บทที่ 722 ฟ้ามีตา
กลิ่นอายบนตัวเขา น่าหวาดกลัวยิ่งนัก ลูกน้องไม่กล้าปฏิเสธเลย ทำได้เพียงพยักหน้าอย่างนิ่งอึ้ง
“ครับ งั้นผม…… ไปตรวจสอบเรื่องนี้ทันที แต่ว่า …… ทางบริษัทตระกูลเย่……”
แววตาของเย่หลิ่นหาน กลายเป็นเยือกเย็นในทันที “ถ้าเขาตายแล้วจริงๆ ฉันอยากจะได้บริษัทตระกูลเย่ ก็แค่เป็นเรื่องที่ปอกกล้วยเข้าปากไม่ใช่หรอก ยังจะกังวลว่าสายไปแค่ไม่กี่วันหรือ?”
ก็พูดถูก ถ้าเย่โม่เซินแม้แต่ชีวิตก็สูญเสียไปแล้ว แล้วต่อไปนี้ เขาจะใช้อะไรมาสู้กับเย่หลิ่นหาน? นับประสาอะไรกับบริษัท ถึงเวลานั้น คิดว่าแม้แต่ภรรยาและลูก ก็ยังคงไม่สามารถรักษาไว้ได้
“คุณชายหานพูดถูก เพียงแค่เขาตาย งั้นบริษัทตระกูลเย่ก็เป็นสมบัติในกระเป๋าคุณ ไม่ขาดแคลนไม่กี่วันนี้หรอก”
แววตาของเย่หลิ่นหานเคร่งขรึม “ยังไม่รีบไปทำ?”
“ครับๆ ผมไปตรวจสอบทันที”
หลังจากคนออกไป เย่หลิ่นหานจ้องมองสัญญาที่กำลังจะลงมือเซ็นในเมื่อกี้ ดวงตาที่แหลมคม หรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้น เขาก็หยิบสัญญาขึ้นมา หลังจากมองอยู่สักพัก มุมปากก็ยกขึ้นกะทันหัน
“เย่โม่เซิน เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คือฟ้ามีตาหรือเปล่า?”
หลังจากนั้น เขาก็ฉีกสัญญาออกเป็นสองชิ้นทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
ในวันแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ เขาเสียชีวิตไว้ในนรก นี่เป็นข่าวดีที่ยิ่งใหญ่จริงๆ
แต่ว่า…… เย่หลิ่นหานนึกถึงหานมู่จื่อ ก็ขมวดคิ้วขึ้น
ก็ไม่รู้ว่า ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง? เสียใจมากหรือเปล่า?
*
สองสามวันนี้ หานมู่จื่ออยู่ในโรงพยาบาลตลอดเวลา เพื่อพักฟื้นร่างกายวันนั้นหลังจากที่ตากฝน แม้ว่าเธอจะตื่นแล้ว แต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย แต่กลับมีไข้สูงขึ้น
ในช่วงแรกแม้ว่าจะมีไข้ แต่ก็ยังคงมีสติอยู่ อุณหภูมิเดี๋ยวสูงเดี๋ยวต่ำ
ถึงตอนกลางคืน ไข้ก็เริ่มขึ้นสูงไม่ลดลงแล้ว จากนั้นหานมู่จื่อแม้แต่สติก็สับสนแล้ว เริ่มตกอยู่ในอาการหมดสติ แต่ก่อนที่จะหมดสติ เธอได้จับมือของหานชิงไว้แน่น พึมพำคำพูดในปาก
“โม่เซิน จะต้อง……หาเขาให้เจอ เขาจะไม่เป็นอะไร……โม่เซิน……”
พูดพึมพำไปมา หมุนวนอยู่ที่เย่โม่เซินทั้งนั้น หานชิงชายตัวใหญ่ ยังรู้สึกว่า มือเขาถูกจับจนรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
ตอนที่หมอกำลังรักษาหานมู่จื่อ ได้เห็นรอยจิกบนมือของหานชิง อุทานด้วยความประหลาดใจ
“ยัยหนูคนนี้ ทั้งๆที่หมดสติไปแล้ว ทำไมยังมีแรงขนาดนี้?”
หานชิงมองมือของตัวเองแล้วยิ้มเยาะ ใช่สินะ เพื่อเย่โม่เซินแล้ว เธอแม้แต่ชีวิตก็ไม่เอาแล้ว
“คุณหมอ อาการของน้องสาวฉันเป็นยังไงบ้าง?”
หมอถอนหายใจ ดันแว่นตาบนใบหน้าตัวเองให้ตรง แล้วอธิบายเสียงเบา “พูดตามความจริง อาการของน้องสาวคุณในตอนนี้แย่มากเลย ถ้าไข้ยังคงสูงแล้วไม่ลดเลยเช่นนี้ เป็นสิ่งที่อันตรายมาก อีกอย่างคุณก็รู้ว่า เธอได้ตั้งครรภ์แล้ว โรงพยาบาลของเราจะใช้ยา ก็ต้องระวังเป็นอย่างมาก ดังนั้น……ฉันแนะนำให้คุณ ก่อนที่ไข้ของเธอจะลดลง ลดไข้ให้เธอโดยการให้ความเย็นภายนอกก่อน เรื่องอื่นรอหลังจากไข้ลดแล้ว ค่อยว่ากัน”
การให้ความเย็นภายนอก?
หานชิงเม้มริมฝีปากบาง แม้ว่าสภาพร่างกายในตอนนี้ของหานมู่จื่อ แค่เหมาะกับวิธีนี้เท่านั้น แต่เขาก็ยังคงรู้สึกว่าอันตรายเล็กน้อย เพราะร่างกายของหานมู่จื่อในตอนนี้ อ่อนแอมาก
แต่ ดูเหมือนว่านอกจากนี้ ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
เมื่อนึกถึงอย่างนี้ หานชิงก็ได้เพียงพยักหน้าเบาๆ
ซูจิ่วพูดอยู่ข้างๆ “เรื่องนี้ฉันชำนาญ ตอนที่ลูกฉันมีไข้ ไม่กล้าใช้ยา ฉันก็ใช้วิธีนี้ ในการลดไข้สูงของเขา ประธานหาน คุณเฝ้าดูแลคุณมู่จื่อมาสักพักแล้ว จากนี้ไปคุณไปพักผ่อนเถอะ ฝากไว้ให้ฉันก็พอ”
หมอข้างๆก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ครับ คนที่รู้เรื่อง ก็จะรู้วิธีดูแลที่ดีกว่า”
“ใช่เลย ประธานหาน คุณรีบไปพักผ่อนเถอะ” ซูจิ่วโน้มน้าว
หานชิงเม้มริมฝีปาก เหลือบมองไปที่หานมู่จื่อที่กำลังหลับอยู่อย่างกังวล จากนั้นก็พยักหน้าเงียบๆ ตอนที่ลุกขึ้น หานมู่จื่อยังคงจับมือเขาไว้แน่น
ซูจิ่วเห็นเข้า ก็เดินเข้าไปช่วยเหลือ
ในที่สุด มือของหานชิงก็ได้รับการปลดปล่อย แทนที่ด้วยมือของซูจิ่ว ที่โดนหานมู่จื่อจับไว้ ซูจิ่วยิ้มเล็กน้อย “ที่เหลือ ฝากให้ฉันเถอะ”
หานชิงเม้มริมฝีปากบางแล้วมองเธอ พยักหน้า “อืม ทำให้คุณลำบากแล้ว”
จากนั้นเขาก็หันออกจากห้องผู้ป่วย
ในช่วงหลายวันมานี้ สามารถเรียกได้ว่า เหนื่อยล้าทั้งใจและกาย สำหรับหานชิงแล้ว แม้ว่าเมื่อก่อนตอนที่เขาจะเพิ่งเจอกับน้องสาวคนนี้ไม่นาน บินไปมาระหว่างต่างประเทศและในประเทศ แล้วยังต้องทำงานต่ออีก ก็ไม่ได้ลำบากเหมือนตอนนี้
อย่างน้อยตอนนั้นคืออารมณ์ดี ทุกอย่างจึงมีความหมายไปหมด เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ
แต่ความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา กลับขมขื่นอย่างยิ่ง
แม้ว่าเย่โม่เซินยังไม่ได้กลายเป็นน้องเขยของเขาอย่างถูกต้อง แต่แค่คิดว่า ชายที่ปกครองทุกอย่างในตระกูลเย่แห่งเมืองเป่ย อาจจะหายไปจากโลกนี้จริงๆ ในใจก็ยังคงรู้สึกหดหู่ เสียใจยิ่งนัก
หานชิงขมวดคิ้วมุ่น ทันใดนั้นก็มีคนมารายงานกับเขา
“ประธานหาน ข้างนอกมีคนบอกว่ารู้จักคุณมู่จื่อ จะเข้ามาให้ได้”
รู้จักมู่จื่อ?
หานชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดว่า “พาฉันไปดูสิ”
หานชิงถูกคนพาไป ยังเดินไปไม่ถึง ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคย
“ฉันรู้จักมู่จื่อจริงๆ ฉันมาจากประเทศ X เพิ่งลงจอดวันนี้ ใช้เวลาเดินทางหลายวัน ถึงหาเจอโรงพยาบาลทางนี้ ฉันเป็นเพื่อนสนิทของเธอ เพราะงานแต่งงานของเธอเกิดปัญหาขึ้น ฉันจึงอยู่ต่อเพื่อจัดการกับเรื่องอื่นที่เหลือ พวกนายอย่าขวางฉัน ให้ฉันเข้าไป”
เสียงนี้……
ก้าวของหานชิงหยุดชะงัก นี่มันเสี่ยวเหยียนไม่ใช่เหรอ?
หลายวันมานี้ เกิดเรื่องขึ้นมากมาย เขาลืมเธอไปแล้ว
เมื่อนึกถึงอย่างนี้ หานชิงก็เร่งฝีเท้า ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอย่างรวดเร็ว
“ประธานหาน ผู้หญิงคนนี้บอกว่า……”
เมื่อได้เห็นหานชิง ดวงตาของเสี่ยวเหยียนเปล่งประกาย อยากจะเรียกเขาโดยสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอย่างไร คุณหานเธอก็ไม่อยากเรียก ดังนั้นเธอจึงกลืนคำเรียกขานกลับไป โบกมือให้เขาอย่างตื่นเต้น
“ให้เธอเข้ามา” สายตาของหานชิงจ้องมองไปที่เสี่ยวเหยียนอย่างเรียบเฉย เขาก็ต้องดูออกอยู่แล้วว่า หญิงสาวคนนี้ เดิมทีมีสีหน้าขมขื่น แต่หลังจากที่ได้เห็นตัวเอง แววตาก็ประกายขึ้นในทันที จากนั้นก็โบกมือให้เขาอย่างตื่นเต้น
ท่าทางแบบนี้…… อยู่ในสายตาของหานชิงแล้ว
ช่างเหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อย เมื่อได้เห็นเจ้าของ ก็กระดิกหางอย่างบ้าคลั่ง เพื่อแสดงความภักดี และความชื่นใจ
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนได้รับการปล่อยตัว ก็รีบวิ่งไปหาหานชิงอย่างรวดเร็ว
“หาน……” เธอหยุดไว้กะทันหัน แล้วถามว่า “มู่จื่อเธอเป็นยังไงบ้าง? คุณชายเย่หาเจอหรือยัง?”
เมื่อได้ยิน หานชิงขมวดคิ้วมุ่น ยื่นมือออกมานวดระหว่างคิ้วของตัวเอง ส่ายหัวเล็กน้อย
ใบหน้าของเสี่ยวเหยียนก็ทรุดลงในทันที “ไม่ หาไม่เจอ? แล้วมู่จื่อเธอ……”
“เธอมีไข้”
เขาค่อยๆพูดขึ้น น้ำเสียงมีความเหนื่อยล้าแหบแห้งเล็กน้อย “อาการไม่ค่อยดีนัก คนก็ยังหาไม่เจอ เรื่องทางประเทศ X จัดการเสร็จหมดแล้วเหรอ?”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างนิ่งอึ้ง “จัดการเสร็จหมดแล้ว แต่ว่า…… ทางสื่อฉันควบคุมไม่ไหว และตอนที่ฉันจะมาก็ได้ตรวจสอบแล้ว ข่าวถูกส่งกลับไปในประเทศแล้ว ตอนนี้คนเกือบทั้งหมดในเมืองเป่ย ก็รู้เรื่องนี้ หมดแล้ว”
แววตาของหานชิงลึกล้ำขึ้น สายตาก้มมอง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร