บทที่ 740 ต่อให้เห็นแก่ตัว นั่นก็เพราะคุณ
หลังจากที่การประชุมยุติลง
หานมู่จื่อก็จัดการเรียกรถ หลังจากนั้นก็ให้เซียวซู่กลับไปที่โรงพยาบาล
ในตอนแรกเซียวซู่ไม่ยินยอม ทว่าหานมู่จื่อก็พูดกับเขาตรงๆ “อาการบาดเจ็บของคุณมันไม่ใช่เล็กๆ นะ หากอาการบาดเจ็บทั้งตัวของคุณมันไม่หายดี เมื่อถึงเวลาที่ต้องจัดการเรื่องราวในบริษัทจะทำยังไง? ในอนาคต พวกเรายังมีศึกที่ยากจะต่อสู้อีกนะ”
เซียวซู่รู้สึกหวั่นไหวคล้อยตามคำพูดของเธอ ดังนั้นจึงได้ยอมไปโรงพยาบาลอย่างเชื่อฟัง
หานมู่จื่อเตรียมจะตรงไปยังห้องทำงาน ทว่าเมื่อเดินไปถึงหัวมุมกลับถูกคนคนหนึ่งขวางทางเอาไว้
หลังจากที่เห็นว่าคนที่มาขวางเธอเอาไว้เป็นใคร เท้าของหานมู่จื่อก็หยุดชะงักลง มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา
“มีธุระอะไร?”
คนที่ขวางอยู่ตรงหน้าเธอไม่ใช่ใครอื่น เป็นเย่หลิ่นหานที่เพิ่งอยู่ในห้องประชุม ในตอนนี้นายท่านตระกูลเย่ไม่ได้อยู่ข้างกายเขา คงถูกส่งกลับไปยังบ้านพักคนชราแล้ว
ต่อให้สายตาของนายท่านตระกูลเย่จะฉลาดเฉียบคมแค่ไหน ทว่าเขาก็ทำได้เพียงนั่งบนรถเข็น ลุกขึ้นยืนก็ไม่ได้ ไม่มีแรงที่จะต้านทานได้ ถ้าไม่สบายก็เป็นเหตุผลที่ต้องส่งไปยังบ้านพักคนชรา
ไม่ใช่ว่าหานมู่จื่อไม่เคารพผู้อาวุโส แต่หลังจากที่ได้ฟังคำพูดจากเย่โม่เซินแล้ว เพื่อบังคับให้เขายอมกลับตระกูลเย่ นึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะถึงกลับไม่เลือกวิธีการลงมือ ถึงขั้นฆ่าแม่ของเขา
สิ่งนั้นทำให้ในวัยเด็กของเย่โม่เซินจมดิ่งอยู่ในเงามืดมากแค่ไหนกันนะ?
เดิมทีที่นายท่านตระกูลเย่เป็นแบบนี้ก็ไม่สามารถที่จะทำใจให้ความเคารพได้ เขามองเห็นเย่โม่เซินเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ที่น่าสนใจ
เย่หลิ่นหานยืนอยู่ตรงหน้าเธอ สายตาเหลือบลงไปมองเอกสารที่อยู่ในมือของเธอ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หานมู่จื่อที่ถูกสายตาของเขามองมารู้สึกเย็นเยียบที่แผ่นหลังขึ้นมา เธอก้าวถอยอย่างระมัดระวังไปสองก้าว ทันใดนั้นเย่หลิ่นหานก็เงยหน้าขึ้นมา
“ทำไมตอนนี้คุณหวาดระแวงผมแล้วล่ะ?”
หานมู่จื่อไม่ได้พูดอะไร
“แม้แต่เพื่อนก็เป็นไม่ได้แล้วเหรอ? คิดไม่ถึงเลย… ระหว่างเราจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้?” เย่หลิ่นหานก้าวเข้ามาข้างหน้า เข้ามาใกล้หานมู่จื่อหนึ่งก้าว
หานมู่จื่อเบิกตากว้าง ถอยหลังไปอีกสองก้าว ทันใดนั้นจู่ๆ เย่หลิ่นหานก็ยื่นมือออกมาจับแขนของเธอก่อนจะยกขึ้นเหนือศีรษะ แล้วกดเอาไว้กับผนังเย็นๆ
“อ๊ะ” หานมู่จื่อไม่ทันระวัง ของในมือจึงร่วงหล่นลงพื้น
อัตราการเต้นของหัวใจก็เร็วขึ้น จนแทบจะพุ่งออกมา หานมู่จื่อเบิกตากว้าง รูม่านตาหดตัวลงจ้องมองไปที่เย่หลิ่นหาน
เย่หลิ่นหานขยับเข้ามาใกล้เธอ มือของเขารับรู้ถึงการขัดขืนของเธอ ทั้งยังมองเห็นแววตาของความโมโหและความเกลียดชังจากสายตาของเธออย่างชัดเจน และเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็มันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เห็นได้ชัด…. ว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนที่ตัวเองรักอย่างลึกซึ้ง
แต่ทว่าเขากลับไม่สามารถครอบครองได้
“คุณกลัวอะไร? กลัวว่าผมจะแย่งสัญญาคุณเหรอ? มู่จื่อ ความห่วงใยและความรักที่ผมมีให้คุณ คุณไม่รู้สึกถึงมันเลยเหรอ ผมเชื่อว่าตลอดมาคุณรู้อยู่แล้ว”
หานมู่จื่อหอบหายใจ กัดปากล่างแน่น “ปล่อย ถ้ายังไม่ปล่อยฉันอีกฉันจะแจ้งตำรวจ”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” เย่หลิ่นหานหัวเราะกับตัวเอง “ตำรวจมาแล้วหลังจากนั้นคุณจะแจ้งผมข้อหาล่วงละเมิดงั้นเหรอ?”
หานมู่จื่อ “…..”
“คุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอก เพราะว่า… ต่อให้ผมอยากทำอย่างนั้นกับคุณ ก็ทำใจไม่ได้หรอก”
เมื่อพูดจบ เย่หลิ่นหานก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา “ผมแค่อยากจะพูดกับคุณสักสองสามประโยค ที่ผมกลับมาที่บริษัท จริงๆ แล้วผมแค่อยากมารักษาการแทนชั่วคราวเพื่อบริหารบริษัทก็เท่านั้น ก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นรองประธาน ดังนั้นในหลายเรื่องผมล้วนคุ้นเคยดี บริษัทไม่สามารถปล่อยให้ไม่มีการบริหารนานๆ ไม่ได้”
เธอถูกควบคุมเอาไว้ ต่อให้หานมู่จื่อดิ้นรนยังไง ทว่าก็ยังไม่สามารถสู้แรงเขาได้ ไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้งก็ไม่สามารถดิ้นหลุดออกมาได้ ทำได้เพียงพูดอย่างโกรธเคือง “นี่คุณกล้าบอกว่าคุณไม่ได้เห็นแก่ตัวสักนิดงั้นเหรอ?”
เย่หลิ่นหานหลุบสายตาลง ถอนหายใจออกมา
“มี”
เขากล้ายอมรับออกมาตรงๆ หานมู่จื่อยิ้มเย็น
“ผมกล้ายอมรับว่าผมเห็นแก่ตัว แต่นั่นไม่ใช่ว่าผมอยากได้บริษัท แต่เพราะว่าคุณ”
หานมู่จื่อ “…..”
“ผมรู้ว่าคุณคงไม่อยากเชื่อผม แต่ผมรู้… ความสัมพันธ์ของคุณกับโม่เซิน หากบริษัทมีปัญหาคุณเองก็ต้องมีปัญหาด้วยแน่ แต่ตอนนี้ร่างกายของคุณเป็นอย่างงี้ ผมจะทนได้ยังไง? แทนที่จะปล่อยให้คุณออกหน้าเอง ไม่สู้… ให้ผมออกหน้าแทนล่ะ เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าคุณจะคิดกับผมแบบนี้”
“มู่จื่อ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณ ที่ผมทำทั้งหมด… ก็เพื่อคุณนะ”
“งั้นคุณก็ปล่อยฉันได้แล้ว”
เย่หลิ่นหานตะลึง รีบปล่อยมือเธอออกอย่างรวดเร็ว มองดูเธออยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็คุกเข่าลงไปเก็บข้าวของทั้งหมดที่หานมู่จื่อพึ่งทำตกพื้นไป ก่อนจะส่งมอบให้กับเธอ
“ผมขอโทษ เมื่อกี้ผมอารมณ์เสียนิดหน่อย แค่ผมคิดว่า… คุณไม่เชื่อผมใจ ผมก็เลยควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จนเผลอทำแบบนี้กับคุณ หวังว่าคุณจะไม่ว่าอะไรนะครับ”
หานมู่จื่อรับเอาของคืนมา หลังจากนั้นเธอก็เงยหน้ามองสบสายตากับเย่หลิ่นหาน
“คำพูดดีๆ ใครจะพูดไม่ได้บ้าง? คนที่แม้แต่เรื่องเห็นแก่ตัวของตัวเองยังไม่กล้ายอมรับ นั่นแหละยิ่งทำให้ฉันรู้สึกว่าน่ากลัว”
เย่หลิ่นหานแข็งค้างไป
เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากที่เขาเพิ่งพูดออกไป เธอจะสามารถเข้าใจตัวเขาได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า…..
เธอกลับไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยสักนิด
“อา….”
หานมู่จื่อเดินจากเขาไปแล้ว เหลือเพียงเย่หลิ่นหานที่ถูกทิ้งเอาไว้ให้ยืนโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว
*
จากงานที่ยุ่งทั้งวัน หลังจากกลับมาถึงบ้านหานมู่จื่อไม่มีเวลาแม้แต่จะล้างเครื่องสำอางออก เธอก็เดินตรงไปทรุดตัวลงที่โซฟา
วันนี้เป็นวันเริ่มทำงานวันแรก เธอเหนื่อยเหลือเกิน ร่างกายแบกรับไม่ไหว
เพียงนอนลงไปหานมู่จื่อก็หลับไปเลย ในความมึนงงรู้สึกราวกับว่ามีคนเอาของบางอย่างมาถูสะเปะสะปะบนใบหน้าเธอ หานมู่จื่อยื่นมือออกไปปัดโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่นานความรู้สึกนี้ก็กลับมาอีกครั้ง
เธอเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งหรี่สายตามอง ก็พบว่าเป็นเสี่ยวหมี่โต้วที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ในมือของเขาถือคลีนซิ่งออยล์ลบเครื่องสำอางสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ค่อยๆ ถูเครื่องสำอางบนหน้าออกแทนเธอ
เมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วก็พูดขึ้นด้วยเสียงเด็กของเขา “หม่ามี๊ตื่นแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้เช็ดเครื่องสำอางที่เปลือกตาออกเลย หม่ามี๊หลับตาอีกครั้งได้ไหมครับ?”
เมื่อเสี่ยวหมี่โต้งร้องขออย่างนั้น หานมู่จื่อก็หลับตาลงอย่างไม่ลังเลในทันที
หลังจากที่หลับตาแล้ว ก็ยังได้ยินเสียงของเสี่ยวหมี่โต้วพูดกับตัวเองอีกว่า “หม่ามี๊ อีกไม่นานก็จะเสร็จแล้วครับ”
หานมู่จื่อพยักหน้า ยอมปล่อยใหง้เสี่ยวหมี่โต้วเช็ดเครื่องสำอางออกอย่างสบายใจ
เรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำให้ ก่อนหน้านี้ในตอนที่อยู่ต่างประเทศมีบางครั้งที่เป็นแบบนี้ เธอยุ่งมากจนกลับมาบ้านก็ล้มตัวหลับไปเลย เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าเครื่องสำอางถูกเช็ดออกให้จนสะอาดแล้ว
ดังนั้นใครบอกกันว่าลูกสาวอ่อนโยนละมีความละเอียดอ่อน? เห็นอยู่ชัดๆ ว่าลูกชายก็มีได้เหมือนกัน
“เสร็จแล้วครับหม่ามี๊”
สุดท้ายแล้วเสี่ยวหมี่โต้วก็กระโดดลงเตียงไป หลังจากนั้นเขาก็ไปหยิบเอาผ้าร้อนมาเช็ดน้ำมันส่วนเกินที่เหลือบนใบหน้าแทนหานมู่จื่อ พลางพูดไปว่า “หม่ามี๊ ผมได้ยินคุณอาเสี่ยวเหยียนบอกว่าหม่ามี๊มีเบบี้ตัวเล็กแล้ว แบบนี้หมายความว่าเสี่ยวหมี่โต้วกำลังมีน้องสาวใช่ไหมครับ?”
เมื่อได้ฟังดังนั้น หานมู่จื่อก็ครุ่นคิด “น้องสาว? เสี่ยวหมี่โต้วอยากมีน้องสาวเหรอ?”
“อื้ม ก็ได้หมดแหละครับ เพียงแค่หม่ามี๊ชอบ เสี่ยวหมี่โต้วก็ชอบหมด”
หานมู่จื่อยกยิ้ม “ตอนนี้หม่ามี๊ไม่รู้ว่าเป็นน้องสาวหรือว่าน้องชาย แต่ไม่ว่าจะเป็นน้องสาวหรือว่าน้องชาย เสี่ยวหมี่โต้ว… ก็จะยินดียอมรับใช่ไหม?”
ก่อนหน้าเธอมีความรู้สึกเป็นกังวล เสี่ยวหมี่โต้วอาจจะไม่สบายใจเมื่อได้รับข่าวนี้
ตั้งแต่เด็กเขาก็อยู่คนเดียว เธอเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะท้องอีกครั้ง
“เสี่ยวหมี่โต้วรู้ครับ ว่าหม่ามี๊กลุ้มใจมาก” เสี่ยวหมี่โต้วโอบรอบคอของเธอ ใช้หน้ากดลงไปที่แก้มของเธอ พลางกระซิบเสียงเบา “เพียงแค่หม่ามี๊มีความสุข เสี่ยวหมี่โต้วก็มีความสุขครับ”