บทที่764 จูบกันแล้ว
“น่ามองมากมั้ย?”
หานมู่จื่อที่ยังกำลังอยู่ในห้วงความคิด เขากำลังอยู่ในช่วงที่กำลังจูบเธออย่างไม่รู้ตัว น่าสนุกจังเลยแฮะ
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอก็ได้พยักหน้าออกไปตามใจคิด
แต่เพียงไม่นาน ก็รู้สึกแหม่งๆขึ้นมา
ในห้องทำงานแห่งนี้มีเพียงแค่เธอกับเย่โม่เซินเพียงแค่สองคน นอกจากเขาแล้วจะยังมีใครถามเธอออกมาได้อีก?
เมื่อเธอเรียกสติกลับคืนมาแล้วนั้น ก็ได้พบว่าเย่โม่เซินได้ลุกขึ้นยืนมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้ สายตาก็ได้มองมายังใบหน้าของเธอเข้าพอดี ในตอนนี้ได้มองเธอมาอย่างหยอกเย้าพร้อมเอ่ยถามออกมา
ใบหูเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าเธอจะมองเหม่อออกไปอย่างไม่ระวังได้
หานมู่จื่อจำต้องทำเหมือนราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น จากนั้นก็หันกลับไปเช็ดทำความสะอาดบริเวณขอบหน้าต่างต่อทันที
กึกกัก——
เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาจากทางด้านหลัง ดูเหมือนว่าเย่โม่เซินจะลุกขึ้น เสียงฝีเท้าค่อยๆเข้ามาหาร่างเธอขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกก้าวที่ก้าวเข้ามาเหมือนกับว่ากำลังเหยียบลงมาบนใจของเธอ
เมื่อเขาใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ หัวใจของหานมู่จื่อก็เต้นเร็วขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ
เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไรไป ทั้งๆที่พวกเธอทั้งสองก็คุ้นเคยกันถึงขั้นนั้นแล้วแท้ๆ ตอนนี้เขาก็แค่จำเธอไม่ได้เท่านั้นเอง
การเข้าใกล้เข้ามาของเขา ทำไมเธอถึงได้มีสภาพจิตใจที่เตลิดเปิดเปิงอย่างนี้ได้?
หานมู่จื่อกำผ้าขนหนูในมือแน่น ในตอนที่หันกลับไปเตรียมที่จะเดินหนี ก็ไปชนเข้ากับอ้อมกอดของเย่โม่เซินเข้าพอดี
“อ๊า!”
จากนั้น เย่โม่เซินก็ได้กางมือทั้งสองข้างรัดร่างเธอให้อยู่ในอ้อมแขนของเขา
หานมู่จื่อต้องยกสองมือขึ้นมากันด้านหน้าหน้าอกของตัวเองเอาไว้ตามสัญชาตญาณ เบิกตากว้างมองเย่โม่เซินที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากที่จะเชื่อ
นี่เขากำลังทำอะไรกัน? ทั้งๆที่วันนั้น ยังหลบเลี่ยงตัวเองอย่างกับงูพิษอยู่เลย ทำไมจู่ๆถึงได้จู่โจมเข้ามาอย่างนี้ได้กัน?
“เข้ามาบริษัทตระกูลยู่ฉือ ก็เพื่อฉันด้วยล่ะมั้ง?”
แววตาของเขาเยือกเย็น แต่ปากคอก็ช่างเราะร้ายออกมา ร่างใหญ่ของเขายืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ถ้ามองจากทางด้านหลังก็เหมือนกับว่าจะบังร่างเธอจนมิด
“ที่หน้าประตูใหญ่วันนั้น เธอก็ตั้งใจสินะ” คำพูดนี้ไม่ได้กำลังถามออกมา แต่ได้ปักใจเชื่อไปอย่างนั้นไปเรียบร้อยแล้ว
หานมู่จื่อ “…”
เธอไม่อาจยอมรับออกไปอย่างแน่นอน ถ้าบอกไปว่าเธอเข้ามาบริษัทนี้ก็เพื่อเขา คาดว่าเธอน่าจะถูกเขาโยนออกไปแน่ ถึงอย่างไรเย่โม่เซินในตอนนี้ก็ต่างไปจากเย่โม่เซินเมื่อก่อนนัก
ดังนั้นแล้วหานมู่จื่อจึงส่ายหน้าปฏิเสธออกไปอย่างแรง
ถึงแม้ว่าเธอจะทั้งปฏิเสธและทั้งส่ายหน้าออกมาไม่หยุด แววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความลนลาน เหมือนกับว่ากำลังพูดโกหกออกมา
อีกทั้ง…เหมือนกับว่าจะยังมีความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาอีก
แต่เป็นอะไรนั้น เย่โม่เซินนั้นมองไม่ได้ไม่ชัดนัก
เขาหรี่ตาออกมา พร้อมโน้มตัวลงไป เพื่อเข้าใกล้ไปอีกนิด เพื่อให้มองเห็นชัดเจนขึ้นอีกหน่อย
อย่างนั้นแล้ว เมื่อหานมู่จื่อเห็นว่าเขาโน้มร่างลงมาใกล้ร่างของเธอเรื่อยๆ ลมหายใจร้อนผ่าวรดลงมาบนใบหน้าของเธอ หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นมาเรื่อยๆ
ก๊อกๆ——
เสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหน้าประตู ทำเอาหานมู่จื่อตกใจตื่นขึ้นมาจากภวังค์
เฉียวจื้อกำลังยืนอยู่ที่ประตูห้องทำงาน มองฉากตรงหน้าด้วยสีหน้าตื่นตะลึง เหมือนราวกับว่ากำลังพบเห็นโลกใหม่ไม่ปาน
หานมู่จื่อเรียกสติกลับคืนมา จากนั้นก็ย่อร่างลงแล้วออกจากวงแขนของเย่โม่เซินออกไป หลบหนีหัวซุกหัวซุนออกไปจากห้องทำงานเหมือนกับว่าถูกจับได้หลังจากที่ได้ทำเรื่องไม่ดีลงไป
ในตอนที่วิ่งผ่านร่างเฉียวจื้อออกไปนั้น เฉียวจื้อก็ยังมองเธอมาด้วยสีหน้าที่สนอกสนใจ
รอจนเธอออกไปแล้วนั้น เฉียวจื้อเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีออกมา
“ยู่ฉือเซิน นับวันนายจะทำให้ฉันทึ่งขึ้นมาเรื่อยๆเลยนะเนี่ย ลือกันว่านายไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรือไง? ผู้หญิงทุกคนที่ทอดสะพานให้นาย นายยังไม่มองเลยสักนิด มาวันนี้นายกลับ…”
เฉียวจื้อรู้สึกเหลือเชื่ออย่างมาก ส่ายหน้าออกไปพร้อมส่งเสียงจุ๊ปากออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย ว่านายจะคิดทำเหมือนกับคนอื่นเขาก็เป็นเหมือนกัน”
เย่โม่เซินยังคงอยู่ในท่าเดิม ได้ยินคำพูดนั้นแล้ว เขาก็เก็บมือกลับมา แล้วเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเย็นชา
ช่างน่าเสียดาย ยังไม่ทันได้มองแววตาของเธอให้ชัดเจน ก็ต้องปล่อยให้เธอหนีไปได้เสียแล้ว
กาแฟดื่มไปครึ่งหนึ่งแล้ว เย่โม่เซินก็ยกแก้วขึ้นมาจ่อเข้ากับริมฝีปาก
เฉียวจื้อก็รีบเดินเข้าไป มองไปยังเขาด้วยท่าทางจับผิดออกมา “จูบกันแล้ว?”
ท่วงท่าที่กำลังดื่มกาแฟของเย่โม่เซินนั้นชะงักไปเล็กน้อย โชคดีที่เขายังไม่ทันได้ดื่ม ไม่อย่างนั้น…ได้ยินคำพูดนั้นของเฉียวจื้อจะต้องสำลักออกมาแน่
หันหน้าออกไป มองร่างของเขาออกไปด้วยสายตานิ่งลึก
เนื่องจากเมื่อสักครู่เห็นเขาทำการต้อนสาวจนมุม ดังนั้นแล้วในตอนนี้ภาพจำที่เฉียวจื้อมีต่อเย่โม่เซินนั้นได้มองในจุดที่เขาเหมือนกับตน เห็นเขาเหล่มองตนมาอย่างเย็นชา ไม่เพียงจะไม่หวั่นกลัวออกมา แต่กลับยังก้าวเข้าไปข้างหน้า แสดงสีหน้าเล่นหูเล่นตาออกมา
“รู้สึกยังไงบ้าง?”
เย่โม่เซินเก็บสายตากลับมา ยกแก้วขึ้นมาแล้วนั่งลงไปบนเก้าอี้ เอ่ยเสียงเย็นออกไป “อย่าเอาความคิดสกปรกของนายมายุ่งกับฉันที่นี่”
เขาก้มหน้าลง แล้วจิบกาแฟเข้าไปคำนึง ปล่อยให้รสชาติของกาแฟไหลฟุ้งเข้าไปในปาก เอ่ยพูดเอื่อยๆออกไป “ฉันไม่เหมือนกับนาย”
เฉียวจื้อส่งเสียงจุ๊ปากออกมา “นายยังไม่เหมือนกับฉันอีกหรอ? นายอย่าเพิ่งพูดเลย เมื่อก่อนฉันก็เคยคิดว่านายไม่เหมือนกับฉันจริงๆถึงอย่างไรทั้งบริษัทแห่งนี้ไม่ว่าใครก็รู้ว่านายยู่ฉือไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิง ใครมาทอดสะพานให้นาย นายก็ไม่หันมองแม้แต่หางตา ฉันเองก็ยังเคยคิดว่านายจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่เมื่อกี้ฉันเห็นอะไรนะ? เห็นอะไรกันนะ???”
เฉียวจื้อนึกย้อนไปถึงเมื่อกี้ที่เห็นเขากอดรัดร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเอาไว้ทั้งยังเหมือนกับว่าจะโน้มตัวเข้าไปอีกด้วย จะจูบกันเห็นๆนี่?
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากของตัวเอง กลิ่นอายบนร่างของเขาเยือกเย็นขึ้นมาอย่างมาก
“นายมีธุระ?”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เฉียวจื้อก็รีบจริงจังขึ้นมาทันที พร้อมทั้งพยักหน้าออกมา “แน่นอนว่ามี นายก็รู้จักตาเฒ่าบ้านฉันใช่มั้ยล่ะ?”
เย่โม่เซินสงบเยือกเย็นไม่เอ่ยอะไรออกมา ก้มหน้ามองไปที่โน้ตบุ๊ค สีหน้านิ่งเรียบเย็นชาเหมือนราวกับว่าตรงหน้าไม่มีคนผู้นี้อยู่
“ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าบิดารักสนุกแค่ไหน ชอบสาวๆสวยๆมากแค่ไหน แต่ตาเฒ่านั่นยังบังคับยัดเยียดคู่หมั้นให้ฉันอีก ฉันให้คนไปช่วยฉันสืบแล้ว ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้น…หน้าตาไม่คู่ควรกับฉันเลยสักนิด อีกทั้งยังได้ข่าวมาว่านิสัยของเธอก็ยังเป็นพวกหัวรุนแรงอีก ผู้หญิงโหดเหี้ยมอย่างมาก ต่อไปถ้าต้องอยู่กับผู้หญิงคนนี้ ฉันจะไม่ถึงควบคุมแย่หรือไง?”
เย่โม่เซินไม่ได้สนใจเขา นิ้วมือเรียวบางกดลงไปบนแป้นพิมพ์ สีหน้ายังคงเรียบนิ่งดังเดิม
เฉียวจื้อก็เหมือนว่าจะชินกับท่าทางอย่างนี้ของเขาแล้ว จึงไม่ได้ว่าอะไรออกไป ระบายความทุกข์ในใจออกไปต่อ
“ฉันไม่มีทางตกลงแน่ แต่ตาเฒ่านั่นบอกว่าถ้าฉันไม่ไปล่ะก็ เขาจะระงับบัตรเครดิตของฉันทุกใบ ยู่ฉือเซิน นายรีบช่วยบิดาคิดหาวิธีหน่อยสิ”
“ยู่ฉือเซิน นายได้ยินมั้ยเนี่ย? รีบช่วยบิดาหาวิธีหน่อยสิ”
ยู่ฉือเซินเงยหน้าขึ้นไป สายตาเย็นชามองไปยังร่างของเขา เอ่ยออกไปอย่างไร้ความปรานี “ไสหัวไป”
เฉียวจื้อ “…”
แม่งเอ๊ย เขาคบเพื่อนแบบไหนกันเนี่ย?”
ในช่วงเวลาจำเป็น กลับไม่มีเลยแม้แต่หนทางเดียว
“เอาอย่างนี้มั้ย นายก็ไปเจอผู้หญิงคนนั้นแทนฉันสิ? ถ้าผู้หญิงคนนั้นเห็นนาย จะต้องหลงเสน่ห์นายเข้าอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ตาแก่นั่นก็จะไม่กดดันฉันแล้ว”
เย่โม่เซินยิ้มเย็นออกมา “คิดได้ดี”
เขาไม่ยอมช่วย เฉียวจื้อก็จนหนทาง โกรธสุดๆขึ้นมา ถือโอกาสนั่งลงไปบนโซฟาด้วยท่าทางสองขาไขว้กันเหมือนอย่างกับพวกนักเลงที่กำลังนั่งบนโซฟาที่บ้านของตัวเองไม่มีผิด
“ดี ในเมื่อนายไม่ยอมช่วย งั้นต่อไปฉันก็คงทำได้เพียงต้องอาศัยอยู่ที่ห้องทำงานนายอยู่อย่างนี้แล้ว ดื่มกินของของนาย ตาแก่ตัดบัตรเครดิตฉัน ฉันก็จะไปบ้านนาย เพราะถึงอย่างไรปู่ยู่ฉือก็ไม่มีทางไล่ฉันออกมาแน่”
“ตามใจนาย”
เย่โม่เซินยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ได้มีท่าทีที่สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด
เหมือนกับว่าสมบัติของบ้านยู่ฉือไม่ใช่ของเขาไม่มีผิด