว่า เขาไม่ได้ขึ้นเครื่องบินมาด้วยซ้ำ……
ตืด——
เสียงโทรศัพท์สั่น หานมู่จื่อสั่นไปทั้งตัวทันที เธอหยิบโทรศัพท์ที่กำแน่นอยู่ในมือออกมาทันที หานมู่จื่อมองไปที่หน้าจออย่างกระตือรือร้น ยังไม่ทันจะเห็นชัดเจนก็รับสายแล้ว
“โม่เซิน คุณใกล้ถึงรึยัง? ที่นี่มีนักข่าวมาเยอะมากเลย ฉันรอคุณอยู่ที่ห้องประชุม เมื่อไหร่คุณ……”
“มู่จื่อ ฉันเอง”
อย่างไรก็ตาม เสียงปลายสาย กลับเป็นเสียงที่อ่อนโยนและชัดเจน
ประกายแห่งความหวังในดวงตาของหานมู่จื่อค่อยๆจางลง เธอไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็นึกออกว่านี่คือเสียงของใคร ริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอก็หยุดครู่หนึ่งแล้วก็เรียกออกมา
“พี่ พี่ใหญ่? ”
“ได้ยินเสียงฉัน ทำให้เธอผิดหวังใช่ไหม? ”
หานมู่จื่อ :“……”
เธอไม่คิดว่าเย่หลิ่นหานจะโทรหาเธอในเวลานี้ เธอรอเย่โม่เซินอยู่นาน ก็เลยนึกว่าเป็นเย่โม่เซิน……
ดังนั้นเมื่อกี้เลยรับโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้ดูด้วยซ้ำ
“ฉันเห็นข่าวแล้ว ใกล้จะถึงงานแต่งแล้วใช่ไหม? ”
หานมู่จื่อ “อืม”
“ฉันไปงานแต่งของเธอไม่ทันแน่นอน แล้วอีกอย่างโม่เซินก็คงไม่ได้เต็มใจอยากจะเจอฉันหรอก ฉันก็แค่อยากจะแสดงความยินดีกับเธอผ่านทางโทรศัพท์”
หานมู่จื่อ“……ขอบคุณนะ”
ตอนนี้อารมณ์ของเธอไม่ได้ดีเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเธอก็เลยไม่มีแรงแม้แต่จะรับมือกับเย่หลิ่นหานในตอนนี้
เย่หลิ่นหานน่าจะฟังออกว่าเธอไม่ได้อยากจะตอบรับคำพูดของเขาด้วยซ้ำ ก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
“โอเค ถ้ายังงั้นฉันไม่รบกวนเธอแล้ว เธอต้องมีความสุขมากๆ นะ”
พอหานมู่จื่อวางสาย โทรศัพท์ของผู้ช่วยเลขาหานชิงก็ดังขึ้น
“พี่ซู? ”
“อะไรนะ? ฉันเข้าใจแล้ว! ”
หลังจากผู้ช่วยเลขาวางสาย ก็รีบพูดกับหานชิงทันที “ประธานหาน เมื่อกี้พี่ซูโทรมาบอกว่าเกิดอุบัติเหตุกับเครื่องบินลำที่นั่งมา! ”