บทที่ 735 พวกเรามารอคุณพ่อไปด้วยกัน
คนรับใช้ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเธอมาถึงจึงต้องรีบลุกเพื่อไปทำความสะอาดห้องและจัดการเพื่อให้หานมู่จื่อและเสี่ยวหมี่โต้วได้เข้าพัก
กลุ่มของพวกเขาทั้งหมดรู้เรื่องเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และพวกเขาก็ยังเห็นสื่อถ่ายภาพหานมู่จื่อด้วย
ตอนนั้นเธออยู่ในเพจและสวมชุดแต่งงานอยู่ แต่เจ้าสาวคนสวยกลับมีใบหน้าซีดเซียวและยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนและกลุ่มสื่อมวลชนก่อนจะถูกกลุ่มชนเบียดแน่นจนต้องล้มลง
แม้ว่างานแต่งงานนั้นจะไม่ราบรื่นเท่าใดนักแต่สำหรับพวกเขาแล้ว ตราบใดที่เย่โม่เซินระบุแล้วว่าหญิงสาวคนนั้นคือคนของตระกูลเย่
ยิ่งไปกว่านั้นคือคุณชายตัวน้อยอีกคนด้วย
“คุณผู้หญิงคะ เริ่มดึกแล้ว ท่านกับคุณชายน้อยรีบพักผ่อนกันนะคะ”
“รบกวนมากจริงๆ พวกเธอก็ไปพักผ่อนเหมือนกันนะ”
หลังจากคนรับใช้ออกไปแล้วภายในห้องก็เหลือเพียงแค่เสี่ยวหมี่โต้วและหานมู่จื่อสองแม่ลูก
ทั้งสองแม่ลูกไม่ได้นอนด้วยกันมานานแล้ว ดังนั้นเสี่ยวหมี่โต้วจึงรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อเห็นว่าเขาจะได้แชร์ห้องนอนกับหม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้วเขย่งปลายเท้าก่อนจะดึงปลายเสื้อของเธอ “หม่ามี๊ หม่ามี๊ไม่ได้นอนกับเสี่ยวหมี่โต้วมานานแล้ว ตอนค่ำเสี่ยวหมี่โต้วกอดหม่ามี๊ไว้ได้ไหม?”
หานมู่จื่อบีบจมูกนั่นเบาๆ “ได้สิ จากนี้….เราสองคนแม่ลูกมานอนด้วยกันทุกคืนเลยเนอะ”
“ขอบคุณครับหม่ามี๊”
เสี่ยวหมี่โต้วตื่นเต้นมาก ก่อนจะเปลี่ยนรองเท้าเพื่อเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะหันกลับมาพูดกับแม่ตัวเองว่า “หม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้วไปอาบน้ำก่อนนะ”
“อืม โอเค”
หานมู่จื่อพยักหน้าให้ หลังจากที่เห็นประตูห้องน้ำถูกปิดลง เธอก็นั่งลงขอบเตียงก่อนจะก้มหน้าลงและไล้ปลายนิ้วไปตามผ้าปูที่นอน อารมณ์ของเธอเริ่มดาวน์อีกครั้ง
คนนั้นที่สองแม่ลูกนอนพักผ่อนด้วยกัน เสี่ยวหมี่โต้วเกิดกลัวว่าเธอจะหายไป มือเล็กๆนั้นจึงกอดเอวเธอไว้แน่นก่อนจะกดใบหน้าตัวเองเขากับแขนเธอและถูไถอย่างออดอ้อน
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อที่เพิ่งผ่านมากเธอก็พูดกระซิบราวกับคุยกับเสี่ยวหมี่โต้ว
“เสี่ยวหมี่โต้ว เกิดเรื่องขึ้นกับพ่อของลูกหม่ามี๊เสียใจมากจริงๆ”
ท่ามกลางความมืดไร้เสียงตอบกลับจากเสี่ยวหมี่โต้ว
หานมู่จื่อยังกล่าวต่ออีกว่า “ดังนั้นหม่ามี๊เลยไม่รู้จะเผชิญหน้ากับลูกยังไงและไม่รู้จะบอกเรื่องราวพวกนี้กับลูกยังไงดีเลยไม่วิดีโอคอลคุยกับลูกจนทำให้เสี่ยวหมี่โต้วต้องร้องไห้ด้วยความเสียใจ ทั้งหมดเป็นเพราะหม่ามี๊ หม่ามี๊ขอโทษลูกจริงๆนะ”
“อื้อ” เสียงเสี่ยวหมี่โต้วดังขึ้นเบาๆจากนั้นจึงเกิดแรงกระชับที่เอวเธอเพิ่มขึ้น “หม่ามี๊อ่า เสี่ยวหมี่โต้วบอกไปแล้วว่าหม่ามี๊ไม่ต้องกังวลใจเลย ใครทำหม่ามี๊ของเสี่ยวหมี่โต้วกัน? หรือจะเป็นผู้หญิงบนทีวีที่ทำให้แม่อารมณ์ไม่ดี เสี่ยวหมี่โต้วก็ควรปล่อยแม่ไปก่อน”
ยิ่งเสี่ยวหมี่โต้วเห็นอกเห็นใจกันมากเท่าไร หานมู่จื่อก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น เธอขาดความรับผิดชอบ……..ในฐานะแม่จริงๆ
พอคิดถึงเรื่องพรุ่งนี้ที่ต้องไปจัดการ หานมู่จื่อก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ
“ถ้าหม่ามี๊รู้สึกไม่ดี หม่ามี๊ก็จุ๊บโป๊ะๆเสี่ยวหมี่โต้วเร็ว!” เสี่ยวหมี่โต้วถูหัวไปมาที่เธอ “แค่แม่โป๊ะๆเสี่ยวหมี่โต้ว เสี่ยวหมี่โต้วก็ไม่โกรธแล้ว”
หานมู่จื่อรู้สึกอบอุ่นหัวใจเธอก้มศีรษะจูบที่หน้าผากของเสี่ยวหมี่โต้วก่อนจะกระซิบว่า “เราจะรอพ่อกลับมาไปด้วยกันนะ”
“อื้ม! หม่ามี๊ไม่ต้องห่วง ถ้ามีเรื่องอะไรลำบากใจเสี่ยวหมี่โต้วจะช่วยแม่เอง”
หานมู่จื่อทำได้เพียงแค่ยิ้ม ซึ่งไม่ได้ช่วยเธออะไรมากเพราะท้ายสุดแล้วเสี่ยวหมี่โต้วอายุเพียงแค่สี่ห้าขวบจึงไม่ได้ช่วยเธอได้มากนัก
“รีบไปนอนได้แล้ว ฝันดีนะลูก”
“ฝันดีครับหม่ามี๊!”
*
วันต่อมา
หานมู่จื่อตื่นตรงเวลาก่อนจะลุกไปเริ่มแต่งหน้าที่โต๊ะเครื่องแป้ง
เธอไม่ได้แต่งหน้ามานานหลายวันแล้วตั้งแต่วันที่เป็นเจ้าสาวป้ายแดง จากนั้นเธอก็หน้าสดมาโดยตลอด
ตัวเธอเองก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะลุกขึ้นมาสะบัดแปรงแต่งหน้าเช่นกัน แต่วันนี้กลับต่างออกไป เธอรู้ตัวเองว่าเธอจะต้องไปที่บริษัทตระกูลเย่ ถ้าเธอไปแบบโทรมๆเช่นนี้คงทำให้คนอื่นได้หัวเราะเยาะเธอแน่นอน
อย่างน้อยต้องแต่งหน้าเพื่อแสดงความเคารพ
พอคิดถึงเรื่องนี้หานมู่จื่อก็มองไปที่กระจกด้วยความจริงจัง เธอกรีดอายไลน์เนอร์พร้อมทั้งปัดมาสคาร่า
การเคลื่อนไหวไม่ได้ช้าจนเกินไปแต่ก็ราบรื่นไปอย่างดีและใช้เวลาแต่งหน้าไม่นานนัก
เมื่อเธอลุกขึ้นยืนก็พบว่าเสี่ยวหมี่โต้วยังคงนอนอยู่บนเตียงโดยมีผ้าห่มคลุมร่างน้อยๆไว้อยู่ ดูเหมือนคนไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มมาเป็นเวลานาน
หานมู่จื่อครุ่นคิดอยู่สักพัก เธอไม่ได้ปลุกให้เขาตื่นแต่เลือกที่จะไปเปลี่ยนชุดหลังจากเสร็จเรียบร้อยก็เปิดประตูเพื่อออกไปข้างนอก
คนรับใช้ตื่นขึ้นมาได้สักพักแล้วและรอเธออยู่ที่ข้างนอกประตู
เมื่อเห็นว่าเธอออกมาเขาจึงกล่าวอย่างเคารพว่า “คุณผู้หญิง อาหารเช้าเตรียมพร้อมแล้วค่ะ”
หานมู่จื่อครุ่นคิด ที่นี่ห่างจากบริษัทของตระกูลค่อนข้างไกล หากขับรถไปที่นั่นเองในช่วงเวลานี้อาจจะต้องรถติด
“ขอบคุณมากค่ะ แต่วันนี้ฉันไม่มีเวลาพอทานข้าวเช้าแล้ว สายๆค่อยปลุกเสี่ยวหมี่โต้วนะคะอย่าลืมให้เขาดื่มน้ำร้อนสักหน่อยก่อนนะคะ”
“รับทราบค่ะคุณผู้หญิง แต่ท่านไม่ทานอาหารเช้าจริงๆเหรอคะ? ถ้าไม่กินอะไรจะปวดท้องเอานะคะ งั้น…ให้ฉันทำข้าวโอ้ตให้ไหมคะ ไว้ทานตอนเดินทาง?”
ข้าวโอ้ต? หานมู่จื่อคิดสักครู่ก่อนจะพยักหน้า “โอเค ขอบคุณมากๆค่ะ”
คนรับใช้รีบจัดการให้เป็นพัลวันรับนำข้าวโอ้ตมาให้เธอภายในเวลาไม่ถึงห้านาที ก่อนจะปิดไว้ให้อย่างดีเพราะกลัวหกยิ่งไปกว่านั้นคือสาวรับใช้เตรียมแซนด์วิชให้เธอด้วย
เธอยิ้มเขินๆ “เดินทางปลอดภัยนะคะคุณผู้หญิง”
หานมู่จื่อกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินไปที่โรงรถ
รถของเธอยังคงจอดอยู่ที่นี่จึงสะดวกมาก ทำให้เธอไม่ต้องไปหาคนขับรถมารับเธอ
หลังจากขับรถออกไปแล้ว ยามรักษาความปลอดภัยก็อดไม่ได้ที่จะเอนตัวมาเพื่อกระซิบกระซาบกันเงียบๆ
“คุณผู้หญิงไปไหนแต่เช้าขนาดนี้? หรือว่าจะเข้าบริษัท?”
“อืม ดูแล้วจะเหมือนก็ไม่เหมือน พวกแกได้ดูข่าวไหม? คุณท่าน…ก็จะกลับเข้ามาทำงานแล้ว”
“อะไรนะ?” ทุกคนต่างอุทาน “ไม่ใช่คุณท่านอยู่บ้านพักคนชราหรอกเหรอ? ได้ยินมาว่าสภาพจิตใจไม่ค่อยปกตินัก จู่ๆเขาจะกลับเข้ามาทำงานได้ไง???”
“พวกแกก็รู้นี่เกี่ยวกับคุณชายของพวกเรากับตระกูลเย่ ถ้าคุณท่านไม่รีบออกมา พอเกิดเรื่องกับคุณชายเย่ของเราที่มันบิดเบี้ยวและพูดยาก”
“…..ช่างเถอะๆ ไม่ใช่ว่าคนสามัณชนอย่างพวกเราจะมองแล้วเข้าใจ ดังนั้นเราอย่าเดาสุ่มสี่สุ่มห้าเลย”
“โอ้ย พวกแกลองทายดูว่าคุณผู้หญิง……จะไปบริษัทไหม?”
หานมู่จื่อเดินทางไปที่บริษัทจริงๆ เพราะซูจิ่วให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือและถูกต้องกับเธอ โดยบอกว่าหลังจากที่เย่หลิ่นหานพานายท่านตระกูลเย่ออกจากบ้านพักคนชรา เย่หลิ่นหานก็ได้วางแผนจะกลับเข้าสู่ตระกูลเย่อีกครั้ง
แต่เพราะเขาไม่มีหุ้นบริษัทตระกูลเย่อยู่ในมือจึงทำได้เพียงแค่เชิญให้นายท่านตระกูลเย่ออกตัวเท่านั้น
วันนี้ตระกูลเย่จะมีการประชุมภายในเกิดขึ้น
ทุกคนรู้ดีแก่ใจว่าเนื้อหาที่จะประชุมคืออะไร
ดังนั้นหานมู่จื่อจึงต้องรีบเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย
เธอเองก็อยากจะรู้คำพูดของเย่หลิ่นหานที่พูดต่อหน้าเธอนั้นแท้จริงแล้วคือโกหกหรือเปล่า? เขามองหาโอกาสเพื่อจะแทนที่จริงๆใช่ไหม?
แต่เกิดการจราจรติดขัดบนท้องถนนพอดี หานมู่จื่อจึงหยุดรถและยกข้าวโอ้ตขึ้นมาทานก่อนจะตามด้วยแซนด์วิช
แต่แล้วในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น