เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 761 ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการโยนความผิดให้คนอื่น

บทที่761 ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการโยนความผิดให้คนอื่น

มีพี่หลินอยู่ด้วย แน่นอนว่าเธอไม่กล้าเสนอหน้าเอากาแฟไปให้เย่โม่เซินอย่างแน่นอน จึงได้ยกยื่นไปทางพี่หลินไป พร้อมกับเอ่ยเสียงหวานออกไป “พี่หลิน กาแฟเสร็จแล้วค่ะ”

พี่หลินมองเธออย่างชื่นชมเล็กน้อย เม้มปากยิ้มออกมา “ไม่เลว เธอเอาเอกสารพวกนี้ไปส่งชั้นล่างหน่อยสิ”

หานมู่จื่อยื่นมือออกไปรับ “ได้ค่ะ”

ต่อหน้าพี่หลินนั้นเธอจำต้องแสดงท่าทีที่ว่าง่าย เชื่อฟังออกไป สร้างภาพลักษณ์ให้เหมือนกับเป็นคนมาใหม่

ถ้าเธอแสดงอาการออกนอกหน้ามากเกินไป พี่หลินก็มีสิทธิ์ที่จะไล่เธอออกไปได้

หานมู่จื่อออกไปส่งเอกสาร พี่หลินก็ยกกาแฟเข้าไปยังห้องทำงานของท่านประธาน

ก๊อกๆ——

“เข้ามา”

ได้ยินเสียงมีคนเคาะประตู เย่โม่เซินช้อนสายตาขึ้นมอง เพราะคิดว่าผู้หญิงประหลาดคนนั้นจะยกกาแฟมาให้เขาด้วยตัวเอง แต่นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้จะเป็นพี่หลินเสียได้

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ถึงได้ทำเอาเย่โม่เซินต้องขมวดคิ้วนิ่งขึ้นมาทันที จากนั้นสายตาก็มองไปยังกาแฟในมือเธอแก้วนั้น

หลังจากเมื่อกี้ได้ดื่มกาแฟที่ผู้หญิงประหลาดคนนั้นชงมาให้ เขาก็จดจำรสชาตินั้นได้ไม่ลืม ดังนั้นจึงถือโอกาสในช่วงที่พี่หลินเข้ามาทำงานให้เธอเอากาแฟมาให้เขาด้วย

แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจะเอามาให้เขาด้วยตัวเอง ตกลงแล้วกาแฟแก้วนั้นจะใช่กาแฟที่ผู้หญิงประหลาดคนนั้นชงหรือเปล่า?

“คุณชายเซิน กาแฟค่ะ”

เนื่องจากเมื่อก่อนที่นี่จะเป็นยู่ฉือจินที่คอยบริหารจัดการด้วยตัวเองมาโดยตลอด ทุกคนก็ต่างเรียกเขาว่าประธานยู่ฉือกัน และหลังจากที่ยู่ฉือเซินขึ้นมาดำรงตำแหน่งนั้น ผู้คนก็ต่างเรียกเขาว่าประธานยู่ฉือเหมือนกับกำลังเรียกยู่ฉือจินไม่มีผิด เนื่องจากรู้ว่าในชื่อของเขามีตัวอักษรคำว่าเซินตัวนึง ดังนั้นก็เลยเรียกออกมาว่าคุณชายเซิน

กาแฟถูกวางลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมจางๆก็แผ่กระจายออกมา

แววตาของเย่โม่เซินกระตุกออกมาเล็กน้อย พร้อมยกกาแฟขึ้นมาดื่ม

รสชาติไม่เปลี่ยน

เป็นผู้หญิงคนนั้นชง

ดี!

ต่อไปถ้าอยากดื่มกาแฟก็แค่สั่งเลขาของเขาเอาก็ได้ จะได้ไม่ทำให้ผู้หญิงประหลาดคนนั้นคิดไปเองว่าเขาชอบกาแฟที่เธอชง

“ข้อมูลชุดนี้คุณชายเซินลองอ่านดูนะคะ” พี่หลินเห็นเขาดื่มกาแฟไปคำนึง ก็เริ่มยื่นเอกสารในมือออกไป พร้อมกับพูดคุยเรื่องงานกับเย่โม่เซิน

แต่เพียงไม่กี่นาที กาแฟของเย่โม่เซินก็ได้ลดลงไปจนเห็นก้นแก้วเป็นที่เรียบร้อย ในตอนที่พี่หลินเก็บของเตรียมจะออกไปนั้น เย่โม่เซินก็ได้บอกเธอว่าอีกสิบนาทีให้เอากาแฟมาให้เขาอีกแก้ว พี่หลินก็ได้ตอบรับออกมาทันที

หลังจากที่ออกมาจากห้องทำงานนั้น พี่หลินกลับรู้สึกสงสัยขึ้นมา

แปลก เมื่อก่อนไม่เห็นคุณชายเซินจะดื่มกาแฟเยอะขนาดนี้เลยนี่นา? หรือว่าวันนี้จะงานยุ่งมากเกินไป? หรือไม่เมื่อคืนก็อาจจะนอนหลับไม่สนิท?

วันนี้ก็เลยรู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า ก็เลยต้องการดื่มกาแฟเยอะขนาดนั้นช่วย?

แต่…ดูท่าทางของคุณชายเซิน ดูเหมือนว่าจะมีเรี่ยวแรงกระปรี้กระเปร่าไม่เลวเลยทีเดียว

มันช่างน่าแปลกเสียจริง

หลังจากที่พี่หลินกลับไป ก็ได้คำนวณเวลาในการชงกาแฟไปให้เย่โม่เซิน เดิมอยากจะให้หานมู่จื่อเป็นคนไปชง แต่หานมู่จื่อไปมาเป็นสิบนาทีแล้วแต่ยังไม่กลับมา พี่หลินก็เลยจำเป็นต้องออกโรงไปชงด้วยตัวเอง

เธอชงกาแฟแล้วเอาไปเสิร์ฟให้เย่โม่เซินด้วยตัวเอง

เย่โม่เซินจิบไปคำนึง จากนั้นก็ได้วางกลับลงไป หลังจากนั้นก็ไม่ได้แตะกาแฟแก้วนั้นอีกเลย

พี่หลินเองก็สังเกตเห็นเช่นเดียวกัน จึงเลิกคิ้วสงสัยออกไปเล็กน้อย “วันนี้คุณชายเซินดื่มกาแฟเยอะขนาดนี้ เป็นเพราะเมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเต็มที่หรอคะ?”

เย่โม่เซินพยักหน้าออกมา ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยเสียงเย็นออกไปว่า “ได้ยินมาว่าคุณรับสมัครผู้ช่วยมาได้แล้ว?”

เมื่อเอ่ยถึงหานมู่จื่อ แววตาของพี่หลินปรากฏความชื่นชมออกมา จากนั้นก็พยักหน้ายอมรับออกมา

“ใช่ค่ะ สัมภาษณ์กันหลายวันเลยทีเดียว สุดท้ายก็เจอคนที่เห็นพ้องกันสักที”

เย่โม่เซินพยักหน้าออกมาเล็กน้อย เป็นเชิงรับรู้

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวกลับห้องเลขาก่อนนะคะ?”

“อือ”

พี่หลินหันหลังเดินออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็ถูกเย่โม่เซินเรียกเอาไว้อีกครั้ง

“พี่หลิน”

พี่หลินหยุดฝีเท้าลง หันกลับไปมองเย่โม่เซินด้วยความสงสัย “คุณชายเซิน?”

คุณชายเซินในวันนี้ ดูเหมือนว่าจะแปลกออกไปเล็กน้อย

เขาที่ไม่เคยสนใจอะไร แต่กลับเอ่ยปากถามเธอเกี่ยวกับเรื่องผู้ช่วยเลขาออกมา

เย่โม่เซินหมุนปากกาหมึกซึมด้ามสีทองในมือ สายตาของเย่โม่เซินมองไปยังร่างของพี่หลิน เอ่ยออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พี่หลินเป็นเลขาที่คนสำคัญของคุณตา จัดการแค่พวกเอกสารที่สำคัญๆก็พอ ส่วนพวกเรื่องเล็กๆน้อยๆ…”

เขาหยุดไปแป๊บนึง นัยน์ตาดำสนิทนั้นดูลึกซึ้งเสียจนคาดเดาไม่ถูก ทำเอาคนอื่นมองไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไร

“ให้คนอื่นไปทำก็ได้”

พี่หลินตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก นึกไม่ถึงเลยว่ายู่ฉือเซินที่ภายนอกดูเย็นชาหยิ่งยโส จะยังเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นเขาด้วย เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย เอ่ยออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ “คุณชายเซิน ถึงยังไงฉันก็เป็นเลขาของคุณ ถึงแม้ว่าประธานยู่ฉือจะไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันก็ควรจะทำในส่วนของตัวเองให้ดีค่ะ”

“พี่หลินทำตามที่ผมบอกก็พอ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่รู้จะไปอธิบายให้คุณตายังไงดี”

อืม โยนความผิดทั้งหมดไปให้คุณตา เพอร์เฟค

พี่หลินกลับไปยังห้องเลขา อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมาประโยคนึง คนเก่งกาจอย่างเขาชอบทำให้คนเขาชื่นชอบเสียจริง ทั้งยังเข้าอกเข้าใจคนอื่นเสียขนาดนี้ คิดว่าเธอเป็นผู้อาวุโสแห่งบริษัทตระกูลยู่ฉือแล้ว จึงให้เธอคอยจัดการแต่พวกเรื่องสำคัญก็พอ เรื่องเล็กๆน้อยๆในแต่ละวันก็ให้คนอื่นทำไป

ทางด้านอีกฝั่งนึงนั้น

หานมู่จื่อเดินส่งเอกสารไปทั่วอย่างกับเสมียน ส่งชุดนี้เสร็จก็ยังมีอีกชุด นอกจากนี้ก็เป็นเพราะว่ายังมีบางที่ที่เธอไม่รู้จัก พอถามคนอื่นออกไป ผลก็คืออีกฝ่ายกลับชี้ไปในทางตรงกันข้ามแทน หานมู่จื่อหาอยู่นานก็หาไม่เจอสักที จึงจำต้องเดินย้อนกลับไป

จากเรื่องนี้ได้ทำให้เธอได้รับบทเรียนที่จะจำไปอีกนาน ว่าจะต้องจดจำทุกที่ที่ไปเอาไว้ให้ดี และจะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจกับเส้นทางในบริษัท เพื่อหลีกเลี่ยงเวลาไปถามคนอื่นแล้วถูกบอกทางผิดออกมาอีก

ความจริงเรื่องพวกนี้ก็พบเห็นบ่อยในบริษัทใหญ่กันอยู่แล้ว

ถึงอย่างไรในบริษัทใหญ่ๆก็มีคนอยู่เยอะแยะ ถึงแม้ว่าแต่ละฝ่ายต่างไม่มีเวลาไปสนใจว่าอีกฝ่ายทำอะไร แต่ถ้าคุณมีเรื่องที่อยากจะร้องขอ อีกฝ่ายไม่มีทางช่วยคุณแน่ๆ ถึงขนาดที่จะจงใจกลั่นแกล้งคุณออกมา

คนที่ชี้ทางผิดให้เธอคนนั้น ก็คือกำลังกลั่นแกล้งเธออยู่นั่นเอง

หานมู่จื่อลากขาที่แสนเมื่อยล้ากลับไปยังห้องเลขา เมื่อเห็นพี่หลิน ก็ทำได้เพียงรีบแสดงความขอโทษออกไปก่อน “ขอโทษค่ะพี่หลิน เมื่อกี้ฉันไปมาผิดที่ ก็เลย…กลับมาช้าไปหน่อย พี่ยังมีอะไรให้ฉันช่วยอีกมั้ยคะ?”

พี่หลินเห็นเธอวิ่งวุ่นมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้ขนาดสีหน้าก็ยังดูไม่ดีนัก จึงส่ายหน้าออกไป

“หลังจากนี้ยังไม่มีงานอะไร เธอไปนั่งอ่านข้อมูลสักพักเถอะ”

“ค่ะ”

แต่ว่างได้ไม่นาน หานมู่จื่อก็เริ่มยุ่งขึ้นมาอีกครั้ง ช่วงเวลาอันตึงเครียดหลายชั่วโมงในที่สุดก็ดำเนินมาจนถึงเวลาเลิกงานเป็นที่เรียบร้อย เลิกงานได้สักที

พี่หลินตบไหล่เธอเบาๆ “วันนี้ลำบากแล้ว เห็นเลยว่าเธอทนความลำบากได้ดีมาก ตั้งใจทำงานให้ดีๆ ถ้าผ่านโปรไปแล้วจะได้สวัสดิการที่ดีกว่านี้อีกหน่อย ต่อไป…ถ้าฉันเกษียณไป ตำแหน่งนี้ก็จะเป็นของเธอ”

ได้ยินคำพูดนั้น มุมปากของหานมู่จื่อก็กระตุกออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็รีบเอ่ยออกไปทันที “พี่หลิน พี่คิดไกลไปแล้ว”

เธอไม่รู้เลยว่าจะอยู่ที่นี่ไปอีกนานหรือเปล่าเลย เป้าหมายของเธอก็คือทำให้เย่โม่เซินฟื้นความทรงจำกลับมา ขอเพียงแค่เขาเรียกความทรงจำกลับคืนมาได้ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วเขาก็คงจะหนีห่างไปจากเธอแน่

เมื่อถึงตอนนั้น เธอก็ไม่มีความหมายที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป

เก็บข้าวของเล็กน้อย จากนั้นหานมู่จื่อก็ฝืนร่างกายที่แสนเหนื่อยล้าของเธอเลิกงานกลับบ้าน

ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน หานมู่จื่อไม่ทันได้หายใจหายคอ ก็ได้วิดีโอคอลไปหาลูกชายตัวน้อยของเธอก่อนเป็นอันดับแรก

“หม่ามี๊!” ภาพเสี่ยวหมี่โต้วที่อยู่ปลายสายมีท่าทางตื่นเต้นดีใจออกมาด้วยพลังอันเหลือล้น ใบหน้าแดงก่ำ ร้องเรียกเธอออกมาด้วยความดีอกดีใจเป็นพิเศษ

หานมู่จื่อเห็นเสี่ยวหมี่โต้วที่เป็นอย่างนั้นแล้ว มุมปากก็ค่อยๆยกยิ้มขึ้นมา

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset