บทที่783 รอฉันนานหรือเปล่า
วันถัดมา หานมู่จื่อไปยังร้านซักรีดเพื่อไปรับสูท
พนักงานซักรีดได้ช่วยเธอในการรีดสูทได้อย่างง่ายดาย ไม่มีรอยยับบนชุดสูท เมื่อหานมู่จื่อมองมันก็รู้สึกอารมณ์ดี และเธอจะได้ไม่ต้องลงมือทำมันเอง
แต่ว่า…
เมื่อหานมู่จื่อนึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่เย่โม่เซินพูดกับเธอในห้องทำงานในวันนั้น
เขาถามเธอ ไม่รู้เหรอว่าเขารักความสะอาด? ชุดสูทไม่ต้องการอีกแล้วและให้เธอทิ้งไป
ในเมื่อเขารักสะอาดขนาดนั้นแล้วทำไมต้องเอาสูทมาคลุมให้เธอ?
นึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้าที่เขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำ เขากอดเธอจูบเธอในช่วงเวลานั้นไม่เห็นจะรักความสะอาดเลย
ไม่คาดคิดว่าครั้งนี้จะแตกต่างจากที่ผ่านมา เธอกลับถูกรังเกียจเช่นนี้
หานมู่จื่อถอนหายใจอย่างหนัก หลังจากที่คิดไปคิดมาเธอก็หยิบชุดสูทออกจากถุงและแขวนมันไว้ในตู้เสื้อผ้าของเธอ
ช่างเถอะ
เขาไม่ต้องการชุดสูทแล้ว ถ้าเช่นนั้นมันก็โอเคแล้วสำหรับเธอ เธอแขวนสูทเอาไว้ในส่วนที่เด่นที่สุดในตู้เสื้อผ้า ในทุกๆวันที่แต่งตัวก็สามารถมองเห็นมัน
เห็นชุดสูทของเขาก็ต้องนึกถึงเขา อารมณ์ก็จะดีในทุกๆวัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ริมฝีปากสีแดงของหานมู่จื่อก็โค้งงอเล็กน้อย
ติ๊งต่อง
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น เป็นเสียงเตือนข้อความของวีแชท
วันนี้วันอาทิตย์ ใครกันที่ส่งวีแชทหาเธอ?
หานมู่จื่อปิดประตูตู้เสื้อผ้าจากนั้นก็เดินมาหยิบโทรศัพท์
เป็นข้อความที่ส่งมาโดยคนในวีแชทที่มีชื่อว่าจื้อจื้อตัวน้อย รูปโปรไฟล์ของเขานั้นเป็นกระต่ายน้อยเทอะทะที่สวมกางเกงตัวใหญ่และมีแครอทอยู่บนหัวของมัน
หานมู่จื่อจ้องมองอยู่นานก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าคนคนนี้คือใคร
เฉียวจื้อ
ชื่อนี้คือชื่อที่เธอได้ยินจากปากคนอื่น แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะตั้งชื่อบัญชีวีแชทของเขาว่าจื้อจื้อตัวน้อย….เขาอาจจะเมาแล้ว
หานมู่จื่อกดเข้ามาในข้อความและอ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาให้เธอ : พี่สะใภ้
เมื่อเห็นการเรียกเช่นนี้ ริมฝีปากของหานมู่จื่อก็โค้งงอโดยไม่รู้ตัว
จื้อจื้อตัวน้อย : พี่สะใภ้ อรุณสวัสดิ์ คุณอยู่ไหม?
หานมู่จื่อค่อยๆจิ้มหน้าจอและตอบเขา : มีอะไรหรือเปล่า?
จื้อจื้อตัวน้อย : วันนี้คุณมีแผนจะไปไหนไหม ออกมาเจอกันพูดคุยกับพี่สะใภ้เรื่องยู่ฉือเซินเป็นไง? วันนั้นที่อยู่ในห้องเลขา จู่ๆยู่ฉือเซินก็โผล่มาขัดบทสนทนาเรา หลังจากนั้น … ดูเหมือนว่าเขาจะฟ้องปู่ของฉันอีกครั้ง เป็นผลให้ฉันถูกกักตัวและในวันนี้ฉันก็หลุดพ้นออกมาได้
หานมู่จื่อ : ……..
จื้อจื้อตัวน้อย : เมาท์มอยไม่มากมายหรอก พี่สะใภ้ส่งที่อยู่คุณมาให้ฉันเร็ว ฉันจะไปรับ
หานมู่จื่อ : มีอะไรจะคุยก็แชทคุยกันในนี้ก็ได้ ทำไมต้องเจอหน้ากัน?
ต้องบอกว่าตอนนี้เธอยังคงระวังตัวกับเฉียวจื้อ และเธอยังไม่ลืมเรื่องราวที่บาร์ในวันนั้น ใครจะรู้หลังจากที่เขาวิ่งไปแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
เฉียวจื้อเงียบไปชั่วครู่และคอลวิดีโอหาเธอ
หานมู่จื่อลังเลอยู่ชั่วขณะจากนั้นเธอก็กดรับ
ไม่นานนัก หานมู่จื่อก็เห็นการปรากฏตัวของเฉียวจื้อทางโทรศัพท์ ในกล้องเขาแสดงสีหน้าเจ็บปวดและอยากร้องไห้ : “พี่สะใภ้ คุณยังไม่ให้อภัยฉันและยังจดจำเรื่องราวในคืนนั้นอยู่ใช่ไหม? วันนั้นฉันเองไม่ได้ตั้งใจและคุณเองก็ตกลงแล้วว่าจะให้อภัยฉัน”
“อื้อ” หานมู่จื่อพยักหน้า
ดูเหมือนเฉียวจื้อจะมองเห็นความหวัง เขามองไปที่เธอด้วยความกระตือรือร้น “งั้น ฉันไปหาคุณได้ไหม?”
หานมู่จื่อไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงวอแวกับการจะมาหาเธอนัก แต่ท่าทางเขานั้นดูไม่มีเจตนาร้ายอะไร เธอจึงถามเขาอย่างตรงไปตรงมา : “คุณบอกมาก่อนว่ามีเรื่องอะไร”
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับยู่ฉือเซิน วันนั้นไม่ใช่ว่าคุณอยากรู้เกี่ยวกับว่ายู่ฉือเซินถูกนำตัวกลับมายังบ้านยู่ฉือได้อย่างไรหรอกหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานมู่จื่อก็นึกออกว่าวันนั้นเธอเป็นคนถามเขา เรื่องนี้สำหรับเธอแล้วนั้นสำคัญมากดังนั้นเธอจึงพยักหน้า
“ใช่ ฉันอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณ….” เธอคิดอย่างถี่ถ้วนว่าจะบอกที่อยู่ของเธอกับเฉียวจื้อตรงๆเลยจะเหมาะสมหรือไม่ เธอนึกขึ้นได้ว่าไม่ไกลจากบ้านของเธอนั้นมีร้านกาแฟอยู่ดังนั้นเธอจึงบอกชื่อของร้านกาแฟนั้นไปและนัดพบเขาที่นั่น
“ร้านกาแฟอะไรนะ?” เฉียวจื้อลูบผมของเขา “เหมือนกับว่าฉันไม่เคยได้ยินสถานที่นี้มาก่อนเลย ร้านนี้อยู่ใกล้เธอหรือเปล่า?”
“ใช่”
“งั้นพี่สะใภ้คุณไปก่อนเลย พอคุณถึงแล้วส่งโลเคชั่นให้ฉันแล้วฉันจะรีบไปในทันที”
หานมู่จื่อตอบตกลงจากนั้นก็เก็บของและตรงไปยังร้านกาแฟ
เมื่อถึงร้านกาแฟแล้วเธอก็ส่งโลเคชั่นไปให้เฉียวจื้อ และเฉียวจื้อก็บอกว่าเขาจะมาในไม่ช้า
ระหว่างรอหานมู่จื่อได้สั่งน้ำผลไม้และนั่งรอเฉียวจื้อ
ไม่นานนักเฉียวจื้อก็มาถึง เขาเห็นหานมู่จื่อและรีบก้าวเท้ายาวๆเข้ามาเขานั่งลงและยิ้มกว้าง
“พี่สะใภ้ รอฉันนานหรือไม่?”
หานมู่จื่อมีท่าทางเกร็งและตอบเบาๆ “หลังจากนี้คุณอย่าเรียกฉันว่าพี่สะใภ้ได้ไหม ถ้าคนอื่นได้ยินเข้ามันจะดูไม่ดี”
“พี่สะใภ้ไม่เป็นไรหรอก มีแค่เราสองคนฉันถึงจะเรียก หากว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย ฉันจะควบคุมตัวเองได้แน่นอน”
“…..ฉันแค่กลัวว่าคุณจะเรียกจนชินปาก ดังนั้นเปลี่ยนเถอะ เรียกฉันว่ามู่จื่อก็ได้”
“โอ๊ะ” เฉียวจื้อแสดงสีหน้างุนงงแล้วปิดริมฝีปาก “นี่มันไม่ค่อยจะดีหรือไม่?”
หากว่าเรียกชื่อเธอตรงๆแล้วหากว่ายู่ฉือเซินได้ยินเข้า เขาจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร?
“นี่ไม่ได้ ฉันไม่สามารถเรียกชื่อคุณได้หรอก”
“….”
“พี่สะใภ้น่ะดีแล้ว ฉันมีลางสังหรณ์ว่าคุณจะได้คบกับยู่ฉือเซินอย่างแน่นอน”
“ช่างเถอะ มันเป็นแค่การเรียกชื่อเท่านั้นไม่สำคัญอะไรมากมาย แต่…”
หานมู่จื่อลังเลอยู่ชั่วขณะและอดที่จะถามไม่ได้ “ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะได้คบกับเขาอย่างแน่นอนล่ะ?”
เมื่อถูกเธอถามเช่นนี้ ทันใดนั้นเฉียวจื้อก็มีปฏิกิริยา ใช่สิ ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่า คุณปู่ยู่ฉือ จะยัดเยียดคู่หมั้นให้กับยู่ฉือเซินอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดการแต่งงานในครอบครัวใหญ่ของพวกเขาก็เป็นเช่นนี้และพวกเขาไม่สามารถควบคุมอะไรได้
“เพราะ ฉันคิดว่าคนอย่างยู่ฉือเซิน นั้นไม่ใช่คนที่จะอะไรก็ได้ตามคนอื่นเขา”
“หมายความว่าอย่างไร?” หานมู่จื่อหรี่ตา “อะไรก็ได้ตามคนอื่น? คุณกำลังหมายถึง… นายท่านยู่ฉือหรือ?”
เฉียวจื้อกระแอมเบาๆ “ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้บอกคุณใช่ไหม ยู่ฉือเซินนั้นถูกคุณปู่ยู่ฉือพบและนำตัวกลับมา วันหนึ่งพวกเขาไปทะเลและพาเขากลับมา ฉันรู้สิ่งเหล่านี้จากปู่ของฉัน แต่นำกลับมาอย่างไรนั้นฉันเองก็ไม่รู้”
หานมู่จื่อพยักหน้า ดูเหมือนว่าเย่โม่เซินนั้นจะเครื่องบินตกในเวลานั้นและบังเอิญไปพบเข้ากับคนของบ้านยู่ฉือพอดี เช่นนี้ถึงได้นำตัวกลับมา?
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลานั้น แต่หานมู่จื่อเองก็คาดการณ์ไว้เช่นนี้
“เขามีบุคลิกที่แปลกมาก เขาค่อนข้างหลีกเลี่ยงผู้หญิง มีผู้หญิงมากมายอยากใกล้ชิดเขาและเขาไม่ได้สนใจเลย แต่คุณเป็นคนแรกที่ฉันเห็นว่ายู่ฉือเซินนั้นจ้องมองและกลางคืนดึกดื่นก็รีบไปช่วยคุณ คุณว่าไงล่ะที่ฉันคิดว่าพวกคุณอาจจะลงเอยกัน? แต่คุณบอกอะไรฉันหน่อยได้หรือเปล่า คุณเองก็ชอบยู่ฉือเซินจริงๆใช่ไหม?”