บทที่766 เกินไปก็ไม่ดี
คำพูดอื่น?
หานมู่จื่อนึกย้อนอีกครั้ง
ดังนั้นแล้วภายในห้องเลขาก็ได้เกิดภาพเหตุการณ์อย่างนี้ออกมา
ผู้ช่วยเลขากำลังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางที่กำลังใช้ความคิด เลขาพี่หลินยืนจ้องผู้ช่วยของเธออยู่ข้างๆด้วยท่าทางที่อยากรู้อยากเห็น ท่าทางดูกังวลและอยากรู้เป็นอย่างมาก
“ว่าไง? มีคำพูดอื่นออกมาอีกหรือเปล่า?”
หานมู่จื่อได้สติกลับมา ก็ส่ายหน้าออกไปทันที “ไม่มีแล้วค่ะ”
“ไม่มีจริงๆหรอ?”
“ค่ะ ฉันทำความสะอาดขอบหน้าต่างเสร็จ ก็ออกมาเลย”
แน่นอนว่าเธอไม่ได้เอาเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทำงานนั้นบอกกับพี่หลินออกไป เรื่องเหล่านั้นที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ตัวเธอเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลย
พี่หลินก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง คิดว่าคำพูดเธอมันเกินจริงมากเกินไป จะเป็นไปได้ยังไงที่จะทั้งไม่อาละวาดและทั้งยังไม่ว่าอะไรออกมาเลย? ถึงแม้ว่ายู่ฉือเซินจะดำรงตำแหน่งมาได้ไม่นาน แต่ดูจากลักษณะนิสัยทั่วๆไปของเขาแล้วคิดว่าเขาไม่ใช่คนแบบนี้เลยนะ
แต่ท่าทางของหานมู่จื่อก็ไม่ได้มีอะไรที่ผิดออกไปเลย อารมณ์ก็ไม่ได้ดูแย่ออกมา สิ่งที่พูดออกมาก็เหมือนกับว่าจะไม่ใช่เรื่องโกหกเสียมากกว่า ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ เธอจึงต้องปล่อยตัวเธอไป
“งั้นก็เอาเถอะ เธอกลับไปทำงานต่อเถอะ”
“ค่ะ”
หลังจากที่หานมู่จื่อไปทำงาน พี่หลินก็หอบพาใจที่ต้องการคำยืนยันไปยังห้องทำงาน ประตูยังไม่ปิด แต่เธอก็ได้หยุดที่หน้าประตูแล้วเคาะออกไป
เย่โม่เซินเงยหน้าขึ้นมา แววตาอ่านยากของเขาหยุดอยู่ที่ร่างของเธอพอดี
เงียบสงบ ดูเร้นลับสงบนิ่งเหมือนกับหมาป่า ใช้สายตาที่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นมองมายังพี่หลิน พี่หลินรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทั่วทั้งแผ่นหลังอย่างไร้สาเหตุขึ้นมา เธอเดินเข้าห้องทำงานไปด้วยความขลาดกลัว
“คุณชายเซิน”
เย่โม่เซินเก็บสายตากลับมามองไปยังโน๊ตบุ๊คอีกครั้ง “พี่หลิน มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
พี่หลิน “?”
นี่เขาจะไม่ถามเธอเกี่ยวกับเรื่องการทำความสะอาดอีกงั้นหรอ? หรือว่ามันจะเป็นอย่างที่มู่จื่อบอกมางั้นหรอ คุณชายเซินไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมา? ทำไมถึงแปลกไปได้ขนาดนี้?
เธอรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ จุกอยู่ในลำคอ ใช้เวลาอยู่นานกว่าเธอจะหาเสียงของตัวเองเจอ
“เอ่อ คุณชายเซิน เรื่องการทำความสะอาดเมื่อเช้านี้…”
“อืม” เย่โม่เซินเอ่ยขัดเธอเสียงเรียบออกมา “จัดการเรียบร้อยแล้ว”
จัดการเรียบร้อยแล้ว? คำพูดที่พี่หลินเตรียมที่จะพูดออกไปจำต้องกลืนกลับลงไปโดยปริยาย และก็ไม่กล้าพอที่จะถามออกไปว่าจัดการไปยังไง ทำได้แค่เพียงคล้อยตามไปอย่างนั้น “ในเมื่อคุณชายเซินจัดการเรียบร้อยแล้ว งั้นก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ แต่เรื่องเมื่อเช้าฉันต้องขอโทษคุณชายเซินด้วยนะคะ เป็นเพราะฉันไม่ได้กำชับให้ชัดเจนไปก่อน จึงทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาอย่างนั้น ครั้งต่อไป…”
เย่โม่เซินเหมือนกับความทนฟังเธอพูดออกมาให้จบไม่ไหว จึงพยักหน้าออกมาเล็กน้อย เพื่อเป็นการรับรู้
พี่หลินมีหรือจะมองสีหน้าของเขาไม่ออก? เก็บคำพูดที่เตรียมจะพูดออกไปกลับไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกไปให้มากมายอีก “งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบ พี่หลินก็ผันร่างเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
เย่โม่เซินที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ตลอดเหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเงยหน้าขึ้นมองพี่หลิน เอ่ยเตือนเสียงเรียบออกไป “ตอนพี่หลินออกไป ก็ช่วยเอาของพวกนั้นออกไปด้วยแล้วกัน”
ของอะไร?
พี่หลินมองตามสายตาของเขาออกไป
กะละมังที่เอามาทำความสะอาดใบหนึ่ง
พี่หลิน “…”
นี่ นี่มันของที่มู่จื่อเด็กนั่นทิ้งเอาไว้?
และคุณชายเซินไม่เพียงจะไม่โกรธ แต่ยังบอกให้เธอถือโอกาสนี้ถือออกไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง?
พี่หลินรู้สึกว่าภายในใจของเธอมีความรู้สึกหลากหลายประดังกันเข้ามา แต่ก็ได้ตอบรับออกไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปแล้วก้มลงหยิบกะละมังใบนั้นขึ้นมา แล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน
*
หานมู่จื่อกำลังจัดเรียบเรียงข้อมูลอยู่ในห้องเลขา เนื่องจากตอนนี้เธอยังอยู่ในช่วงทดลองงาน อีกทั้งเพิ่งจะยังทำงานได้เพียงแค่สองวัน ดังนั้นแล้วงานที่ทำก็ล้วนแล้วแต่เป็นงานกระจุ๋มกระจิ๋มทั้งนั้น ไม่ต้องใช้สมอง
เธอเพิ่งจะจัดแยกหมวดหมู่เสร็จพี่หลินก็กลับมา จากนั้นก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว มองเธอพร้อมเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง “บอกฉันมาตามตรงเลยนะ เธอกับคุณชายเซินเป็นอะไรกัน?”
หานมู่จื่อ “???”
เกิดอะไรขึ้น?
หานมู่จื่อมองไปพี่หลินด้วยสีหน้างงงวย เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมหลังจากที่พี่หลินออกไปรอบนึงพอกลับมาก็ถามออกมาว่าเธอกับคุณชายเซินเป็นอะไรกัน?
หรือเธอกำลังสอบสวนตน?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ภายในใจของหานมู่จื่อก็เต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาทันที
แต่เพียงไม่นานก็สงบลงอีกครั้ง ว่ากันตามหลักแล้วด้วยกำลังของพี่หลิน ถ้าจะมาสอบสวนเธอล่ะก็ คาดว่าก็คงสอบสวนไม่ได้อะไรเลยสักอย่างเสียมากกว่า เพราะหานชิงได้จัดการให้เธอเรียบร้อยหมดแล้ว
ความลับที่เธอเป็นภรรยาของเย่โม่เซินไม่มีทางถูกเปิดเผยเร็วขนาดนี้
เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว หานมู่จื่อก็ได้เผยสีหน้าสงสัยมองไปยัง พี่หลิน “พี่หลิน หมายความว่าอะไรคะ?”
พี่หลินเห็นเธอแสดงสีหน้าสงสัยออกมา อีกทั้งยังแสดงท่าทางที่ดูจริงใจออกมา ไม่ว่าจะยังไงก็ดูเหมือนว่าตนได้เข้าใจเธอผิดไป
แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ ถ้าเธอไม่ได้เป็นอะไรกับคุณชายเซิน แล้วทำไมต้องช่วยเธอล่ะ?
เมื่อคิดดังนั้นแล้ว พี่หลินหรี่ตาลง เอ่ยออกไปด้วยท่าทางที่ทำราวกับว่าผู้ที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย “พี่หลินเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน มองออกได้ถึงการเกี่ยงงอนเล็กๆระหว่างพวกเธอสองคนมาตั้งแต่แรกแล้ว เธอคิดจะปิดบังพี่หลินงั้นหรอ?”
หานมู่จื่อเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยเจอคนที่อยู่ในวงการการค้า อีกทั้งก่อนหน้านี้เธอก็ได้สืบหาข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เมื่อเห็นพี่หลินใช้สีหน้าอย่างนั้นมองมายังเธอ ยิ่งทำให้รู้ได้เลยว่าเธอกำลังแสร้งตีสีหน้านิ่งขรึมออกมา
เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย เอ่ยเสียงหวานออกไป “พี่หลิน ถ้าฉันมีอะไรกับคุณชายเซิน แล้วฉันจะมาเป็นผู้ช่วยเลขาไปทำไมกันคะ? พี่หลินก็เป็นคนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนแล้ว ถ้าฉันกับคุณชายเซินมีอะไรในกอไผ่จริงๆ ทำไมฉันต้องมาอยากทำตำแหน่งผู้ช่วยเลขานี้อีกล่ะคะ? ต้องมาวิ่งวุ่นไปมา แล้วยังต้องมาตั้งใจเรียนรู้งานมากขนาดนี้ด้วย?
ฟังจากที่เธอได้พูดออกมาอย่างนั้นแล้ว เหมือนกับว่านี่ก็สมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน
ถ้าสามารถอยู่ข้างกายยู่ฉือเซินได้ ทำไมเธอจะต้องมาเป็นผู้ช่วยเลขาเล็กๆอย่างนี้กัน? ให้ยู่ฉือเซินจัดการหาตำแหน่งสบายๆให้เธอไม่ดีกว่าหรอ?
“คุณชายเซินเป็นโรครักสะอาด เพียงแค่ทำความสะอาดได้ไม่สะอาด ก็จะถูกเขาไล่ออกไปทั้งนั้น แต่กับเธอไม่มีแม้แต่จะอาละวาดออกมา?”
หานมู่จื่อ “…”
หานมู่จื่อได้ยินดังนั้นแล้วก็ตกอยู่ในภวังค์ขึ้นมาเล็กน้อย
จริงสิ ตอนที่เธอไปเธอเองก็ยังคิดว่าเย่โม่เซินจะไม่พอใจจนไล่เธอออกไปเสียแล้ว แต่กลับไม่
พี่หลินจะต้องคาดเดาขึ้นมาจากเรื่องนี้แน่ๆ
เธอจะต้องคิดหาวิธีหลุดรอดออกไป หานมู่จื่อกะพริบตาพร้อมทั้งเอ่ยเสียงหวานออกไป “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าทำไม อาจจะเป็นเพราะวันนี้คุณชายเซินอารมณ์ดีล่ะมั้งคะ? หรือไม่ฉันก็ค่อนข้างจะมีโชคอยู่บ้าง?
พี่หลิน “…”
ดูเหมือนว่านอกจากเหตุผลนี้แล้ว ก็คงหาเหตุผลอื่นไม่ได้อีกแล้ว?
เอาเถอะ บางทีโชค…ก็เป็นสิ่งที่สามารถเป็นจริงได้อย่างนึง
พี่หลินทำได้เพียงแค่ปลอบใจตัวเองอยู่อย่างนั้น จากนั้นเธอก็ไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดกับหานมู่จื่อต่อ จากนั้นก็ไปจัดการงานของตัวเอง
รอจนเธอเดินออกไป หานมู่จื่อก็ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา
เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆด้วย พี่หลินกำลังตีหน้านิ่งหลอกถามเธอ
หานมู่จื่อยกมือบีบตรงระหว่างคิ้ว จากนั้นก็กลับไปทำงานต่อ
ช่วงที่เหลือของวันก็สงบไร้ปัญหาเข้ามา ในระหว่างวันหานมู่จื่อก็ได้ชงกาแฟให้เย่โม่เซินไปสองสามแก้วแล้ว ส่วนพี่หลินก็เป็นคนคอยเอาไปให้เขาทีละแก้วๆ
สุดท้ายในตอนที่สั่งให้เธอชงอีกแก้วนั้น หานมู่จื่อก็พยายามลองนับดู ก็รู้สึกว่าวันนี้ทั้งวันเย่โม่เซินดื่มกาแฟไปเยอะมาก
เธอเลิกคิ้วสวยออกมา หมอนั่นเป็นอะไรของเขา?
“พี่หลิน คุณชายเซินเขา…ปริมาณกาแฟต่อวัน มันไม่มากไปหน่อยหรอคะ?” เก็บกลั้นไว้ไม่ไหวแล้วจริงๆ หานมู่จื่อจึงเอ่ยถามออกไป
พี่หลินชะงักไปแป๊บนึง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยออกมา
“ฉันเองก็คิดอย่างนั้น ปกติคนอื่นเขากินกันวันละสองสามแก้วก็เต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรถ้ามันมากเกินไปก็ไม่ดี” หานมู่จื่อพยักหน้าอย่างเห็นด้วยออกมา
“แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อก่อนปริมาณกาแฟต่อวันของเขาก็ปกติอยู่นะ ดูเหมือนว่าจะเพิ่งเพิ่มมากขึ้นมาเมื่อสองวันมานี้เอง หรือว่าตอนกลางคืนจะนอนไม่หลับกันนะ?”