บทที่ 721 นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด ที่คุณจะกลับไปตระกูลเย่
เมิ่งเส่โยว ยังรู้สึกว่า ตัวเองเท่านั้น เป็นคนที่เหมาะสมกับเย่โม่เซินมากที่สุด ตระกูลเย่มีธุรกิจใหญ่โต และตอนนั้นเธอเคยใช้ฐานะของตัวเองตรวจสอบแล้ว รู้ว่าของเย่โมเซินกับเย่หลิ่นหานทั้งสองพี่น้องมีความสัมพันธ์ที่แย่มาก และยังได้รู้บางเรื่องที่เกี่ยวกับตระกูลเย่ ที่ไม่มีใครรู้อีกด้วย
ดังนั้น เธอจึงรู้สึกว่า ตัวเองเหมาะกับเย่โม่เซินมากกว่า
เลยทำให้ตอนที่แผนการของตัวเอง โดยเย่โม่เซินจับได้ เธอกอดแขนของเขาไว้โดยตรง แล้วพูดว่า “เมื่อเทียบกับเสิ่นเฉียวแล้ว ฉันเหมาะกับคุณมากกว่า คุณกลับมาที่ตระกูลเย่ เพื่อทวงอำนาจคืนไม่ใช่หรือ? ฉันทำได้! เพียงแค่คุณคบกับฉัน ฉันกับทั้งตระกูลหาน จะช่วยคุณอย่างเต็มที่ ถึงเวลานั้น ตระกูลเย่ก็เป็นสมบัติในกระเป๋าคุณ เย่หลิ่นหานนั่น ฉันก็สามารถช่วยคุณกำจัดออกไปได้!”
เธอรู้สึกว่า สำหรับผู้ชายแล้ว อำนาจและการงานสำคัญมากกว่า
เมื่อเทียบกับผู้หญิงอย่างเสิ่นเฉียว ที่ตั้งท้องลูกของคนอื่นแบบนั้น เย่โม่เซินจะต้องเลือกเธอโดยไม่ลังเลแน่นอน!
แต่เธอคิดผิดแล้ว หลังจากที่เธอพูดอย่างนี้แล้ว เย่โม่เซินกลับยิ้มเยาะแล้วผลักเธอออกไป เธอก้าวถอยหลังแล้วล้มกองอยู่บนพื้นเย็น มองเขาอย่างเหลือเชื่อ
“คุณไม่ยอม? เพราะอะไร?? หรือคุณไม่ต้องการที่จะจับทุกอย่างของตระกูลเย่อยู่ในกำมือเหรอ? คุณไม่อยากจะแก้แค้นหรือ?”
แววตาที่เย่โม่เซินมองเธอ ราวกับมองคนตาย โดยไม่มีความอบอุ่นความรู้สึกใดๆเลย
“เหอะ คุณประเมินตัวเองสูงเกินไป หรือดูถูกฉัน? ตระกูลเย่ฉันจะต้องได้มาแน่นอน แต่ฉัน เย่โม่เซิน รังเกียจความช่วยเหลือของผู้หญิง แค่อำนาจตระกูลหานอันน้อยนิดของคุณ ฉันไม่เห็นมันอยู่ในสายตาเลยจริงๆ”
จองหอง!
จองหองยิ่งนัก!
ในเวลานั้นความคิดของหานเส่โยวก็เป็นเช่นนี้แล้ว เย่โม่เซินไม่แยแสในความช่วยเหลือของเธอเลย รู้ว่าตัวเองโดนปฏิเสธแล้ว แต่หานเส่โยวก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะคลั่งไคล้ผู้ชายคนนี้
เย็นชา แน่วแน่ เด็ดขาด
แม้จะรู้ว่าเขาไม่สนใจตัวเองเลยสักนิด แต่เธอก็ยังคงรักเขาอย่างบ้าคลั่ง
ดังนั้นเธอจึงดูแลเอาใจใส่สารพัด ไม่ว่าอีกฝ่ายจะปฏิบัติกับตัวเองอย่างไร
แต่ตอนที่เธอยังไม่ได้แสดงความสามารถอะไร ตัวตนของเธอในฐานะคุณหนูแห่งตระกูลหาน ก็ถูกจับได้แล้ว
ไม่นาน เธอก็ถูกขับออกจากตระกูลหาน สูญเสียฐานะคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหาน เร่ร่อนไปตามท้องถนน
เพราะตัวเธอสวมรอย หานชิงบอกว่า เห็นแก่ความสัมพันธ์ของเธอกับเสิ่นเฉียวในเมื่อก่อน จะไม่ส่งเธอไปที่สถานีตำรวจ แต่ทุกอย่างที่ตระกูลหานให้เธอ เธอห้ามเอาไปสักชิ้น
เมิ่งเส่โยว สูญเสียทุกอย่าง เร่ร่อนไปตามท้องถนน ไม่มีที่ไป สุดท้าย…… ก็ต้องกลับไปที่บ้านของพ่อผีพนันเท่านั้น
ตามที่คาด เพิ่งเข้าไปก็โดนตบตีทันที เธอถูกตบตีจนเลือดอาบหน้า ยังไม่มีเงินไปรักษาที่โรงพยาบาล
ต่อมา…..เมิ่งเส่โยวไม่กล้าอยู่ที่บ้านอีก ไม่มีที่ไป จึงต้องออกไปหางานทำ เพราะเคยชินกับการเป็นคุณหนูแห่งตระกูลหาน เธอพบว่างานหลายอย่างทำไม่เป็นแล้ว อีกอย่าง ไม่ใช่รังเกียจว่าสกปรก ก็รังเกียจว่าเหนื่อยเกินไป ดังนั้นจึงถูกไล่ออกด้วยสาเหตุต่างๆ หรือก็คือตัวเองที่ทำได้ไม่ถึงครึ่งวัน ก็ไม่ทำเสียเลย
หลังจากนั้น เธอหาเงินไม่ได้สักบาท ยังโดนเจ้าหนี้ของพ่อมาทวงถึงบ้าน แล้วถูกลากเข้าไปในบาร์……
อดีตไม่อาจรำลึกถึงได้ รำลึกช่วงเวลานั้น เมิ่งเส่โยวเหมือนตายทั้งเป็นจริงๆ
เธอรู้สึกว่า ตัวเองตกจากฟ้าร่วงหล่นสู่เหวในชั่วข้ามคืน ก็เพราะเสิ่นเฉียว
เธอต้องอิจฉาที่ตัวเองแย่งเย่โม่เซินไปแน่ๆ เลยแก้แค้นเธอ แย่งฐานะของเธอ หลังจากนั้นทำให้เธอ……ถูกกระทำแต่ละอย่าง……
ทุกครั้งที่นึกถึง เต็มไปด้วยน้ำตาทรมาน
ตอนนี้ได้เห็นเธอสูญเสียเย่โม่เซิน เมิ่งเส่โยว สาแก่ใจยิ่งนัก นี่ก็คือจุดจบที่เธอทำร้ายตัวเอง
แต่น่าเสียดาย เย่โม่เซิน……
เมิ่งเส่โยว ลูบไล้ไปตามคิ้วที่มุ่งมั่นหล่อเหลาของชายหนุ่มในภาพถ่าย หัวเราะเสียงเบา
“ถ้าคนข้างๆของคุณคือฉันในตอนแรก มันจะดีมากแค่ไหน วันนี้ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว”
ส่วนอีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่เย่หลิ่นหานได้รู้ข่าวนี้ เขาที่จับปากกาเซ็นชื่ออยู่ บีบนิ้วแน่ขึ้นในทันที
“คุณพูดว่าอะไรนะ? เย่โม่เซินเกิดเรื่องแล้ว?”
ผู้ที่มาพยักหน้าเบาๆ สีหน้าเจ้าเล่ห์ “คุณชายหาน ฉันให้คนไปสืบมาแล้ว ได้ยินมาว่า ทะเลบริเวณที่คุณชายเย่เกิดอุบัติเหตุนั้น อันตรายยิ่งนัก จนถึงขณะนี้ ยังหาตัวไม่พบ นอกจากในวันแรกที่สามารถช่วยผู้รอดชีวิตขึ้นมาได้ ภายในคืนนั้น ก็มีพายุฝนขณะใหญ่ ผู้คนที่ค้นพบในวันรุ่งขึ้น ก็สิ้นลมหายใจหมดแล้ว ฉันคิดว่า คุณชายเย่ก็น่าจะ……”
ยังพูดไม่จบ เย่หลิ่นหานก็ลุกขึ้นในทันใด คว้าคอเสื้อของเขาอย่างร้อนรน
“มู่จื่อล่ะ? เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
คนที่โดนจับคอเสื้อสะดุ้งตกใจ “หาน คุณชายหาน……”
“พูดสิ เย่โม่เซินประสบอุบัติเหตุ แล้วมู่จื่อล่ะ? เธอกับเขาอยู่บนเครื่องบินลำเดียวกันหรือเปล่า? ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง?”
บัดซบ!
สีหน้าของเย่หลิ่นหานกลายเป็นน่ากลัวอย่างยิ่ง ในเสี้ยววินาทีนั้น ทั้งคนดูเหมือนว่าออกมาจากใต้โคลนที่เยือกเย็น ทั้งร่างกระจายไอสังหารที่สยดสยอง ราวกับว่าออกมาจากนรก
“หานๆๆ คุณชายหาน……ใจเย็นๆ !!! คุณทำแบบนี้ ฉันๆ ฉันหายใจไม่ออกแล้ว”
“พูด!”
“คุณหานไม่เป็นไร!!” ชายคนนั้นถูกบีบคอจนกลอกตาแล้ว ในเวลาคับขัน พูดได้เพียง ประโยคที่สำคัญเท่านั้น
ตามที่คาด ตอนทีเย่หลิ่นหานได้ยินเขาพูดว่าหานมู่จื่อไม่เป็นไร สายตาขยับเล็กน้อย มือที่ดึงคอเสื้อของเขาไว้ ก็คลายออกเล็กน้อย
“เธอไม่เป็นไร?”
“ใช่ๆ ไม่ใช่ไฟลท์บินเดียวกัน”
เย่หลิ่นหานถอนหายใจด้วยความโล่งอก จึงได้ปล่อยมือออก คนนั้นก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ถึงได้ยืนตั้งหลักได้ พร้อมกับพูดหอบว่า “คุณชายหาน ไม่ต้องกังวล มีเพียงคุณชายเย่เท่านั้น ที่ได้ขึ้นไฟลท์บินนั้น ตอนนี้คิดว่าน่ะจะตายไปแล้ว”
ตายแล้วเหรอ?
การตายของเย่โม่เซิน สำหรับเย่หลิ่นหาน ไม่ได้พิเศษอะไร เพียงแค่มู่จื่อไม่เป็นไร อย่างอื่น…… ก็ไม่ได้สำคัญมาก
“คุณชายหาน เพียงแค่เย่โม่เซินตาย ถ้าอย่างนั้น บริษัทตระกูลเย่ก็จะไม่ใช่บริษัทตระกูลเย่ในเมื่อก่อนอีกต่อไป พวกตาแก่ในคณะกรรมการ ไม่มีผู้นำ ก็จะต้องกลับมาหาคุณชายหานอย่างแน่นอน”
เย่หลิ่นหานกลับเม้มริมฝีปากบางไว้ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรหาหานมู่จื่อ
แม้ว่าข่าวที่ได้รับ คือเธอไม่เป็นไร แต่ข่าวนี้จะต้องไปถึงหูของเธอแน่นอน ถ้าเธอรู้ว่าเย่โม่เซินเกิดอุบัติเหตุแล้ว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่า เธอจะทำเรื่องอะไรที่รุนแรงออกมา
ตอนนี้เย่หลิ่นหานเป็นห่วงเธอยิ่งนัก
โทรหาเธอ ในโทรศัพท์กลับส่งข้อความมาว่า อีกฝ่ายปิดเครื่อง
“ทำไมถึงปิดล่ะ?” เย่หลิ่นหานขมวดคิ้วไว้ เมื่อทบทวนอีกครั้ง คนตรงหน้าก็ขยับเข้ามา “คุณชายหาน สิ่งที่ฉันพูดในเมื่อกี้ คุณกำลังฟังอยู่หรือเปล่า?”
เมื่อได้ยิน เย่หลิ่นหานก็ขมวดคิ้วและเงยหน้าขึ้น มองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจ
“เอ่อ…… คุณชายหาน ความหมายของฉันคือ …… เพียงแค่คุณชายเย่ตาย นี่ก็คือเวลาที่ดีที่สุดที่คุณจะกลับไปที่บริษัทตระกูลเย่”
“ไม่รีบ” เย่หลิ่นหานกลับพูดอย่างเรียบเฉย
ตอนนี้สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด คือความปลอดภัยของหานมู่จื่อ
แต่โทรศัพท์มือถือของเธอ ติดต่อไม่ได้เลย เย่หลิ่นหานพูดได้แค่ว่า “คุณส่งคนไปตรวจสอบทันที มู่จื่อเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลังจากที่เย่โม่เซินเกิดเรื่อง เธอไปไหน ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
“คุณชายหาน??”
อีกฝ่ายตกตะลึงจนเบิกตากว้าง “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาในการทำเรื่องเหล่านี้นะ? ถ้าในตอนนี้ คุณไม่ถือโอกาสกลับไปที่บริษัทตระกูลเย่ นั้นต่อไป……”
“ฉันให้นายทำอะไร นายก็ทำอะไร” ประโยคนี้ เสมือนเย่หลิ่นหาน พูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน