บทที่ 72 นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการมากที่สุดหรอกเหรอ
“ทำไมต้องเปิดโปงคุณ?” เย่โม่เซินพูดอย่างเย็นชา
เสิ่นเฉียว ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจคิดไม่ออก “ถ้าเป็นการแต่งงานที่เขาเป็นผู้ใหญ่จัดการให้ ทำไมไม่เปิดโปงถ้าพบว่าฉันไม่ใช่เสิ่นโย่ว
?”
“อ่า” เย่โม่เซิน เงยหน้าขึ้นแล้วมองเธอด้วยสายตาที่ตลกๆขบขัน เขามอง เสิ่นเฉียวเหมือนคนโง่ “สมองของคุณมีไว้เป็นของตกแต่งใช่ไหม?”
“ฉัน ……” ใบหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปเพราะคำถามของเขา “คุณต้องพูดแบบนี้ถึงจะพอใจใช่ไหม?”
“กับผู้หญิงแบบคุณ จำเป็นเหรอ?”
เสิ่นเฉียว “ในสายตาของคุณฉันเป็นผู้หญิงที่นิยมชมชอบเกียรติยศอันจอมปลอม มีแผนการซ่อนลึกอยู่ แล้วก็เป็นผู้หญิงไม่มีสมอง?”
เย่โม่เซิน ฉีกริมฝีปากของเขา ดวงตาลึกมองอย่างถากถาง “ยังดี ที่รู้ตัวเอง”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฉียวเฉียวกำหมัดของเธอแน่น และจ้องมองเขา “ถ้าอย่างนั้นขอถามหน่อย ผู้หญิงที่มีแผนการซ่อนลึกไว้ จะไม่มีสมองได้ยังไง? เย่โม่เซิน คำพูดของคุณขัดแย้งกันนิดหน่อยมั้ง?”
เปลือกตาของเย่โม่เซินเบิกขึ้น แล้วดวงตาของเขาก็หรี่ลงอย่างอันตราย
ผู้หญิงสมควรตายคนนี้!
เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่ดุดันของเขาจ้องไปที่เธอ
“พูดอีกทีสิ?”
เสิ่นเฉียว ผงะไปเพราะถูกขู่ด้วยสายตาที่ดุดันของเขา ไหล่ของเธอห่อตัวลงอย่างไม่รู้ตัว แต่ดวงตาของเธอยังคงจ้องเขาอยู่เหมือนเดิม
“อ่า” เย่โม่เซินยิ้มเยาะออกมา ผู้หญิงคนนี้โง่หรือเปล่า? เห็นได้ชัดว่ากลัว แต่กลับจ้องสบตากับสายตาเย็นชาคู่นั้น
“ไม่มีความกล้า ก็อย่ามาตั้งใจยั่วโมโหผม”
ขณะที่เสียงของเขาต่ำลงประตูลิฟต์ก็เปิดออก
เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้นด้วยความโกรธ
คิ้วของ เย่โม่เซิน ขมวดกันแน่นอย่างดุเดือด
เขาต้องการจะดุเธอดังๆ แต่เสิ่นเฉียวกลับกระแทกเท้าหยุดตรงที่เดิมทันที เธอหันกลับมามองเย่โม่เซิน
สายตาของทั้งสองสบกันกลางอากาศ เย่โม่เซินมองลึกไปในดวงตาเสิ่นเฉียวที่ยุ่งเหยิงไปหมด
อ่าผู้หญิงคนนี้ซ่อนอารมณ์ของเธอไว้ไม่ได้จริงๆ
ในใจคิดยังไง ทั้งหมดสะท้อนออกมาให้เห็นบนใบหน้าและดวงตาคู่นั้น
เสิ่นเฉียว กัดริมฝีปากล่างของเธอจ้องมอง เย่โม่เซิน สักครู่จากก็หันไปช้าๆ
ริมฝีปากเรียวบางของ เย่โม่เซิน ยกขึ้นเล็กน้อยและดวงตาสีเข้มนั้นสว่างชัดขึ้นมา เมื่อเขาคิดว่าเธอจะมาเข็นรถเข็นเขาอีกครั้ง เสิ่นเฉียว กลับทำหน้าไม่พอใจ “ฉันไม่กล้า คุณมีความสามารถก็ออกมาเองแล้วกัน”
หลังจากพูดจบ เสิ่นเฉียวก็ไม่ได้สนใจ เย่โม่เซินที่ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียว เธอหันหลังให้แล้วเดินออกไป
“ผู้หญิงที่สมควรตายๆไปซะ กลับมานะ!” เย่โม่เซินเห็นว่าเธอเดินออกไปจริงๆ แล้วก่อนเดินออกไปเธอก็ทำหน้าตาบูดบึ้งกับเขา ก่อนที่เธอจะจากไป นี่เธอยั่วโมโหเขาอย่างนี้จริงๆเหรอ?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เย่โม่เซินจึงเลื่อนรถเข็นออกจากลิฟต์อย่างว่องไว
เสิ่นเฉียว เดินออกจากร้านอาหารเช้ามาคนเดียวเมื่อเธอกำลังจะออกไป เธอก็ยังหยุดยืนอยู่สักครู่ จากนั้นก็มองหาร่างของเซียวซู่เห็นเขายืนพิงรถอยู่แล้วจึงเดินไปตบไหล่ของเขา
“ผู้ช่วย เสิ่น ทำไมคุณกลับมากะทันหัน? พวกคุณไม่ใช่ว่าไปกินอาหารเช้าเหรอ?”
สีหน้าของ เสิ่นเฉียว นั้นไม่ค่อยสบายใจ เสียงของเธอไม่สบอารมณ์ “ไม่กินแล้ว”
“เป็นอะไรไป?” เซียวซู่ไปข้างหลังมองเธอ ไม่เห็นร่างของ เย่โม่เซิน เธอก็ถามเธอว่า “คุณชายเย่?”
เสิ่นเฉียว เม้มริมฝีปากของเธอแล้วพูดเบา ๆ “เขา …… อาจจะยังอยู่ในลิฟต์ คุณไปดูเขาหน่อยเถอะ”
“เมื่อเซียวซู่ได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่ “ในลิฟต์?ผู้ช่วย เสิ่นเฉียวทำไมคุณไม่พาคุณชายเย่ออกมาล่ะ? คุณ…… คุณชายเย่??”
เซียวซู่ยังไม่ทันจะต่อว่าเสิ่นเฉียว เขาก็ถลึงตามองที่ด้านหลังของ เสิ่นเฉียว
ในเวลาเดียวกัน เสิ่นเฉียว รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่อยู่ข้างหลังของเธอ ไม่ต้องคิดก็รู้เลยว่าดวงตาที่เยือกเย็นของเย่โม่เซินกำลังจ้องมองเธออยู่
เธอเกร็งเล็กน้อยและก้าวออกไป
“ถ้ากล้าก้าวต่อไปอีกก้าวเดียว คุณตายแน่”
สุดท้ายแล้ว เธอยังไม่ทันได้ก้าวออกไป เสียงเย็นชาของเย่โม่เซินเหมือนเสียงดังจากนรกเรียกเธอดังขึ้นมาก่อน ทำให้เสิ่นเฉียวยืนอยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับเขยื้อน
เซียวซู่กลอกตาไปมา เขารีบถอนตัวออกจากวงพายุอย่างรวดเร็วและยืนอยู่ข้างถนนมองดูจากที่ไกลๆ
เสิ่นเฉียว รู้สึกหงุดหงิดที่ได้เห็นฉากนี้
รู้สึกว่าบรรยากาศเย็นบนร่างของ เย่โม่เซินยิ่งใกล้เข้ามาเสิ่นเฉียว รู้สึกกังวลจับมือทั้งสองข้างแน่นเข้าด้วยกันและหันกลับมาทันที
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นกับคุณ แต่คุณก็พูดเกินไป……” คำที่ยังไม่ได้พูดออกมา เข่าของเสิ่นเฉียวก็กระแทกกับรถเข็น สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะความเจ็บปวด เมื่อขาอ่อนลง เธอก็โผเข้าไปในอ้อมแขนของเย่โม่เซิน
อุบัติเหตุครั้งนี้เย่โม่เซินไม่คาดคิดมาก่อน เดิมทีใบหน้าเย็นชาของเขาเห็นเสิ่นเฉียวจู่ๆก็โผเข้ามา มือของเขาก็ยื่นออกไปรับเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
เซียวซู่ที่อยู่ด้านข้างตกใจมากจนอ้าปากค้าง
ไม่รู้จริง ๆ ว่า เสิ่นเฉียว โง่หรือไร้เดียงสาทำไมเธอถึงล้มลงในเวลานี้?
เสิ่นเฉียว คว้าเข้าไปในอ้อมแขนของ เย่โม่เซิน สมองของเธอรู้สึกโง่เขลา เธอรู้สึกว่ามือใหญ่ของ เย่โม่เซิน จับอยู่ที่เอวของเธอ ความร้อนของฝ่ามือของเขาผ่านเสื้อผ้าที่บางๆขึ้นมา
“นี่รีบที่จะโยนตัวเองเข้าไปในโอ้มแขนเพื่อแสดงการขอโทษเหรอ?”
เสียงลึกดังขึ้นเหนือศีรษะเธอ
เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากสีแดงถูผ่านคางของเย่โม่เซิน
เขามีใบหน้าที่เคร่งเครียด หมึกในดวงตาค่อยๆจับตัวเป็นก้อน หน้าเสิ่นเฉียวกลายเป็นสีขาวซีด
เธอพยายามผลักเขาออกไปแต่มือของเธอไม่ได้มีแรงมากพอ เธอกังวลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้าจะเกิดขึ้นอีก
ดังนั้นเธอได้แค่พูดอย่างกระวนกระวาย “ฉันไม่ได้ตั้งใจ ……”
“คุณ …… คุณปล่อยให้ฉันลุกขึ้น!”เสิ่นเฉียว ขอโทษเขาเสร็จแล้ว ก็ขอร้องเบาๆ อีกครั้ง
ดวงตาของ เย่โม่เซิน ยึดเธอเอาไว้เหมือนหมาป่าแล้วก็จ้องริมฝีปากสีแดงของเธอ
“ไม่ได้ตั้งใจเหรอ? มีอะไรที่จะบังเอิญขนาดนี้? ถ้าคุณต้องการจะแสดงให้ผมสับสนผมก็พูดตรงๆมาดีกว่าว่า ผมสามารถทำสิ่งที่คุณปรารถนาได้
มือของเขาที่บีบรอบเอวของเธอค่อยๆกระชับขึ้น
อุณหภูมิของร่างกายค่อยๆก็เพิ่มขึ้น
ใบหน้าของเสิ่นเฉียวที่ซีดตอนนี้ก็แดงขึ้นมา เธอกัดริมฝีปากล่างของเธอ
คล้ายจะรู้สึกได้ถึงสายตาแปลกๆจากฝูงชนรอบๆตัว เธอผลักเย่โม่เซินด้วยความกลัว “นี่ นี่อยู่ข้างนอกนะ คุณอย่าทำแบบนี้ รีบปล่อยฉันเร็วๆ!”
เสียงของเธอสั่นคลอน ดวงตาที่เย็นชาของเธอจับจ้องมองไปรอบๆ เหมือนทะเลสาบที่สงบนิ่งในทันใดก็เดือดพล่านขึ้นมา น้ำหยดก็ไหลผ่านไปมาด้วยความตื่นตระหนก ยิ่งเป็นแบบนี้ ยิ่งทำให้อยากจะคว้ามา
เย่โม่เซิน ยกริมฝีปากของเขาขึ้น มือใหญ่ของเขาขยับไปตามรอบเอวของเธอและทันใดนั้นก็ขยับไปสัมผัสที่กระดูกสันหลังของเธอ ถึงได้พบว่าผู้หญิงนี้ผอมเกินไป
เสิ่นเฉียวที่เมื่อครู่เธอยังยืนโค้งอยู่ ถูกเขาประชิดแบบนี้ ทั้งตัวเธอนอนอยู่บนตัวเขา
เสิ่นเฉียว “……”
เซียวซู่ที่อยู่ข้างๆ “……”
ที่หมอบลง เพราะไม่มีตาไปมองอะไรแล้ว
คุณชายเย่ ถ้าคุณต้องการที่จะหยอกล้อผู้ช่วยเสิ่นคุณต้องดูกาลเทศะด้วย?
แต่ว่า คำพูดเหล่านี้เขาเพียงแค่กล้าที่จะตะโกนในใจของเขาเท่านั้น
“คุณจะทำอะไรกันแน่!” เสิ่นเฉียวโกรธมากเธอเอื้อมไปทุบกำปั้นลงบนหน้าอกของเย่โม่เซิน
เย่โม่เซินที่สีหน้าไร้อารมณ์ดึงข้อมือของเธอไว้
“สำหรับผู้หญิงแบบนี้ที่คิดจะยั่วยวนผมได้ทุกที่ทุกเวลาแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการมากที่สุดหรอกเหรอ?”