บทที่708 พาเธอปลีกตัวออกไป
“เธอพูดอะไร? ”หานชิงหรี่ตาบรรยากาศรอบตัวดูอันตรายและหนักหน่วงขึ้นมา “อุบัติเหตุอย่างนั้นเหรอ? อุบัติเหตุอะไรล่ะ? พูดออกมาให้ชัดๆ สิ! ”
ผู้ช่วยที่ถูกความมองมัวของหานชิงก็ตกใจก็พูดติดๆ ขัดๆ อย่างยากลำบาก หยิบโทรศัพท์เปิดข่าวด้วยมืออันสั่นเทา จากนั้นก็ยื่นไปให้ที่ตรงหน้าของหานชิง
“ประธานหานคุณดูสิ…มันเป็นข่าวที่เพิ่งแพร่ออกมา”
หานชิงคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยความหงุดหงิด ปรากฏว่ามันเป็นข่าวอุบัติเหตุเครื่องบิน ซึ่งไฟล์ทนั้นก็เป็นไฟลท์ที่เย่โม่เซินนั่งอย่างพอดิบพอดี
เมื่อเห็นข่าว สายตาของหานชิงก็มืดมนลง อีกนิดก็จะกดอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่
เขาคิดไปถึงมู่จื่อน้องสาวของเขาในทันที
เขาแค่รู้ข่าวก็แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว แล้วถ้าเป็นมู่จื่อล่ะ? เกรงว่าน่าจะเป็นมากยิ่งกว่าอีก
เมื่อรู้ข่าวแล้ว สายตาและบรรยากาศรอบตัวของหานชิงก็มืดมนราวกับเมฆฝน
ใบหน้าเยือกเย็นมองไปยังผู้ช่วยเลขาที่ยืนอยู่ข้างๆ “เรื่องนี้อย่าเอาไปพูดที่ไหนล่ะ”
“แต่ว่างานแต่งจะทำยังไงล่ะคะ? ”ผู้ช่วยเลขาเมื่อได้ยินข่าวนี้ก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นเดียวกัน เรื่องแบบนี้เปอร์เซ็นต์ในการเกิดมันมีเพียง1ใน1000 แต่เธอกลับมาพบเจอเข้า
งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่
เป็นงานแต่งที่อลังการ แขกผู้มีเกียรติเยอะแยะ ทั้งยังมีเพื่อนๆ มัลติที่ถือกล้องมาถ่ายภาพในงานนี้อีกเป็นจำนวนมาก
แต่กลับเกิดอุบัติเหตุกับเจ้าบ่าวไปเสีย
งานแต่งนี้ หากเจ้าบ่าวไม่ปรากฏตัวขึ้นมา จะมารวมกันไปทำไม?
ไม่พูดออกไป คนอื่นๆ เหล่านั้นก็จะไม่รู้ว่าเจ้าบ่าวเกิดอุบัติเหตุ รู้เพียงเจ้าบ่าวหาย แบบนี้ก็จะเอาไปพูดต่อว่าเจ้าสาวกลายเป็นหม้ายขันหมากเพราะเจ้าบ่าวเทงานหน่ะสิ
ผู้ช่วยเลขาไม่อาจจะตัดสินใจอะไรได้ก็ได้แต่จ้องมองหานชิง
“ถ้าอย่างนั้น…..ประธานหาน จะให้ฉันทำยังไงดี? พี่ซูเธอ……”
หานชิงมองเธอด้วยสายตาเย็นชา
“เธอไม่ใช่ผู้ช่วยเลขาหรือยังไง? เวลาแบบนี้ก็ต้องคิดหาวิธีการสิ”
ว่ายังไงนะ?? ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้ช่วยเลขา แต่ก็ไม่ได้ฉลาดอะไรขนาดนั้นนะ….
“ประธานหาน ฉันโง่เกินไป เวลาแบบนี้คิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ เอางี้ไหมคะ….ฉันต่อโทรศัพท์ให้พี่ซูจะได้ถามเธอว่าควรทำยังไงดี? ”
หานชิงมองเธออย่างเยือกเย็น ราวกับกำลังมองขยะมูลฝอย จริงๆ แล้วผู้ช่วยเลขานั้นก็สามารถจะรู้ถึงความรู้สึกของหานชิงได้ จัดการเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แน่นอนว่าเขาก็อยากที่จะปลอบโยนน้องสาวของตัวเอง แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่เป็นงานแต่งงานที่ใหญ่โต ซึ่งจัดในห้องโถง!
เธอเป็นเพียงผู้ช่วยเลขาตัวน้อยๆ จะไปพลิกสถานการณ์ได้อย่างไร?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องโทรหาพี่ซูผู้ช่วยเลขาไม่ได้สนใจว่าถูกหานชิงมองด้วยสายตาอย่างไร เธอเปิดโทรศัพท์และโทรตรงหาซูจิ่ว
เมื่อโทรศัพท์ต่อติด ผู้ช่วยก็ถามซูจิ่วที่อยู่ปลายสาย
“พี่ซู เมื่อกี้นี้ประธานหานบอกว่าเรื่องนี้อย่าให้คุณหานรู้ แล้วให้ฉันคิดหาวิธี ฉันควรจะทำยังไงดี? ”
ซูจิ่วที่กำลังอยู่ในงานแต่ง: “….นี่มันเป็นปัญหาที่น่าปวดหัวมากจริงๆ ”
งานแต่งที่ใหญ่โตขนาดนั้น คนมาเยอะขนาดนั้น ที่แย่ที่สุดคือมีตากล้องอีกหลายชีวิต นี่ยังไม่พูดถึงสื่อที่เป็นต่างชาติ สื่อในประเทศที่ดังๆ เองก็มา
นานแล้วเจ้าบ่าวยังไม่มาปรากฏตัว ถึงเวลาสื่อจะเขียนข่าวว่ายังไง
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่ให้คุณหานรู้….มันเป็นเรื่องที่ยากจะทำมากจริงๆ
ซูจิ่วคิดอยู่นาน แต่ก็หาวิธีที่ดีไม่เจอจึงทำได้เพียงแค่พูด: “ตอนนี้ฉันก็ยังหาวิธีแก้ปัญหาไม่ได้ ก่อนอื่นเธอไปคุมสถานการณ์ที่งานก่อน รอฉันไปจัดการเรื่องอื่น สำหรับเรื่องของ…คุณหานนั้น ไปจัดห้องพักให้เธอพักก่อน บอกว่าฉันกำลังจัดการเรื่องคุณโม่เซิน อ้อจริงสิ พยายามอย่าให้เธอแตะโทรศัพท์ เรื่องนี้…เธอบอกให้เสี่ยวเหยียนที่อยู่กับเธอ ให้เธอไปจัดการ”
ผู้ช่วยเลขาฟังจบก็พยักหน้ารับ
ไม่แปลกใจเลยที่อยู่เป็นเลขาคู่กายของประธานหานมานาน คิดการได้ครอบคลุมกว่าเธอเยอะ
เมื่อรู้ว่าจะไปเปลี่ยนบทสรุปไม่ได้ ทำได้เพียงรักษาสิ่งที่เป็นอยู่ให้ดี
“ฉันไปทำเดี๋ยวนี้”
ผู้ช่วยเลขาวางโทรศัพท์แล้ว ก็ไปทำตามที่ซูจิ่วบอก
เพียงแต่….แค่ก้าวแรกก็สะดุดลงเสียแล้ว
หานมู่จื่อไม่ยอมไปพักที่ห้องพัก อยากจะรออยู่ที่งาน
มีแสงแฟลชและกล้องอยู่รอบตัวของเธอ ผู้ช่วยเลขาจะรีบก็ไม่ได้ ทำได้เพียงส่งสายตาให้เสี่ยวเหยียน
ถึงแม้เสี่ยวเหยียนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอไม่ใช่คนในที่ทำงาน จึงสามารถเข้าใจความหมายของผู้ช่วยผู้จัดการ จึงเดินไปตรงหน้าของหานมู่จื่อ
“หน้าผมเยิ้มหมดแล้ว เราไปจัดที่หลังเวทีสักแป๊บเถอะ”
เมื่อได้ยิน ตาของหานมู่จื่อก็กระตุก ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้า
“เยิ้มเหรอ? ”
“อื้อ อาจจะแต่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
หานมู่จื่อ:“……”
จะเป็นไปได้ยังไง? เธอมองไปยังเสี่ยวเหยียนที่อยู่ข้างตัว ก็ได้รับสายตาที่ไม่ได้มีแววล้อเล่นกลับมา ท้ายสุดก็พูดขึ้น: “ฉันพูดจริงๆ นะ ลิปสติกเธอเปรอะมาด้านข้างแล้ว”
พูดจบ เธอก็ฉวยมือของมู่จื่อไปที่ริมฝีปาก จากนั้นก็เช็ดแทนให้
การกระทำนั้นเหมือนจะเป็นการเช็ดให้ แต่ความจริงแล้วกลับเอาลิปสติกป้ายตรงบนคางของหานมู่จื่อแทน
“ดูสิอ่ะ”
เมื่อทำเสร็จแล้ว เสี่ยวเหยียนก็หยิบโทรศัพท์ยื่นให้ดู
“ลิปมันเลอะ น่าจะเพราะเธอไม่ทันระวังแหละ”
หานมู่จื่อเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร
พักหนึ่งเธอก็พยักหน้า: “ได้ ฉันจะไปหลังเวทีกับเธอ”
เมื่อเห็นว่าท้ายสุดเธอก็ยอม เสี่ยงเหยียนก็โล่งใจ จับมือเธอพาเดินไปตามทางเดินพลางพูด “ระวังหน่อยสิน่า”
ผู้ช่วยเลขาเห็นพวกเธอเดินไปยังหลังเวทีก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ไม่จัดการเรื่องอื่นต่อ
เสี่ยวเหยียนจูงมือหานมู่จื่อเดินมาข้างหลังพลางพูด “พักอยู่นี่แป๊บหนึ่ง เดี๋ยวฉันไปตามช่างแต่งหน้ามาแก้ให้”
“ไม่ต้องหรอก” หานมู่จื่อส่ายหน้าปฏิเสธ “แค่ลิปสติกเลอะเอง ฉันจัดการเองได้”
“แต่ว่า….” เสี่ยงเหยียนลังเลเล็กน้อย “เธอจะจัดการเองอย่างนั้นเหรอ? แต่ว่าวันนี้…..”
“เพราะเป็นงานแต่งงาน ดังนั้นฉันที่เป็นเจ้าสาวก็ไม่ควรจะหายไปนาน เดี๋ยวจัดการเสร็จฉันจะกลับไปแล้ว ไม่อย่างนั้น…..โม่เซินมาไม่เจอฉันจะทำยังไง? ”
เสี่ยวเหยียน:“……”
เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง เสี่ยวเหยียนจูงมือเธอเดินมาถึงเสร็จหานมู่จื่อก็จัดการแต่งหน้าตัวเอง เสี่ยวเหยียนอาศัยจังหวะนี้ออกมา ก็พบเข้ากับผู้ช่วยเลขากำลังวิ่งเหยาะๆ เข้ามาพอดี เธอโบกมือให้
เสี่ยวเหยียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทำได้เพียงเดินเข้าไปหา
“มีอะไรเหรอ? ทำไมเมื่อครู่เธอถึงให้ฉันพามู่จื่อไปหลังเวที? เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า? ”
เมื่อเรื่องมาตอนนี้ เสี่ยวเหยียนก็พอจะรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติได้รางๆ
ผู้ช่วยเลขาทำหน้าสิ้นหวัง: “ฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไง พี่ซูให้ฉันทำน่ะ คือไฟล์ทที่คุณชายเย่นั่งมาเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้เธอกำลังรีบกลับ”