บทที่718 เธอท้อง
สีหน้าเดิมทีที่ร่าเริงสดใสของเขาเมื่อพูดถึงชายหาดนั้นก็เคร่งขรึมลง ขมวดคิ้วพูดกับหานมู่จื่อ
น่านน้ำทะเลแถวนั้นอันตรายมาก ปกติคนที่นี่อย่างพวกเราจะไม่ไปที่นั่น ไม่ต้องพูดถึงกระแสน้ำที่มันรุนแรงหรอก น้ำมันก็ค่อนข้างลึก ถ้าหากตกลงไป น้ำก็ไม่อาจจะพัดพากลับมาได้”
หานมู่จื่อ:“……”
เธอกัดริมฝีปากแน่นจนกลายเป็นสีม่วง ยกมือขึ้นกอดเข่าตัวเองตัวสั่นเทา ถามอย่างพึมพำ: “คุณลุงคะ ถ้าอย่างนั้น….ถ้าฝนตกแล้ว บริเวณนั้นจะเป็นยังไง? ไม่ใช่ว่าอันตรายมากขึ้นไปอีกหรอกเหรอ? ”
คุณลุงพยักหน้า: “ก็ต้องเป็นแบบนั้นหน่ะสิ”
พูดจบ คุณลุงก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงถาม “ดึกป่านนี้แล้ว เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวทำไมถึงอยู่ที่นี่? แล้วเธอคิดจะไปทำอะไรที่นั่น? ”
คุณลุงเพิ่งได้สติ จึงมองใบหน้าขาวซีดของหานมู่จื่อจากกระจกหลัง ใบหน้าไร้สีเลือด ราวกับถูกแช่แข็ง
เขาสำลักหน่อยก่อนจะพูด “ฉันว่าเธอคงไม่อยากไปที่นั่นหรอกไหม? ให้ฉันไปส่งเธอที่โรงแรมใกล้ๆ ดีกว่า สภาพเธอตอนนี้ ถ้าเจอความหนาวเย็นอีกหน่อยจะไม่ไหวเอานะ”
หานมู่จื่อกลับส่ายหน้า ยืนหยัดพูด: “ไม่ ฉันจะไปที่นั่น”
คุณลุง: “……”
เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้นะ? คุณลุงหันหน้ามาสังเกตมองอยู่ครู่ ก็พบว่าเธอดูเหมือนจะไม่ปกติ อีกทั้งไม่บอกให้ชัดว่าจะไปที่ไหน ทั้งเธอยังอยู่ในชุดนอนราวกับวิ่งหนีออกมาในตอนกลางคืน
เมื่อคิดๆ ดูแล้ว คุณลุงจึงกระแอมขึ้น” “โอเค ลูกค้าคือพระเจ้า สิ่งที่เธอปรารถนาฉันจะทำให้สมใจ”
“ขอบคุณค่ะ”
พูดกล่าวขอบคุณแล้ว หานมู่จื่อก็ก้มหน้าลง เปลือกตาหลับลงอย่างรั้งไว้ไม่ได้ เธอเหนื่อยมากจริงๆ และไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับการที่ตัวเปียกฝนด้วยหรือเปล่า เธอถึงได้รู้สึกเปลือกตามันหนักอึ้งมาก อีกทั้งภาพตรงหน้าก็ดูเลือนรางลง
ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไหร่ หานมู่จื่อรู้สึกว่าตัวเธอนั้นนั่งอยู่บนรถนานมากๆ จากนั้นรถก็จอดลง
พอรถจอดลง หานมู่จื่อก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่กระจก
สายตายังพร่าเลือน หานมู่จื่อมองเห็นไฟส่องสว่างตรงหน้า เธอจึงอ้าปากถาม: “คุณลุงถึงแล้วเหรอคะ? ”
คุณลุงด้านหน้าผงะเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายขึ้น “ยังๆ ฉันมีธุระตรงนี้นิดหน่อย ที่ที่เธออยากไปอยู่ตรงหน้านี่แหละ สักสิบนาทีก็ถึง ฉันขอลงไปซื้อของสักครู่ รอฉันแป๊บนึงนะ”
“ได้ค่ะ ได้”
เธอทำได้เพียงรับคำคุณลุงก่อนจะมองคุณลุงลงจากรถไป เมื่อมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างเสร็จแล้ว เธอก็กลับมากอดเข่าตัวเองตามเดิม
เวียนหัวชะมัด ไม่รู้ว่าตอนนี้เย่โม่เซินเป็นยังไงบ้าง จะเจ็บปวดใจแบบเธอบ้างหรือเปล่านะ?
ถ้าเป็นไปได้ เธออยากจะไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาจริงๆ
น่าเสียดายที่ไม่รู้ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
เมื่อฟุบหน้าลง หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าเธอนั้นรอนานมากแล้ว จึงหันกลับไปมองดูที่นอกหน้าต่างอีกครั้ง ก็แปลกใจที่เห็นคุณลุงกำลังยืนคุยกับใครอยู่ไม่ไกลนัก
แล้วคนที่ยืนอยู่นั่นก็เป็นชายสองคนที่ดูเหมือนจะใส่ชุดเครื่องแบบตำรวจ
ตำรวจอย่างนั้นเหรอ?
หานมู่จื่อคิดว่าตัวเองมองผิดไป ตอนนี้สายตาของเธอมันพร่าเลือนมากแต่ว่า….ก็ไม่น่าจะผิดพลาดไปมากหรอกจริงไหม?
หานมู่จื่อยกมือขึ้นขยี้ตา ใช้สองมือถูกระจกตั้งใจมองดีๆ
มองผ่านม่านฝนไป ในที่สุดหานมู่จื่อก็เห็นชัดเจน
ที่เห็นเมื่อครู่นี้ เธอไม่ได้ตาฝาดไป คุณลุงขับรถกำลังคุยอยู่กับตำรวจสองคน อีกทั้งด้านหลังของเขา…
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้น ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนไป
ที่นี่คือ….สถานีตำรวจ!
คุณลุงพาเธอมาที่สถานีตำรวจ เพื่ออะไรกันนะ? เขาไม่ได้บอกว่าจะลงไปซื้อของหรอกเหรอ หรือว่า
……
เมื่อคิดถึงสภาพของตัวเอง เธอก็ตกใจ ถ้าหากเธอเข้าสถานีตำรวจไปตอนนี้ เธอก็ไม่อาจจะตามหาเย่โม่เซินได้สิ
ไม่ได้ เธอจะเข้าไปไม่ได้!
หานมู่จื่อเก็บมือของเธอ มองหาไปรอบด้าน อาการง่วงงัวเงียที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เมื่อเจอเหตุการณ์น่าตกใจแบบนี้ขึ้นก็พลันหายไปโดยพลัน
เธอกระเถิบตัวถอยหลังจนไปชนกับกระจกอีกข้าง โดยไม่ต้องใช้ความคิดให้มากความ หานมู่จื่อก็เปิดประตู ร่างน้อยสะดุดลงจากรถไป
ประตูรถยังไม่ทันจะปิดดี หานมู่จื่อก็พาขาสองข้างวิ่งไปอีกทาง
ในเวลาเดียวกันนั้น คุณลุงแท็กซี่ก็พาตำรวจสองนายเข้ามาพอดีได้เห็นฉากตรงหน้า ก็ร้องดังขึ้น
“สาวน้อย อย่าวิ่ง! ”
เมื่อได้ยินเสียงคุณลุงตะโกน หานมู่จื่อก็ยิ่งตกใจ เพิ่มความไวของฝีเท้า วิ่งตรงฝ่าฝนออกไป
“อย่าวิ่ง!
“หยุดอยู่ตรงนั้น! ”
แล้วก็ไม่รู้ว่าเสียงใครอีก ที่พยายามเรียกหยุดเธอ หานมู่จื่อถูกทำให้ตกใจแบบนี้ จะกล้าหยุดได้ยังไง ทำได้เพียงวิ่งออกไปด้านหน้าไม่หยุด
สำหรับวิธีที่จะไปชายหาดนั้น ไว้ออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนค่อยว่ากันอีกที
เสียงเรียกด้านหลังยิ่งไกลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหายไป หานมู่จื่อทั้งเหนื่อยจะไม่ไหว เมื่อเห็นด้านหน้าเป็นที่ที่หลบฝนได้ จึงวิ่งเข้าไป จากนั้นก็คุกเข่าลง
ดึกดื่นมืดค่ำขนาดนี้ เธอนั่งคุกเข่าลงอยู่ที่บังฝนได้ ฝนอันเหน็บหนาวกระหน่ำตกจนฟ้าเขียว กระหน่ำชำระล้างพื้นดิน
รอบด้านเงียบเชียบ ได้ยินเพียงแค่เสียงเม็ดฝน
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้น มองสภาพตัวเองก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ดูเหมือนจะเป็นเวลานานมากแล้วที่เธอไม่ได้มาอยู่ในสภาพน่าอเนจอนาถแบบนี้ เธอแทบจะจำครั้งก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้ว
เพียงแต่ไม่คิดเลยว่า ตอนเช้าเธอยังใส่ชุดเจ้าสาวอยู่เลย ตอนนี้กลับมาอยู่ในสภาพแบบนี้ได้
เย่โม่เซิน นายไปอยู่ที่ไหน?
นั่งคุกเข่าอยู่สักพัก หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าตัวเธอนั้นลุกไม่ขึ้นทั้งภาพตรงหน้าก็เลือนราง เธอรู้สึกได้เลยว่าสติของเธอค่อยๆ พร่าเลือนไปเรื่อยๆ ……
จากนั้นก็ไร้ซึ่งความรู้สึกไป
*
“คุณหมอว่ายังไง? ”
เมื่อซูจิ่วออกมาจากห้องคนไข้แล้ว หานชิงก็ถามขึ้น ซูจิ่วถามหายใจก่อนจะส่ายหน้า “อาการไม่ค่อยดี สภาพจิตใจเธอไม่ค่อยดีทั้งยังตัวเปียกน้ำเป็นเวลานาน ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะฟื้น”
หานชิงกัดริมฝีปากแน่น สายตาถูกปกคลุมด้วยความดุดัน มองดูเหนื่อยหน่าย
“อ้อจริงด้วย ประธานหาน ฉันมีเรื่องต้องแจ้งให้คุณทราบ” จู่ๆ ซูจิ่วก็พูดขึ้น
เมื่อได้ยิน หานชิงก็ผงะไป หรี่ตามองเธอ “เรื่องอะไร? ”
ซูจิ่วหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดออกมาค่อยๆ “คุณหมอบอกว่า คุณมู่จื่อ เธอท้องค่ะ”
วินาทีต่อมา ร่างของชายหนุ่มก็แทบจะล้มไปด้านหน้า ซูจิ่วสีหน้าเปลี่ยนรีบตรงเข้าไปจับ :“ประธานหาน?”
ใบหน้าของหานชิงดูน่ากลัวมาก ริมฝีปากจิบไว้เป็นเส้นตรง สายตาไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่นิด ซูจิ่วอยู่กับเขามาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นแบบนี้
เธอเป็นห่วงมากจึงถามขึ้น: “เป็นอะไรไปคะ? ”
ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้? หานชิงขมวดคิ้วขึ้นมา ไม่คิดเลยว่ามู่จื่อจะมาท้องเอาเวลาแบบนี้…..
เอาจริงแล้วตอนนี้ เย่โม่เซินอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
แล้วแบบนี้ จะทำยังไงดี?