บทที่ 741 ไม่อนุญาต
หานมู่จื่อหลับตา ก่อนลูกชายตัวเองเอาไว้แน่น รำพึงรำพันในใจ
โม่เซินคุณดูสิว่าลูกของเราเป็นเด็กดีขนาดไหน ว่านอนสอนง่ายขนาดไหน เข้าอกเข้าใจผู้อื่นขนาดนี้ คุณใจร้ายทอดทิ้งไม่ดูดำดูดีพวกเราสองแม่ลูกได้ลงคอเหรอ
รีบกลับมาเถอะ พวกเรา ยังเฝ้ารอคุณอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว
ทุกอย่างของบริษัทเป็นปกติเช่นเดิม ช่วงแรกอาจเป็นเพราะโม่เซินเกิดเรื่อง ดังนั้นหลายคนจึงคิดว่าบริษัทตระกูลเย่อ่อนแอ ดังนั้นจึงคิดที่จะยกเลิกความร่วมมือก่อนหน้านี้ บางคนคิดจะทำลายสัญญาด้วยซ้ำ
แต่ว่าเรื่องบางเรื่อง ล้วนถูกหานมู่จื่อกดเอาไว้ด้วยตัวเอง
แน่นอนว่า เบื้องหลังมีหานชิงพี่ชายของเธอคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด ซูจิ่วเองก็ช่วยดูแลจัดการเรื่องงานแทนเธอไม่น้อย เซียวซู่เองก็รักษาพักฟื้นตัวพลางช่วยงานไปพลางทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติได้
และบริษัทออกแบบ ก็ให้เสี่ยวเหยียนเป็นคนดูแลจัดการทั้งหมด หานมู่จื่อไม่สามารถดูแลทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกันได้จริงๆ
ตอนที่เสี่ยวเหยียนมีเวลาว่าง บางครั้งก็ยังวิ่งมาช่วยงานเธอ ครั้งนี้ก็จัดเอกสารแทนเธออยู่ที่ในสำนักงานเดียวกันกับเธอ พลางเอ่ยว่า“กลางวันพวกเราไปกินข้าวที่ห้องอาหารกันมั้ย”
“อืม ได้สิ” หานมู่จื่อพยักหน้า
ห้องอาหารของบริษัทตระกูลเย่ไม่อาจเทียบกับที่อื่นได้ที่นี่ความสะอาดปลอดภัยทำได้ดีมาก หานมู่จื่อนับตั้งแต่มาที่นี่ก็กินอาหารที่ในห้องอาหารมาตลอด
เสี่ยวเหยียนพยักหน้า “ความจริงอาหารที่ห้องอาหารพวกคุณอร่อยมากนะ นี่ก็ใกล้เวลาทานอาหารแล้ว พวกเราไปก่อนเถอะ จะได้ไม่เอะอะวุ่นวายมาก รีบกินแล้วจะได้รีบขึ้นมา”
หานมู่จื่อเหลือบมองดูเวลา อยากจะรีบกินรีบขึ้นมา ก็ได้ ดังนั้นจึงเก็บข้าวของเดินลงมาด้านล่างพร้อมกับเสี่ยวเหยียน
ทั้งสองไปที่โรงอาหาร พบว่ามีคนมาเข้าแถวรอซื้ออาหารไม่น้อย แต่ไหนแต่ไรหานมู่จื่อไม่เคยคิดจะใช้อภิสิทธิ์ เธอไปเข้าแถวกับเสี่ยวเหยียน
ทั้งสองเพิ่งเข้าแถวเรียบร้อย ก็ได้ยินพนักงานสาวสองคนพูดคุยกัน
“โอ้ย บริษัทตระกูลเย่ของพวกเรา ต่อไปก็กลายเป็นของผู้หญิงคนนั้นแล้วเหรอ ทำไมนานขนาดนี้แล้วคุณชายเย่ยังไม่กลับมาอีกนะ”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว หานมู่จื่อก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้ว เสี่ยวเหยียนที่อยู่ด้านหลังเธอมีปฏิกิริยาแทน แต่กลับถูกเธอห้ามปรามไว้
“เธอพูดจาเหลวไหลอะไรห๊ะ นี่มันเดือนกว่าแล้วนะ ถ้าคุณชายเย่จะกลับมาก็ต้องมานานแล้ว”
“ห๊ะ”
“ห๊ะอะไรอีก……แกไม่มีสมองหรือไง เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุแกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเหรอหาคนรอดชีวิตได้น้อยมาก แกคิดว่าทุกคนจะโชคดีขนาดนั้นเหรอ”
“แต่ว่า แต่ทางการไม่ใช่บอกว่ายังหาศพคุณชายเย่ไม่พบเหรอ”
“ใช่ไง แม้จะไม่พบศพ แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนที่รอดชีวิตนี่ มหาสมุทรกว้างใหญ่ แกคิดว่าจะหาคนเจอได้ง่ายเหรอ ฉันได้ยินข่าววงในบอกว่า ความจริงนอกจากคนที่รอดชีวิตกับศพที่หากลับมานั้น ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังสาบสูญ คุณชายเย่ก็เป็นหนึ่งในนั้น”
คนที่ได้ยิน ก็เอามืออุดปากด้วยความตกใจ
“ไม่หรอกมั้ง คนสาบสูญมากขนาดนั้น น่าจะเป็นข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี”
“ต่อไปนะ บริษัทตระกูลเย่ของพวกเราคงต้องกลายเป็นของผู้หญิงแซ่หานคนนั้นแล้ว อย่าคิดว่าเธอยังอายุน้อย แต่ใจวางแผนร้ายเอาไว้ ฉันได้ยินว่าตอนแรกพี่ชายของคุณชายเย่คิดจะมารับตำแหน่งประธานชั่วคราว แต่ว่าผู้หญิงแซ่หานกลับไม่ยอม บอกว่าตนเองเป็นภรรยาของคุณชายเย่ ดังนั้นจึงมีสิทธิ์ที่จะรับตำแหน่งแทนเขา ฉันว่านะ ผู้หญิงคนนี้เข้ามาเพื่อหวังทรัพย์สมบัติของคุณชายเย่ตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากที่เขาตายก็ยังไม่เห็นเธอร้องไห้ฟูมฟายอะไรเลย แต่กลับรีบมาแย่งตำแหน่งที่บริษัท”
“……ไม่หรอกมั้ง ท่าทางเธอไม่ใช่คนประเภทนั้นหรอก”
“ไม่ใช่อะไรล่ะ เธอยังจะมัวมาโลกสวยอยู่ผู้หญิงแบบนี้ฉันเห็นมาเยอะแล้ว”
เสี่ยวเหยียนที่ยืนอยู่ด้านหลังหานมู่จือได้ฟังจนถึงตอนนี้ ทนไม่ไหวจริงๆหากไม่ใช่หานมู่จื่อห้ามปรามหล่อนไว้แต่แรก หล่อนคงพุ่งพรวดไปนานแล้ว
ครั้งนี้หล่อนด่ากราดออกมาเลยว่า“ผู้หญิงแบบไหนที่เธอว่าเจอมาเยอะแล้วห๊ะ”
คำถามที่อยู่ๆก็ลอยมาจากไหนไม่รู้ตัดบทสนทนาของทั้งสองฝ่าย ผู้หญิงคนนั้นที่พูดถึงหานมู่จื่อเสียๆหายๆคนนั้นหันกลับมา,มองเห็นใบหน้าสะสวยของหานมู่จื่อพอดี กลับมีใบหน้าที่เรียบเฉย แต่คนที่อยู่ด้านหลังอย่างเสี่ยวเหยียน กลับถลึงตาโตใส่หล่อนอย่างดุร้าย
สีหน้าหล่อคนเปลี่ยนไปทันที คิดว่าสิ่งที่ตนเองพูดเมื่อครู่คงเข้าหูพวกเธอหมดแล้วต่อไปไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างมีความสุขได้มั้ย ก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนพูดต่อไปว่า “หรือว่าฉันพูดอะไรผิด คุณชายเย่ก็ไม่มีทางกลับมาอีกแล้ว เธอกลับเข้ามานั่งตำแหน่งรองประธานอย่างเนียน จัดการงานทุกอย่าง เรียกคนนอกอย่างคุณเข้ามาที่ในบริษัท ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่าตระกูลหานถูกตระกูลข่มมาตลอด เธอก็เลยอยากตีขนาบเข้ามาทั้งนอกและใน สุดท้ายก็จะทำให้ตระกูลเย่กลายเป็นหมากของตระกูลหาน“
เสี่ยวเหยียนถลึงตาตาโต มองหล่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ทำไมเธอถึงพูดจาเหลวไหลแบบนี้”
เธอโกรธมาก อยากจะพุ่งไปพูดกับหล่อนให้รู้เรื่อง
หานมู่จื่อยึดเธอไว้ จากนั้นยิ้มอ่อนให้อีกฝ่าย“ขอถามหน่อย ใครบอกคุณ ว่าเย่โม่เซินเขาจะไม่กลับมาแล้ว”
อีกฝ่ายอึ้ง คิดไม่ถึงว่าที่เธอข้องใจจะเป็นเรื่องของคุณชายเย่
“ที่คุณพูดก็ไม่ผิด แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้รอดชีวิต แต่ว่าก็ยังไม่พบศพของเขาสาบสูญนั้นหมายความว่าอะไร อะไรก็ยังไม่ได้อาจตัดสินได้ คุณพูดว่าเขาจะไม่กลับมาแล้วแบบนี้ ขอถามหน่อยว่าคุณกำลังสร้างข่าวลือใช่มั้ย”
“ฉัน……”
หานมู่จือเบนสายตาหนีไปทางอื่น เอ่ยถามเบาๆ “สิ่งที่บริษัทตระกูลเย่ต้องการคือพนักงานที่มีความสามารถ ไม่ใช่เก่งแต่นินทาลับหลังสาปแช่งเจ้านาย เชิญคุณกลับไปเก็บข้าวของ รีบออกไปจากบริษัทตระกูลเย่”
หญิงสาวถลึงตาโตทันที:“คุณจะไล่ฉันออกเหรอ”
เสียงของหล่อนดังมาก ไม่นานก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้างมา ทุกคนหันมามอง จึงได้รู้ว่าหานมู่จื่ออยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้าออกมาพูดอะไร ได้แต่มองเหตุการณ์อย่างเงียบๆ
หานมู่จื่อก้มมองเวลาที่ข้อมือ “อืม ตอนนี้11.10 ถ้า11.30ฉันยังเห็นคุณอยู่ในบริษัทไม่ยอมออกไปล่ะก็ ฉันก็ฟ้องคุณว่าบุกรุกบริษัทตระกูลเย่”
“คุณ!”หญิงสาวโกรธที่ตนเองสู้ไม่ได้ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถลึงตามองเธอ “น้าของฉันมีหุ้นอยู่ที่นี่ เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของที่นี่ คุณไล่ฉันออกไม่ได้!”
“โอ้” หานมู่จื่อยิ้มอ่อน “น้าของคุณคือใคร”
“น้าของฉันก็คือ……” หล่อนคิดจะเอ่ยชื่อน้าของตนออกมา แต่ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างๆรีบมาดึงหล่อนเอาไว้ จากนั้นก็ก้มหัวขอโทษหานมู่จื่อ
“ขอโทษค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เพื่อนของฉันปากไวไปหน่อย ไม่ได้ตั้งใจจะพูดจาว่าร้ายคุณกับคุณชายเย่จริงๆนะคะ ปกติเวลาทำงานพวกเราก็ตั้งใจมาก แต่ครั้งนี้ว่างมากไปก็เลยพูดจาพล่อยๆออกมา พวกเรายินดีแก้ไข ขอให้คุณให้โอกาสเราสักครั้งนะคะ”
หานมู่จื่อเหลือบมองหล่อน จำได้ว่าเมื่อครู่หล่อนช่วยพูดแก้ตัวแทนตนเองครั้งหนึ่ง
บอกว่าตนไม่ใช่คนแบบนั้น
แค่เพียงประโยคเดียว ก็กลับทำให้เธอรู้สึกดีขนาดนั้น ในเมื่อที่ในบริษัทมีคนไม่ชอบใจเธอหลายคนเหลือเกิน
“ในเมื่อเพื่อนของเธอมาร้องขอความเห็นใจ เรื่องวันนี้ฉันก็จะคิดซะว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ถ้าหาก……ให้ฉันได้ยินว่ามีใครพูดให้ร้ายเกี่ยวกับคุณชายเย่ลับหลัง ฉันจะไม่เกรงใจอีก”
เธอยอมให้คนอื่นพูดว่าร้ายเธอ แต่จะไม่ยอมทนฟังคำสาปแช่งที่ว่าเย่โม่เซินจะไม่กลับมาอีกแล้ว!
เธอไม่อนุญาต!!