บทที่ 750ผู้ช่วยเลขา
พูดคุยกับเสี่ยวเหยียนอีกพักหนึ่ง หานมู่จื่อจึงวางสาย
จากนั้นเธอก็เข้าในเว็บไซด์ของบริษัทตระกูลยู่ฉือ เข้าไปในหน้าของตนเอง มีข้อความที่ไม่ได้อ่านอยู่
หานมู่จื่อกดเข้าไปอ่าน พบว่าประวัติส่วนตัวที่ตนกรอกทิ้งไว้มีการตอบรับกลับมาแล้ว
อีกฝ่ายแจ้งว่าให้เธอเข้าไปสัมภาษณ์พรุ่งนี้แปดโมงเช้า
เห็นประกาศแจ้งให้ไปสัมภาษณ์ มุมปากของหานมู่จื่อก็ค่อยยกขึ้นมา
ดูแล้ว เธอจะเข้าใกล้เป้าหมายของตนเอง ใกล้ขึ้นอีกก้าว
*
วันต่อมา หานมู่จื่อมาถึงบริษัทตระกูลยู่ฉือตรงต่อเวลา ไปที่เคาน์เตอร์ ใช้ภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่วในการสื่อสารกับอีกฝ่าย คิดไม่ถึงว่าพนักงานที่เคาน์เตอร์จะใช้ภาษาจีนกับเธอ
“คุณเป็นคนจีนเหรอ มาสัมภาษณ์ใช่มั้ย”
หานมู่จื่อพยักหน้าอย่างแปลกใจ
“อย่างนั้นคุณก็ถือว่าตาถึง บริษัทตระกูลยู่ฉือเป็นบริษัทที่ดีที่สุด สวัสดิการที่ให้พนักงานก็ดีมากเป็นพิเศษ”
ได้ยินเช่นนั้น หานมู่จื่อก็ยิ้มบางๆ“ใช่ค่ะ ฉันเห็นว่าสวัสดิการไม่เลวก็เลยมาสมัคร”
“ฮาๆ อย่างนั้นก็ไม่เลวจริงๆ ใช่แล้ว คุณมาสมัครตำแหน่งอะไร”
“ผู้ช่วยเลขานุการค่ะ”
“ห๊า ที่แท้เธอมาสมัครตำแหน่งผู้ช่วยเลขาเหรอ ฉันจะบอกให้นะ นับตั้งแต่ที่คนๆนั้นมา ก็มีคนมายื่นใบสมัครมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันจะบอกเธอให้ หน้าตาสวยๆอย่างเธอ จะลำบากไปทำไม ผู้ช่วยเลขา ไม่ได้เป็นกันง่ายๆนะ”
พนักงานที่เคาน์เตอร์เหลือบมองเธออย่างเห็นใจ จากนั้นพูดว่า“เธอขึ้นลิฟต์ตัวCไปที่ชั้น5ที่นั่นก็คือที่สัมภาษณ์”
“ขอบคุณค่ะ”
หานมู่จื่อพยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าลิฟต์Cไป
คิดไม่ถึงว่าคนที่เคาน์เตอร์จะหันไปกระซิบกระซาบกับคนข้างหลังว่า“น่าเสียดายจังเลย!”
หานมู่จื่อหาอยู่พักหนึ่ง ก็เห็นลิฟต์ตัวที่พนักงานที่เคาน์เตอร์บอกมีผู้คนยืนรอกันอยู่มากที่สุด เธอตกใจเล็กน้อย เห็นด้านหน้าลิฟต์มีผู้คนเต็มไปหมด และทั้งหมดยังเป็นหญิงสาววัยรุ่นที่หน้าตาสะสวย
ที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเธอฉีดน้ำหอมกันหนักมือมาก
ผู้คนเกาะกลุ่มกันอยู่ กลิ่นแรงจนน่าตกใจ หานมู่จื่อคิดถึงเรื่องที่ตนกำลังตั้งท้อง จึงค่อยๆถอยออกมาจากบรรยากาศที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำหอม จากนั้นเงยหน้ามองชั้นที่ลิฟต์
“ขอโทษนะคะ คุณเป็นคนจีนหรือเปล่าคะ”
ทันใดนั้น ก็มีคนข้างๆถามออกมา
หานมู่จื่อหันหน้ามา พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตามตนมาที่ด้านข้าง เมื่อเทียบกับบรรดากลุ่มคนเหล่านั้น ท่าทางเธอดูไม่ค่อยเข้าพวกเท่าไหร่นัก เพราะคนอื่นต่างแต่งหน้าแต่งตัวสวยงาม แต่หล่อนกลับใส่ชุดที่ธรรมดามาก ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ เครื่องหน้าสวยดูดี ดูแล้วน่าจะอายุยังน้อยมาก
เห็นหล่อนมองตัวเองอยู่ หานมู่จื่อจึงแน่ใจว่าหล่อนกำลังพูดกับตนเองอยู่
เธอพยักหน้า ส่งเสียงอืม
หญิงสาวได้ยินก็ดีใจ เป็นฝ่ายยื่นมือออกมาหาเธอเอง
“ฉันชื่อหลัวลี่ เธอล่ะ”
สาวน้อย(หลัวลี่ออกเสียงจีนคล้ายสาวน้อย)เหรอ?นี่มีคนกล้าใช้ชื่อนี้จริงๆเหรอเนี่ย แม้ว่า……จะบอกว่าหล่อนกับชื่อนี้นั้นเหมาะสมกันดี ในเมื่อเป็นคนตัวเล็กมากๆ
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมู่จื่อ”
“ดีจังเลย เธอก็มาสมัครงานตำแหน่งผู้ช่วยเลขาใช่มั้ย ฉันก็เหมือนกัน อีกเดี๋ยวพวกเราไปพร้อมกันนะ”
ที่หานมู่จื่อมาที่นี่ เดิมก็เพื่อเย่โม่เซิน รอจนเย่โม่เซินฟื้นคืนความทรงจำ เธอกับเขาก็จะกลับประเทศพร้อมกัน ดังนั้นเธอคงไม่อยู่ที่นี่นานนัก
ในเมื่อบริษัทตระกูลเย่ ยังต้องรอให้เย่โม่เซินกลับไปนี่
มองผู้หญิงตัวเล็กๆตรงหน้า หานมู่จื่อพูดตรงไปตรงมา“เธอสมัครตำแหน่งเดียวกับฉันเลย พวกเราตอนนี้ต้องเริ่มการแข่งขันกันนะ”
อาจจะเพราะคิดไม่ถึงว่าเธอจะเอ่ยออกมาอย่างนั้น ทำเอาผู้หญิงที่ชื่อหลัวลี่อึ้งไปเล็กน้อย ต่อมาก็ยิ้มออกมาอีก“ไม่เป็นไร นี่คงไม่มีผลต่อการรู้จักกันของพวกเรานะ ในเมื่อผู้ใหญ่เป็นคนเลือกผู้ที่จะได้ตำแหน่งนี้”
คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีทัศนคติที่ดีมาก หานมู่จื่อยิ้มบางๆ พยักหน้าเบนสายตาไปทางอื่น
ก็ไม่รู้ว่าเธอแสดงท่าทีไม่ชัดเจนหรืออย่างไร หลัวลี่ก็ยังคงยืนอยู่ข้างเธอ บางครั้งก็คุยกับเธอสองสามประโยค ด้วยท่าทีเป็นกันเองมาก
บางครั้งหานมู่จื่อก็ตอบกลับหล่อนสองสามประโยค
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเข้าใจพวกที่เข้ามาทำเป็นตีสนิทแบบนี้เท่าไหร่นัก แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายอายุยังน้อย ก็ออกมาหางานทำแล้วจึงรู้สึกว่าไม่ง่ายเลย
และยังได้พบคนบ้านเดียวกันในต่างประเทศ คงต้องตื่นเต้นดีใจมากแน่
ดังนั้นหานมู่จื่อจึงโต้ตอบกับหล่อนบ้างสองสามประโยค
รอจนลิฟต์มา ทุกคนต่างเบียดกันเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง เป็นเพราะหานมู่จื่อกำลังตั้งท้อง ดังนั้นจึงยืนรออยู่ข้างๆ ไม่ได้ไปเบียดกับคนอื่นๆเข้าลิฟต์
หลัวลี่มองเธออย่างแปลกใจ“เธอดูใจเย็นมากเลย เธอเป็นคนที่ฉันเห็นว่าสงบนิ่งที่สุดในบรรดาคนที่มาสมัครงานคนหนึ่ง และ….ก็ไม่ได้บรรจงแต่งเนื้อแต่งตัวอะไรเยอะ แต่แบบนี้เธอก็สวยมากแล้ว บุคลิกดีมาก”
หานมู่จื่อ“……”
เธอเหลือบมองอีกฝ่าย ตอนที่หลัวลี่ชมเธออยู่นั้น สีหน้าดูจริงใจน่ารัก
หานมู่จื่อรู้สึกเขินขึ้นมา ยื่นมือมาม้วนผมที่ห้อยอยู่ข้างๆตามสัญชาตญาณ เอ่ยอย่างเขินๆว่า“ขอบคุณ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พวกเราเข้าไปเถอะ”หลัวลี่คล้องแขนเธอเดินไปข้างหน้า
หานมู่จื่อเดินไปพร้อมกับหล่อน
ตอนที่เดินมาถึงประตู มีกลิ่นอะไรบางอย่างที่รุนแรงจนหานมู่จื่อขมวดคิ้ว เธอกลั้นหายใจตามสัญชาตญาณ เพราะหลัวลี่เดินเข้าไปก่อน ดังนั้นหานมู่จื่อเป็นคนสุดท้าย
แต่คิดไม่ถึงว่าพอเธอเดินเข้าลิฟต์ ลิฟต์ก็ดังขึ้นมา
“อ้าว น้ำหนักเกินแล้ว”มีคนด้านในร้องออกมา เพราะทุกคนเห็นว่าหานมู่จื่อเป็นคนสุดท้ายที่เดินเข้ามา ดังนั้นตอนนี้เมื่อได้ยินเสียงนี้สายตาของทุกคนต่างมองไปที่เธอ
“……”
เวลานั้น สายตาของทุกคนมองมาที่ตัวเธอ
หานมู่จื่ออายมาก และแน่ใจว่าตนเองเป็นคนสุดท้ายที่เข้าไป เธอกำลังคิดจะเดินออก
ก็ได้ยินเสียงคนด้านหลังพูดว่า“เธอเป็นอะไรของเธอ น้ำหนักเกินแล้วยังไม่ไปอีก”
“ก็ใช่นะสิ ชักช้ารออะไรอยู่ เธอคิดว่ารออยู่ในลิฟต์แล้วน้ำหนักจะไม่เกิน จากนั้นก็จะพาเธอขึ้นไปได้หรือไง”
หานมู่จื่อขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากแดงเดินออกไป
เธอก็แค่ยืนอยู่ครู่เดียวเท่านั้น ยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไร คนพวกนี้ก็…..
ดูท่าแล้ว วันนี้คนที่มาสมัครวันนี้จะมีท่าทีเป็นศัตรูกับตนเองมาก มองอีกฝ่ายอย่างไม่ถูกชะตา
หลังจากที่หานมู่จื่อออกมา หลัวลี่เองก็ดูเหมือนไม่ค่อยสบายใจ ถอนหายใจเบาๆ เดินตามออกมา
“ฉันไม่เป็นไร เธอไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนฉันก็ได้ ฉันรอลิฟต์รอบต่อไปก็ได้”
หลัวลี่ไม่เข้าไป กระพริบตาปริบๆพูดว่า“ไม่เป็นไร พวกเราเป็นพวกเดียวกัน ฉันรอลิฟต์รอบต่อไปเป็นเพื่อนเธอดีแล้ว”
หล่อนพูดมาขนาดนี้แล้ว หานมู่จื่อจึงไม่พูดอะไรอีก หลังจากลิฟต์ปิดลง จู่ๆหลัวลี่ก็มากระซิบข้างๆเธอว่า
“ฉันรู้ว่าแถวนี้ก็มีลิฟต์อีกตัว ขึ้นไปชั้นห้าที่สัมภาษณ์ได้”
หานมู่จื่อ“?”
“เธอตามฉันมา”หลัวลี่ลากมือเธอ จากนั้นเดินไปด้านหน้า
หานมู่จื่อได้แต่เดินตามหล่อนไป
ทางเดินข้างหน้าเงียบสงบลงมาก หลังจากถึงที่หมายแล้ว หานมู่จื่อมองเห็นลิฟต์ตรงหน้าไม่เหมือนกับเมื่อครู่ ที่นี่ไม่มีใครสักคน
“พวกเราขึ้นจากตรงนี้ไปที่ชั้นห้าได้เลย”
พูดจบ หลัวลี่ก็ลากเธอเข้าไปในลิฟต์