บทที่758 เซอร์ไพรส์มากเลยใช่ไหม
ความเย็นชาและตีตัวออกห่างของหานมู่จื่อก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ว่าหลัวลี่จะมองไม่ออก ดังนั้นพอหานมู่จื่อยื่นมาทางเธอ หลัวลี่จึงรู้สึกว่า… หานมู่จื่อยอมรับเธอแล้ว
“เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นเพราะว่าเราไม่ใช่คู่แข่งกันแล้ว เธอถึงได้ยอมทำความรู้จักกับฉันกันนะ”
พอได้ยินแบบนี้ หานมู่จื่อก็คิดตามเกี่ยวกับปัญหานี้ ถ้าก่อนหน้านี้พวกเธอเป็นคู่แข่งกัน เธอเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะรู้จักกับอีกฝ่าย แต่ว่า ความเป็นการเองของหลัวลี่ทำให้เธอรู้สึกกลัว
หลังจากเกิดเรื่องของเส่โยวขึ้นมา เธอรู้สึกว่า… ตัวเองแทบไม่อยากทำความรู้จักกับคนแปลกหน้า หรือการเชื่อใจคนแปลกหน้า
โดยเฉพาะ ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ด้วย
เรื่องที่เธอเดินทางมาต่างประเทศ ไม่รู้ว่ามีคนอื่นรู้ไหม ถ้าหาก… เธอเป็นคนที่ถูกส่งตัวมาแอบแฝงจริงๆล่ะ
พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ หลัวลี่ก็ไม่คิดจะบังคับจิตใจ เธอพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ไม่เป็นไรหรอก ถึงแม้จะเป็นเพราะสาเหตุนี้ ฉันก็ไม่โกรธหรอก เธอคงไม่รู้ ฉันทำงานอยู่ต่างประเทศมาตั้งนานแล้ว แต่ว่า… ไม่มีใครคิดจะคุยกับฉันเลย คงจะเป็นเพราะว่าฉันไม่มีอะไรเหมือนคนอื่นเขา แต่ว่า… วันนั้นตอนที่ฉันทักเธอ เธอตอบกลับฉัน ฉันรู้ได้ทันทีเลยว่าเธอเป็นคนดี”
หานมู่จื่อ “?”
แค่เพราะว่าเธอตอบกลับ หลัวลี่ก็คิดว่าเธอเป็นคนดีแล้วเหรอ
เด็กสาวคนนี้ จะไร้เดียงสาเกินไปหรือเปล่า
“ยังไงซะ ขอบคุณมากนะ พวกเราไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในลิฟต์ แต่ตอนที่หานมู่จื่อกับหลัวลี่เดินเข้าไปในลิฟต์ ลิฟต์ก็มีเสียงดังขึ้นมา ทั้งสองคนชะงักไป ก่อนจะมองหน้ากัน แล้วหัวเราะออกมา
พวกเธอหัวเราะไปด้วยรอลิฟต์ลงมาใหม่ได้ด้วย โดยไม่สนใจว่าคนอื่นๆจะมองมาที่พวกเธอด้วยสายตาเหมือนคนบ้าที่หัวเราะไม่หยุดก็ตามที
สักพัก ทั้งสองก็หยุดยิ้มในเวลานี้ ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งสอง…จะใกล้ชิดกันมากขึ้น
ในครั้งนี้ ทั้งสองไม่หาเรื่องใส่ตัวเองด้วยการไปขึ้นลิฟต์ตัวอื่นแล้ว แต่กลับยืนรออยู่ที่ลิฟต์สำหรับพนักงาน รอจนลิฟต์วิ่งลงมาอีกครั้ง ทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในลิฟต์
ครั้งนี้ไม่มีคนแล้ว หลัวลี่กดชั้นที่เธอจะขึ้น ก่อนจะหันไปถามเธอ “เดี๋ยวเธอจะขึ้นไปแล้วเริ่มทำงานเลยใช่ไหม”
หานมู่จื่อพยักหน้า “น่าจะใช่นะ”
หลัวลี่มองมาทางเธอด้วยสายตาอิจฉา “ดีจัง ตอนที่เห็นเธอเข้าไปในห้องสัมภาษณ์สิบกว่านาที ฉันก็รู้แล้วว่าเธอจะต้องได้งานตำแหน่งนี้”
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอเข้าไปในห้องสัมภาษณ์สิบกว่านาที หลัวลี่คงไม่คิดจะสมัครงานเป็นพนักงานทั่วไป เพราะสำหรับเธอแล้ว ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาดีกว่าพนักงานทั่วไปเยอะ เงินเดือนก็มากกว่าด้วย
สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดในเวลานี้ก็คือเงิน
แต่ว่า… ความสามารถของเธอสู้คนอื่นไม่ได้ จึงต้องยอมแพ้ไป
หานมู่จื่อไม่ตอบกลับ เธอยิ้มบาง ไม่นานก็ถึงชั้นที่หลัวลี่จะลง เธอกับหานมู่จื่อบอกลากัน ก่อนจะเดินออกไป หลังจากนั้นหานมู่จื่อก็ตรงขึ้นไปรายงานตัวทันที
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมารายงานตัว ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาค่ะ”
อีกฝ่ายเหลือบตามองมาที่เธอ ก่อนจะชี้ทางแล้วพูด “ห้องนั้นเป็นห้องของเลขาท่านประธาน”
หานมู่จื่อมองตาม ก่อนจะเห็นป้ายห้องเลขา เธอโค้งตัวให้พร้อมกับกล่าวขอบคุณ แล้วเดินตรงไปตามทาง
พนักงานคนนั้นมองตามเธอไปด้วยสายตาพิจารณา ก่อนจะนั่งลงไปอีกครั้ง
พอมาถึงหน้าห้องทำงานของเลขา หานมู่จื่อยกมือขึ้นมาเคาะประตู ก่อนจะได้ยินเสียงหญิงวัยกลางคนตอบกลับมา
“เข้ามาได้”
หานมู่จื่อได้ยินแล้วจึงเปิดประตูเข้าไป และคนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานก็คือกรรมการที่สัมภาษณ์เธอในวันนั้นตามที่คาดไว้
ผู้หญิงคนนี้มีอายุมากพอประมาณ รูปร่างของเธอเริ่มอวบ สวมใส่ชุดสุภาพเรียบร้อย สวมแว่นตา ดูก็รู้ว่าเป็นแม่คนแล้ว
หานมู่จื่อเดินเข้าไปแล้วกล่าวทักทาย “สวัสดีค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นยกยิ้ม “คุณมาแล้วเหรอ มานั่งก่อนสิ”
หานมู่จื่อเดินไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามกับเธอ หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ยื่นเอกสารมาให้เธอ “เอกสารสัญญานี้คุณลองอ่านดู หลังจากนี้คุณต้องใช้เวลาสามเดือนในการฝึกงาน ถ้าคุณทำงานได้ไม่ดี เงินเดือนของคุณก็จะได้รับเหมือนพนักงานทั่วไป แต่ถ้าคุณทำงานได้ดี และได้เป็นพนักงานของบริษัทอย่างแท้จริง เงินเดือนของคุณจะคิดตามตำแหน่ง”
เรื่องพวกนี้ไม่มีปัญหา หานมู่จื่อพยักหน้ารับ
ผู้หญิงคนนั้นจึงยิ้มออกมา “คุณยังมีคำถามอื่นไหม”
หานมู่จื่อส่ายหน้า พอเตรียมจะตอบว่าไม่มีแล้ว ก็นึกอะไรขึ้นมาได้… ถ้าเธอไม่ถามอะไรเลยจะดูไม่ดีเท่าไหร่
เธอมาที่นี่เพื่อทำงาน จะให้คนอื่นดูออกว่าเธอมาเพราะเย่โม่เซินไม่ได้ ไม่อย่างนั้น… เธอจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะฝึกงานด้วยซ้ำ งั้นที่เธอพยายามมาทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์น่ะสิ
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอจะเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่ว่า…พอได้ยินว่าต้องฝึกงานสามวัน หานมู่จื่อก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
ตอนนี้เธอท้องได้สองเดือนกว่าๆแล้ว หลังจากนี้สามเดือน… หน้าท้องเธอจะใหญ่ขึ้นมาหรือเปล่า
ถึงเวลานั้น…
พอนึกถึงตรงนี้ หานมู่จื่อขมวดคิ้วขึ้นมา
และหญิงวัยกลางคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ขมวดคิ้วแล้วถามกลับ “ดูเหมือนคุณจะมีคำถามอยากจะถามอยู่นะ”
พอได้ยินเสียงของอรกฝ่าย ทำให้หานมู่จื่อได้สติกลับมา เธอพยักหน้ารับ “อืม ฉันอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนค่ะ ถ้าเป็นพนักงานจริงๆแล้ว เงินเดือนในแต่ละเดือนจะได้รับตามปกติใช่ไหมคะ”พูดจบ หานมู่จื่อก็ยิ้มออกมาอย่างเอียงอาย
“ฉันเช่าห้องพักอยู่ค่ะ ก็เลย…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณจะต้องถามคำถามนี้ วางใจได้ เงินเดือนเราจะโอนให้ตามปกติ ถ้าหากคุณผ่านการทดลองงาน เดือนต่อไปหลังจากนั้น ทางเราจะเพิ่มเงินเดือนที่เหลือให้กับคุณทั้งหมดในเดือนต่อมา ตกใจมากใช่ไหมล่ะ”
หานมู่จื่อแสดงสีหน้าดีใจ ก่อนจะพูด “ทางบริษัทดีกับพนักงานมากจริงๆค่ะ มิน่าคนถึงมาสมัครงานกันเยอะขนาดนั้น”
พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของหญิงวัยกลางคนก็ดูประหลาดใจมาก ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “คุณคิดว่าพวกเธอมาสมัครงานเพราะเงินเดือนดีอย่างนั้นเหรอ”
หานมู่จื่อรู้ว่าไม่ใช่ คนพวกนั้นพุ่งเป้าหมายมาที่เย่โม่เซินของเธอต่างหากล่ะ
แต่ว่า… เธอพูดแบบนี้ออกไปไม่ได้ จึงได้แค่พยักหน้ารับ
“งั่นเธอก็คิดผิดแล้วล่ะ ถึงแม้บริษัทตระกูลยู่ฉือจะดีกับพนักงานมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้ทุกคนอยากเข้ามาทำงานที่นี่ถึงขนาดนั้น ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่มีพลังที่ร้ายกาจถึงขนาดนั้น เพราะว่า… คนที่มาสมัครงานถึงจะมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ช่วงนี้พวกผู้หญิงที่มาสมัครงานล้วนแต่มาเพราะจุดประสงค์เดียวกัน”
“มาด้วยจุดประสงค์เดียวกันอย่างนั้นเหรอคะ”
หญิงวัยกลางคนยิ้มแปลกๆ แต่ไม่ตอบคำถามของเธอไปตรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพูด “ต่อไปคุณก็จะรู้เอง เอาล่ะ ถ้าไม่มีปัญหาอื่น คุณก็เซ็นชื่อในสัญญาเถอะ สามเดือนหลังจากนี้ก็ตั้งใจทำงาน จากนี้ไปเรียกฉันว่าพี่หลินก็ได้”
หานมู่จื่ออ่านเอกสารสัญญาอย่างละเอียด พอแน่ใจว่าไม่มีปัญหา จึงเซ็นชื่อลงไปในเอกสาร แล้วยื่นออกไป
“ขอบคุณพี่หลินมากเลยนะคะ ต้องขอคำแนะนําจากพี่ด้วยนะคะ”