บทที่710แม้แต่เธอก็จะห้ามฉันเหรอ?
เสี่ยวเหยียนส่ายหน้า “ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ…”
“เสี่ยวเหยียน ถ้าเธอยังนับฉันเป็นเพื่อนสนิทอยู่ล่ะก็ อย่าเอาเรื่องไร้สาระพวกนี้มาถ่วงเวลาฉัน ขัดขวางฉัน”
เสียงของเธอเริ่มดังขึ้น แม้กระทั่งสายตายังดูแข็งกร้าวขึ้นมา เสี่ยวเหยียนเคยเป็นพนักงานที่บริษัทของเย่โม่เซิน เมื่อมองแววตาของหานมู่จื่อ ช่างเหมือนกับแววตาของเย่โม่เซินเหลือเกิน
เธอคิดบางอย่างอยู่ในใจ แต่เมื่อนึกถึงตอนที่เย่โม่เซินเกิดเรื่องนั้น เธอจึงทำได้เพียงกัดฟันแล้วอธิบายต่อไป “เธอจะไม่ใช่เพื่อนรักของฉันได้อย่างไรล่ะ ฉันเห็นว่าเธอเป็นเพื่อนต่างหาก ถึงไม่อยากให้เธอออกไปในสภาพแบบนี้? มู่จื่อ เธออย่าเร่งได้ไหม? ฉันจะแต่งหน้าให้เธอดีๆ ก่อน เธอเป็นถึงเจ้าสาวเลยนะ”
สีหน้าของหานมู่จื่อดูเคร่งเครียดขึ้นมา
“เเหรอ? งานแต่งที่ไม่มีเจ้าบ่าว ฉันยังเป็นเจ้าสาวได้อยู่เหรอ? ”
เสี่ยวเหยียน:“……”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเเหรอ? ”หานมู่จื่อถามขึ้นอีก
แววตาของเขาดูโหดร้ายดั่งคมมีด เสี่ยวเหยียนรู้มาตลอดว่าหานมู่จื่อมีบางอย่างที่เหมือนกับเย่โม่เซินมาก แต่ไม่คิดว่าทั้งสองจะเหมือนกันขนาดนี้
แววตาดุดันของเธอ เหมือนราวกับเย่โม่เซินกำลังมองเธออยู่
เธอห่อไหล่ลงอย่างเสียมิได้ พลางส่ายหน้า “เปล่า ไม่มีเรื่องอะไร แค่…”
“เธอเลิกพูดได้แล้ว”หานมู่จื่อสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามระงับอารมณ์ตัวเอง “เธอไม่อยากเล่า ฉันก็จะไม่บังคับเธอ แต่ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเธอยังไม่หลบไป ฉันจะโกรธจริงๆ แล้ว”
เสี่ยงเหยียนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหานมู่จื่อ
“ มู่จื่อ……”
ใบหน้าเย็นชา และแววตาไม่เป็นมิตรของหานมู่จื่อ
สีหน้าและแววตาของเธอกำลังถ่ายทอดเรื่องราวออกมา ไม่ต้องต่อรองอีก ถ้ายังไม่หลบ ทั้งสองคงจะขาดกันจริงๆ
เสี่ยวเหยียนกลัว จึงค่อยๆ หลบไปข้างๆ
ในที่สุดก็หลบให้…
หานมู่จื่อกำลังจะหยิบกระโปรงเดินออกไป ก็มีชายร่างสูงเดินมาขวางเธอเอาไว้
“พี่? ”
แววตาลุ่มลึกของหานชิงมองมายังเธอ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ห้ามออกไป”
หานมู่จื่อ “…พี่ยังขัดขวางฉันด้วยเหรอ? ”
หานซิงไม่ตอบ หานมู่จื่อยิ้มด้วยความเย็นชา “นี่เป็นงานแต่งของฉัน ทำไมฉันจะออกไปไม่ได้? คุณบอกฉันได้ไหม? ”
หานซิงและเสี่ยวเหยียนสีหน้าไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรเธอ
หานมู่จื่อยิ่งกังวลใจ เธอไม่ทันได้คิดอะไร จึงรีบวิ่งฝ่าออกไป พลางกล่าว “พวกเธอไม่ยอมพูดก็ช่างเถอะ ฉันจะออกไปเอง เดี๋ยวโม่เซินก็ออกมาแล้ว ถ้าเขายังไม่ออกมา เขาก็คง…”
แขนที่พาดกระโปรงอยู่นั้น ถูกหานซิงจับเอาไว้
หานมู่จื่ออยากจะเดินไปด้านหน้าต่อ แต่เธอขยับต่อไปไม่ได้
“ปล่อยฉัน”
“อย่าไปเลย”
หานซิงสีหน้าเคร่งเครียด
เสี่ยวเหยียนที่อยู่ข้างๆ สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของหานซิง เธอจึงห่อไหล่ แล้วมองไปทางหานมู่จื่อด้วยน้ำตาล้นเอ่อ
“ทำไม? ทำไมห้ามไม่ให้ฉันไป บอกเหตุผลฉันมาสิ”
หานซิงหันไป แล้วมองหานมู่จื่อด้วยแววตาเย็นชา
“เธออยากได้เหตุผลแบบไหน? ”
หานมู่จื่อเริ่มรู้สึกเย็นวาบขึ้นในใจ จากอารมณ์ที่สงบนิ่งนั้นเริ่มโมโหขึ้นมา เธอสะบัดมือของหานซิงออกอย่างแรง
แล้ววิ่งถือกระโปรงออกไปอย่างไม่สนใจ
“หานมู่จื่อ! ”
เสี่ยวเหยียนเห็นเช่นนั้น จึงวิ่งตามออกไป
หานซิงกับรั้งเธอเอาไว้ เสี่ยวเหยียนตกใจ “รีบปล่อยฉันสิ หานมู่จื่อวิ่งออกไปแล้ว รีบปล่อยฉัน…”
“ให้เธอไปเถอะ” หานซิงเม้มปาก แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ปิดบังเธอมานานแล้ว ยังไงเธอก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี”
“แต่ว่า…” น้ำตาที่เสี่ยวเหยียนกลั้นเอาไว้นาน พลันเอ่อล้นออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ถ้ามู่จื่อรู้ความจริง คงจะรับไม่ได้”
หานซิงเม้มปากแน่น สีหน้าเคร่งเครียดเสียจนดูน่ากลัว แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ณ ตอนนี้ ไม่ว่าจะทำอะไร ก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว?
หลังจากที่หานมู่จื่อวิ่งออกไปอย่างไม่สนอะไร ก็พบว่าด้านนอกวุ่นวายมาก
ไม่รู้ว่าเป็นสื่อช่องไหนทำข่าว เผยเรื่องราวที่ไฟลท์บินของเย่โม่เซินเกิดอุบัติเหตุออกมาจนหมด คนอยู่ในงานรอเจอเจ้าบ่าวในงาน เมื่อได้ยินข่าวนี้ จึงรีบเก็บภาพในงานด้วยความบ้าคลั่ง
ตอนที่หานมู่จื่อออกมา ไม่รู้ว่าใครตะโกนว่าเจ้าสาวมาแล้ว
แล้วเหล่าสื่อมวลชนก็ดาหน้ากันเข้ามา แสงแฟลชรัวเข้าที่หน้าของหานมู่จื่อ
“คุณหานมู่จื่อคะ ได้ข่าวว่าที่เจ้าบ่าวไม่สามารถเข้าร่วมงานแต่งได้เป็นเพราะเกิดอุบัติเหตุของไฟลท์บินเหรอคะ? เป็นเรื่องจริงไหมคะ? คุณทราบเรื่องนี้ไหมคะ? ”
“คุณหานมู่จื่อ ถ้าคุณเย่โม่เซินเกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ จะจัดงานแต่งนี้ต่อไปไหมคะ? ”
“คุณหานมู่จื่อ อยากทราบว่าวันนี้คุณรอมานานเท่าไหร่แล้วคะ ว่าที่สามีคุณเกิดอุบัติเหตุ คุณเสียใจมากใช่ไหมคะ? ”
……
คำถามเหล่านั้นทั้งทิ่มแทงและทำร้ายจิตใจเธอ
เธอไม่รู้อะไรเลย!
เธอถูกเสี่ยวเหยียนพาเข้าไปแต่งหน้า แล้วก็ถูกห้ามไม่ให้ออกมา
จนกระทั่งเธอออกมา เธอต้องการออกมารอเย่โม่เซิน กลัวว่าเขาจะหาเธอไม่เจอ
แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมสื่อถามเรื่องพวกนี้กับเธอ…
ไฟลท์ที่เย่โม่เซินนั่งมาเกิดอุบัติเหตุ?
ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องนี้?
เหมือนมีเสียงดังก้องอยู่ในหัวเธอ แฟลชสาดเข้ามาที่หน้าเธอไม่ยั้ง ลิปสติกสีแดงบนปากของเธอหลุดลอกไปจนหมดแล้ว เป็นเพราะคำถามเหล่านั้นของสื่อ ทำให้เธอหน้าซีด และชุดแต่งงานสีขาวนั้นยิ่งทำให้เธอดูขาวโพลนไปหมด
สภาพเธอ เหมือนกับสาวน้อยคริสตัลที่พร้อมจะแตกหักตลอดเวลา
ถึงจะเป็นเช่นนั้น กล้องของเหล่าสื่อมวลชนยังคงจ่อไปที่เธอ เบียดกันเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง และหนึ่งในนั้นมีกล้องตัวหนึ่งกระแทกมาถูกหน้าเธอ
“คุณหานมู่จื่อ ดูจากสีหน้าของคุณคงรู้เรื่องแล้วใช่ไหมคะ? แล้วทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่คะ? ว่าที่สามีคุณเกิดอุบัติเหตุ ไม่เป็นห่วงเขาเหรอคะ? ”
“ถามหน่อยค่ะ ว่าการที่คุณแต่งงานกับคุณเย่นั้นคือความต้องการของตระกูลใช่ไหม? ”
“คุณหาน”
“คุณหาน”
ข่าวรอบๆ กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน หานมู่จื่อไม่ได้ยินอีกต่อไป เมื่อกล้องหันมาชนเข้ากับหัวของเธอ เธอเจ็บจนถอยร่นไปหนึ่งก้าว คนพวกนั้นคิดว่าเธอจะหนี จึงเบียดกันเข้ามา
ช่วงชุลมุนไม่รู้ว่าใครผลักเธอ หานมู่จื่อล้มลงบนพื้นเย็นๆ นั้น
ไม่ ไม่มีทาง…
จะเกิดเรื่องกับเย่โม่เซินได้อย่างไร?
เป็นไปไม่ได้…
ทั้งๆ ที่เขาเคยตกลงกับเธอ ว่าจะเซอร์ไพรส์เธอ และเขายังตกลงว่าทั้งชีวิตที่เหลืออยู่จะดูแลเธอและเสี่ยวหมี่โต้วให้ดี
เป็นไปไม่ได้!