บทที่763 น่ามองมากมั้ย
หานมู่จื่อเพิ่งจะกลับมาจากไปส่งเอกสาร เห็นพี่หลินกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องเลขา ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก
“พี่หลิน?”
พี่หลินมองมายังเธอ แววตาปรากฏความรู้สึกผิดหวังออกมาเล็กน้อย
“ฉันเคยคิดว่าเธอจะเป็นคนเอาจริงเอาจังคนหนึ่ง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ภายในใจของหานมู่จื่อหล่นวูบขึ้นมาทัน ริมฝีปากก็เปิดออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง จากนั้นถามออกไป “พี่หลิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“เมื่อเช้าตอนที่ฉันสั่งให้เธอไปทำความสะอาดห้องทำงานคุณชายเซิน ได้บอกเธอว่ายังไง?”
หานมู่จื่อนึกย้อนไปแป๊บนึง จากนั้นก็เอ่ยท่องออกมาตามที่เธอได้พูดออกมาเมื่อเช้านี้ “พี่หลินบอกว่าคุณชายเซินรักสะอาด อย่าให้เห็นแม้แต่ไรฝุ่น”
“แล้วเธอได้ทำตามหรือยัง?”
หานมู่จื่อพยักหน้าออกไป “แน่นอนค่ะ ฉันจะไม่ทำตามได้ยังไงกันล่ะคะ?”
สวรรค์ย่อมรับรู้ว่าเพื่องานนี้แล้วเธอได้พยายามอย่างสุดความสามารถมาโดยตลอด
“เธอแน่ใจนะว่าได้ทำตามแล้วจริงๆ?” พี่หลินหรี่ตามองหานมู่จื่ออย่างประเมิน แววตาของเธอชัดเจนไม่มีอะไรอย่างอื่นเจือปน มองดูเหมือนกับว่าจะไม่ใช่ท่าทางของคนที่กำลังโกหกจริงๆ หรือว่าเธอไม่ได้ตั้งใจขี้เกียจจริงๆงั้นหรอ? แต่ถ้าทำความสะอาดแล้ว ทำไมคุณชายเซินถึงยังโมโหออกมาอีกกัน?
เมื่อได้พิจารณารอบด้านแล้วนั้น พี่หลินทำได้เพียงเอ่ยออกไปว่า “เธอไปกับฉันเถอะ”
หานมู่จื่อทำได้เพียงเดินตามหลังเธอออกไป พวกเธอทั้งสองคนใกล้จะเดินไปจนถึงห้องท่านประธานแล้ว ในระหว่างที่เดินออกไปนั้น หานมู่จื่อก็รู้สึกร้อนรนสุดๆ เธอคงจะไม่ถูกไล่ออกตั้งแต่ทำงานวันที่สองหรอกมั้ง?
ถ้าอย่างนั้นแล้วความพยายามที่เธอได้ทำมามันจะไม่สูญเปล่าไปหรอกหรอ?
ไม่ได้ เธอจะถูกไล่ออกไม่ได้ เธอจะต้องหาวิธีรับมือให้ได้
ดังนั้นแล้วหานมู่จื่อจึงคิดหาสารพัดวิธีรับมืออยู่ในใจ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร้อนใจมากเกินไปหรือเปล่า สมองของเธอถึงได้ว่าเปล่าไปหมด คิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องทำงาน จังหวะการเต้นของหัวใจของหานมู่จื่อก็ยิ่งทวีความเร็วขึ้นมามากขึ้น
ประตูห้องทำงานไม่ได้ปิด ได้เปิดอยู่อย่างนั้น แต่พี่หลินก็ได้เคาะประตูออกไปอย่างมีมารยาท “คุณชายเซิน?”
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เรียบนิ่งของชายหนุ่มดังออกมาจากทางด้านใน “เข้ามา”
ความเยือกเย็นแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งห้อง
พี่หลินหลับตาลง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากเข้าไปยุ่งกับความซวยนี้ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นหันกลับไปพูดกับหานมู่จื่อด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเซินสั่งให้เธอเข้าไปล่ะ”
หานมู่จื่อ “…”
ถึงแม้ว่าใบหน้าของเธอจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่าดูเหมือนว่าจะรู้สึกแปลกขึ้นมาอย่างน่าประหลาด มันเกิดอะไรขึ้นกัน?
“พี่หลิน เอ่อ…”
พี่หลินไม่ให้โอกาสให้เธอได้พูดอะไรออกไป ก็ได้ดึงแขนของเธอแล้วดันร่างของเธอเข้าไป พร้อมกับเอ่ยพูดกระซิบออกมาว่า “ขอให้เธอโชคดีแล้วกันนะ สู้ๆ”
หานมู่จื่อยังไม่ทันได้ถามคำถามที่เธออยากถามออกไปเพื่อความชัดเจน แต่พี่หลินก็ได้หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงตัวเธอที่ยืนอยู่ตรงที่ตรงนั้น
“ยืนทำสากกะเบืออะไรอยู่ตรงนั้น?”เสียงเยือกเย็นของชายหนุ่มดังออกมาหานมู่จื่อรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งแผ่นหลังทันที จากนั้นก็หันไปสบตาเข้ากับดวงตาดำสนิทของเย่โม่เซินคู่นั้น ภายในใจของหานมู่จื่อก็ตื่นตระหนกขึ้นมา จากนั้นก็ได้ยินเขาเอ่ยออกมา “ยังรีบมาดูสิ่งดีๆที่เธอทำงามหน้าเอาไว้อีก”
เธอ?
หานมู่จื่อไม่รู้ว่าเธอไปทำเรื่องดีอะไรออกไป แต่ฟังจากน้ำเสียงของเย่โม่เซินแล้วจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไรแน่ ดังนั้นแล้วเธอจึงเดินเข้าไปยังเย่โม่เซินทันที
“คุณ……ชายเซิน”
ในตอนที่เอ่ยพูดคำนั้นออกไป เธอยังคงรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างมาก แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ใครใช้ให้ตอนนี้เขาถูกสมญานามอย่างนั้นกันล่ะ?
หานมู่จื่อเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงไม่ไกลจากร่างของเขานัก มองเขาออกไปด้วยสีหน้าของความสงสัย
ทันทีที่เธอเดินใกล้เข้าไป กลิ่นหอมจากร่างก็ได้อบอวลเข้ามาอีกครั้ง ล้วนแล้วแต่จะเป็นกลิ่นอายของเธอทั้งสิ้น เย่โม่เซินไม่ใช่ว่าจะไม่ได้กลิ่นจากร่างของหญิงสาว แต่ทำไมเขาถึงไม่ได้รังเกียจกลิ่นบนร่างของผู้หญิงประหลาดคนนี้กัน?
กวาดสายตามองเธอเล็กน้อย นัยน์ตาใสคู่นั้นของเธอมองมายังเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ไม่เหมือนว่าจะเป็นท่าทางของคนที่มายอมรับผิดเลยสักนิด
เย่โม่เซินชี้ไปยังขอบหน้าต่าง
หานมู่จื่อก็รีบเดินไปดูทันที มองออกไปอย่างละเอียด พบว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร จากนั้นก็เลยเอ่ยออกไป “ตรงนี้ทำความสะอาดได้อย่างสะอาดมากค่ะ ไม่มีฝุ่นเลย”
เขาพยายามข่มกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ หรี่ตาออกไป “เธอแน่ใจ?”
หานมู่จื่อ “ไม่แน่ใจค่ะ”
เย่โม่เซิน “…”
เปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วเสียจริง
ใช้โอกาสในตอนที่เขากำลังนิ่งเงียบอยู่นั้น หานมู่จื่อก็ไม่รอช้าที่จะยอมรับผิดออกมา
“ฉันผิดเองค่ะ เป็นเพราะฉันไม่ตั้งใจทำงาน ฉันจะรีบทำความสะอาดให้ใหม่ค่ะ!”
ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยอมรับผิดไปก่อนนับว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ตอนนี้เธอไม่อาจยืนกรานในเหตุผลตัวเองกับเขาได้
ไม่รอให้เย่โม่เซินได้ตอบอะไรออกมา หานมู่จื่อก็ได้ออกไปจากห้องทำงานเดินออกไปเบิกอุปกรณ์ทำความสะอาดมาทันที จากนั้นก็กลับไปยังห้องทำงานเพื่อเตรียมที่จะทำความสะอาดใหม่อีกครั้ง
เธอใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆมาเช็ดที่ขอบหน้าต่าง พลางสำรวจหน้าต่างใบนั้นว่ามันมีปัญหาอยู่ตรงที่ส่วนไหน
ในระหว่างที่กำลังสำรวจอยู่นั้น เสียงเย่โม่เซินก็ดังเข้ามาจากทางด้านหลัง
“กาแฟ”
หานมู่จื่อนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็หันกลับไปมองเขา
การกระทำของเธอได้ทำเอาเย่โม่เซินขมวดคิ้วออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่เข้าใจ?”
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ!” เธอวางผ้าในมือลง จากนั้นก็รีบเดินออกไปจากห้องทำงาน
เย่โม่เซินมองเงาร่างเบื้องหลังที่ดูผอมบางของเธอ พบว่าเธอเดินออกไปอย่างกะโผลกกะเผลก ทั้งยังก้าวออกไปถี่ๆ ถ้าไม่มองอย่างละเอียดก็ไม่อาจมองออกได้เลย อีกทั้ง…คาดว่าน่าจะเป็นเพราะเธอเดินเร็วเกินไป
เธอบาดเจ็บที่เท้า?
ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว เย่โม่เซินหรี่ตาลงอย่างร้ายกาจ นัยน์ตาดำสนิทมีบางอย่างก่อตัวขึ้นมา
น่าตายนัก
เขากำลังคิดอะไรอยู่นี่?
หานมู่จื่อเดินมายังห้องครัว เพื่อชงกาแฟให้กับเย่โม่เซิน ความจริงแล้วภายในใจของเธอตอนนี้กลับรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
เมื่อวานตอนที่เขาดื่มกาแฟไปถึงแม้ว่าจะคิ้วขมวดออกมา แต่ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นเธอก็ได้ชงไปอีกแก้วนึง เขาก็ไม่ได้แสดงอาการไม่ชอบตัวเองออกมา นั่นก็หมายความว่าประมาณเมื่อวานจะถูกต้องแล้วสินะ
แต่เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้น กาแฟที่จะให้เย่โม่เซินในครั้งนี้ หานมู่จื่อก็ยังแอบชิมไปคำนึง
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรผิดไป หานมู่จื่อก็ได้ยกกาแฟไปให้เขา
เย่โม่เซินก็ได้เปิดโน๊ตบุ๊คทำงานอยู่ หลังจากที่หานมู่จื่อวางกาแฟให้เขาแล้ว เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร ก็ได้รีบกลับไปทำความสะอาดขอบหน้าต่างอีกครั้ง
ขอบหน้าต่างกว้างมาก ใหญ่มาก วางแผ่นรองบางๆไว้ด้านบน หานมู่จื่อพบว่าคุณภาพของแผ่นรองนี้ก็ดีมาก ทั้งยังมีสีสันที่เรียบง่าย หรือว่าเย่โม่เซินจะเป็นคนเลือกมา?
ในระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น เธอก็ได้ก้มลงมองอย่างสงสัย แล้วยกแผ่นรองนั้นขึ้นมาดู
ไม่ดูก็ดีอยู่แล้ว แต่พอดู เธอก็ได้พบว่าใต้แผ่นรองบางๆนี้มีฝุ่นชั้นบางๆอยู่ ยิ่งมีแสงอาทิตย์ส่องเข้ามาอีกก็ยิ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจน เธอใช้นิ้วมือเข้าไปลองแตะดู ปลายนิ้วขาวก็เปื้อนไปด้วยฝุ่นขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นถึงตรงนี้แล้ว หานมู่จื่อก็เข้าใจขึ้นมาทันที
ที่แท้…สิ่งที่เขาชี้นั่นก็คือฝุ่นที่อยู่ใต้แผ่นรองนี่เอง
หานมู่จื่อก็ได้เช็ดทำความสะอาดฝุ่นที่อยู่ข้างล่างอย่างสิ้นหวังเล็กน้อย หลังจากที่หันกลับไป ก็เห็นเย่โม่เซินยกมือขึ้นดื่มกาแฟพอดี
ในตอนนั้นแสงอาทิตย์กำลังดี เขาผู้มีใบหน้าอันแสนหล่อเหลาที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน ยกกาแฟขึ้นจิบด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เมื่อได้ส่องเข้าด้วยกันกับห้องทำงานที่มีสไตล์ ช่างเหมือนราวกับชายงามผู้ที่ออกมาจากภาพวาดที่ได้วาดออกมาโดยนักวาดผู้มีชื่อเสียงไม่มีผิด
หานมู่จื่อก็มีความคิดหนึ่งผุดเข้ามา นึกขึ้นมาได้ว่ากาแฟแก้วนั้นเธอได้จิบมาก่อนแล้ว
ในส่วนเขาที่ไม่รู้อะไรเลย ก็ได้ดื่มกาแฟที่เธอเคยดื่มไป
เดิมทีเธอก็ไม่ได้อยากทำอย่างนี้ แต่พอนึกถึงความสัมพันธ์ของเย่โม่เซินกับเธอแล้ว ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นอะไร
เมื่อนึกมาจนถึงตรงนี้แล้ว ริมฝีปากของหานมู่จื่อก็ค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา
เธอยอมที่จะค่อยๆเข้าใกล้เขาไปทีละนิดอย่างนี้ เพื่อให้เขาจำตัวเองขึ้นมาได้ แล้วยินยอมที่จะกลับมาอยู่ข้างกายเธอด้วยความเต็มใจ แทนที่จะเอาเรื่องทุกอย่างที่เขาไม่รู้มาแสดงออกไปให้เขาเห็น จากนั้นก็บอกกับเขาไป แล้วคุณจำต้องยอมรับให้ได้ เพราะว่านี่เป็นเรื่องจริงอะไรพวกนั้น
“น่ามองมากมั้ย?”