บทที่777 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
เป็นเฉียวจื้อคนพาเธอไปที่บาร์เมื่อคืนนี้ และยังหลอกเธออีกด้วย
พอคิดได้ว่าตัวเองโดนผู้ชายต่างชาติทำให้ลำบาก เขายืนดูเปล่าๆแบบนั้น หานมู่จื่อโกรธมาก พอเห็นเฉียวจื้อก็หันหลังกลับทันที
“เฮ้เฮ้ อย่าพึ่งไป” เฉียวจื้อรีบวิ่งไปหยุดเธอ และมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพูดว่า “เธอยังโกรธฉันเรื่องเมื่อคืนอยู่ใช่ไหม?
หานมู่จื่อ:“……”
เห็นได้ชัดว่าเขาทำสิ่งที่มากเกินไป แต่ตอนนี้มันพูดออกมาจากปากของเขาราวกับว่าระหว่างพวกเขาสองคนจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกัน
เมื่อมองไปรอบๆหานมู่จื่อก็ขมวดคิ้วและดุว่า: “นายพูดบ้าอะไร?”
เฉียวจื้อถึงพบว่าทุกคนมองมาที่นี่ เขาไอเล็กน้อยและลดเสียงลง
“ฉันรู้ว่าตัวเองผิดไปแล้ว ฉันก็เลยรีบมาขอโทษเธอในเวลานี้?”
หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากสีชมพูของเธอและพูดอย่างเย็นชา: “ไม่จำเป็น”
จากนั้นเดินตรงผ่านเฉียวจื้อไปที่โรงอาหาร
พอดีมีคนตัวเล็กวิ่งเข้าหาเธอ พลางโบกแขนขณะวิ่ง “มู่จื่อ รอฉันด้วย”
เฉียวจื้อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเล็กน้อย เขาก็มองตามเสียงที่มาก็เห็นร่างที่เดินไปทางด้านนี้ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เฮ้ นี่ไม่ใช่สาวสวยที่ฉันพบในลิฟต์วันนั้นเหรอ?
“มู่จื่อ” หลังจากที่หลัวลี่วิ่งมา เธอก็จับมือหานมู่จื่ออย่างสนิทสนมทันที
หานมู่จื่อทำอะไรไม่ถูก เธอพบว่าหลัวลี่เป็นคนกันเองมาก แม้ว่าเธอจะไม่ชอบหลัวลี่ แต่……ก็ไม่ได้เกลียดพฤติกรรมของเธอ ดังนั้นก็ปล่อยเธอไป
เธอหันไปพยักหน้าให้หลัวลี่ “อือ ไปกินข้าว”
“อือ” หลัวลี่ตอบตกลงอย่างดีใจ ยังไม่ทันเห็นเฉียวจื้อ
เฉียวจื้อรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ตัวเองหล่อขนาดนี้ เดินไปไหนก็เป็นที่จุดสนใจ แต่ผู้หญิงสองคนนี้คนนึงสนใจเขา
อีกคนหนึ่งกลับมองไม่เห็นเขา เขายืนข้างทั้งสองคนเหมือนคนที่โปร่งใส
เฉียวจื้อผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็กลับมามีพลังอย่างรวดเร็ว มองหลัวลี่แล้วโบกมือให้เธอ: “ไง คนสวย พวกเราเจอกันอีกแล้ว”
หลัวลี่ถึงจะสังเกตเห็นมีคนยืนอยู่ข้างๆหานมู่จื่อ มองครั้งแรกก็รู้สึกคุ้นตา รูปลักษณ์ภายนอกของเฉียวจื้อดูหล่อเหลา ไม่ว่าเขาจะเปิดปากพูดหรือไม่ ดวงตาที่มีรอยยิ้มแฝงอยู่คู่นั้นทำให้คนมีความรู้สึกแบบแบดบอย
บวกกับครั้งก่อนที่เขาใช้คำพูดลวนลามหลัวลี่ในลิฟต์
ดังงั้นหลังจากที่หลัวลี่จำเขาได้ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที
จากนั้น เธอก็ทำเหมือนมองไม่เห็นเฉียวจื้อ และทำเป็นไม่ได้ยินที่เฉียวจื้อทักตัวเอง เธอดึงสายตากลับทันที
เฉียวจื้อ: “……”
อะไรกันเนี่ยผู้หญิงสองคนนี้
หานมู่จื่อกับหลัวลี่เดินไปทางโรงอาหารแล้ว เฉียวจื้อนึกเรื่องเมื่อคืนออก รู้สึกว่าถ้าวันนี้ไม่ได้รับการให้อภัยจากเธอ วันต่อๆไปของเขาคงจะอยู่ยากขึ้น
พอคิดถึงนี่ เฉียวจื้อรีบตามไปทันที เดินลังเลอยู่ข้างหลังหานมู่จื่อ
“พี่สะใภ้ เธออย่าโกรธเลยนะ เมื่อคืนฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ และ……ฉันก็ไม่ได้หลอกเธอไม่ใช่เหรอ?”
หานมู่จื่อที่อยู่ข้างหน้าหยุดเดินทันที เธอเลิกคิ้วและยืนอยู่ตรงนั้น
“พี่สะใภ้?”
“ใช่ไง” เฉียวจื้อยิ้มกว้างๆให้เธอ “เธอไม่ใช่อยู่กับพี่เซินเหรอ? งั้นเธอก็คือพี่สะใภ้ไง”
หานมู่จื่อ: “……ใครบอกว่าฉันอยู่กับเขา?”
ใช่อยู่ว่าเมื่อก่อนเธอกับเย่โม่เซินอยู่ด้วยกัน แต่ว่าตอนนี้เย่โม่เซินจำเธอไม่ได้ ถ้าเฉียวจื้อพูดจาเหลวไหลต่อหน้าเธอก็ยังดี แต่ถ้าเขาไปพูดจาเหลวไหลแบบนี้ต่อหน้าเย่โม่เซินล่ะ?
ถ้าถึงตอนนั้น หน้าของเธอจะเอาหรือไม่เอาแล้ว?
ไม่ได้ แบบนี้ไม่ได้
เฉียวจื้อเห็นใบหน้าของหานมู่จื่อเคร่งเครียด เขาก็เกาหัวด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่เหรอ? เมื่อคืน……ยู่ฉือเซินไม่ใช่มาช่วยเธอเหรอ?”
หลัวลี่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกว่าตัวเองได้ยินข่าวที่ใหญ่มาก ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ เธอก็ไม่อยากขัดจังหวะ ได้แต่กระพริบตายืนฟังอยู่ตรงนั้น
“เขามาช่วยฉันเป็นเพราะว่านายพาฉันไปที่นั่น นายไม่เข้าใจเหรอ? แล้วก็นายเป็นผู้ชายไหม? หลังจากพาฉันไปที่แบบนั้นแล้วก็ยืนอยู่เฉยๆ? หานมู่จื่อยิ้มเย็นๆ สายตาที่มองเฉียวจื้อเต็มไปด้วยเยาะเย้ย
สายตาแบบนี้ทำให้เฉียวจื้ออึดอัด เขาจึงเกาหัวแรงขึ้น
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ตอนนั้นฉันอยากไปช่วยเธอ แต่ยู่ฉือเซินก็มาแล้ว……แต่ว่าฉันยอมรับว่าเมื่อวานฉันจงใจพาเธอไปที่นั่น ฉันรู้แต่แรกว่ายู่ฉือเซินจะมา แต่ฉันก็ไม่คิดว่าชายชาวต่างชาติคนนั้นจะกล้าขนาดนั้น ผู้หญิงของยู่ฉือเซินเขายังกล้า……”
ระดับเสียงของเขาไม่เบา ทำให้ดึงดูดผู้คนให้หันมาดู จากนั้นก็มีเสียงกระซิบขึ้นมา
หานมู่จื่อ: “นายพูดพอหรือยัง? ถ้าพอแล้วก็หลีกไป ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเที่ยงของพวกเรา ฉันทำงานมาทั้งเช้าและเหนื่อยมาก ต้องการพักผ่อน”
เฉียวจื้อเห็นว่าดวงตาของเธอแดงก่ำ แถมสีหน้าก็ไม่ค่อยดี หรือว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน?
พอคิดถึงนี่ เขารู้สึกผิดกว่าเดิม ได้แต่พยักหน้า: “ก็ได้ งั้นพวกเธอไปกินข้าวก่อนเลย ฉันไม่รบกวนแล้ว”
รอเธอกินข้าวเสร็จ พักผ่อนเสร็จ เขาค่อยไปขอให้เธอยกโทษให้ก็ได้
เฉียวจื้อก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ หานมู่จื่อและหลัวลี่ก็มาถึงโรงอาหารอย่างราบรื่น
ทั้งสองคนซื้อข้าว และหลังจากนั่งลงไม่นาน หลัวลี่อดไม่ได้ที่จะกัดตะเกียบ ก็ถามออกไปอย่างเม้าท์มอย
“คือ……มู่จื่อ ฉันสามารถถามได้ไหม?”
มือของหานมู่จื่อหยุดเคลื่อนไหว แล้วเงยหน้ามองอีกฝ่าย
หลัวลี่ก็โบกมือแล้วพูด: “เอ่อถ้าเธอไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด เธอก็คิดซะว่าฉันไม่ได้ถามอะไร”
หานมู่จื่อก็พูดอย่างจนใจ :”ก็อย่างที่เธอได้ยินเมื่อกี้ อย่างอื่น……ฉันไม่มีอะไรจะพูด”
“ห่ะ?” หลัวลี่เบิกตากว้าง ขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วพูดเสียงเบาๆ “หรือว่า เธอคบกับประธานของพวกเราเหรอ?”
“ไม่ใช่” หานมู่จื่อส่ายหน้าปฏิเสธ
เธอกับเย่โม่เซินคบกันที่ไหน พวกเขาเกือบจะได้จัดงานแต่งงานแล้ว แต่ว่าวันนั้นเขาไม่ได้มา แค่เกิดอุบัติเหตุมา
โชคชะตาช่างเล่นตลกจริงๆ
ไม่ใช่? หลัวลี่อยากรู้มาก แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองรู้เรื่องที่เหลือเชื่อมาก เธอก็รีบเอามือปิดปากของตัวเองไว้ จากนั้นค่อยปล่อยมือ
“เธอวางใจได้มู่จื่อ ฉันกับเธอเป็นคนจีนเหมือนกัน ฉันจะปิดความลับของเธอไว้ดีๆ”
เห็นท่าทีแบบนี้แล้วทำให้หานมู่จื่ออดขำไม่ได้
“อะไร เธอก็ทำเป็นไม่รู้ก็พอแล้ว”
“อืมอืม วันนี้ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้นและไม่ได้ยินอะไร เธอวางใจได้”
และเฉียวจื้อที่เสียเปรียบที่หานมู่จื่อ ก็ไปหาเย่โม่เซินเลย