บทที่784 คนที่อยู่ก้นลึกภายในใจของฉัน
ชอบยู่ฉือเซินจริงๆใช่ไหม?
หานมู่จื่อไม่รู้จะตอบคำถามนี้อย่างไร ระหว่างเธอและเย่โม่เซิน…มันไม่ควรจะเป็นเพียงคำถามว่าชอบหรือไม่ชอบ
ถ้าหากว่าจะลงลึกถึงคำถามนี้แล้วนั้น ก็คง…
หานมู่จื่อยิ้มเบาๆ “ไม่ใช่ว่าชอบ”
เฉียวจื้อเบิกตากว้าง “ไม่ชอบหรือ?”
บ้าอะไรกัน หรือว่าเขาจะหูเพี้ยนหรือยังไง??
“เขาคือคนที่อยู่ก้นลึกภายในใจของฉันเลยล่ะ”
ในขณะที่เฉียวจื้อกำลังคิดว่าตัวเองนั้นคิดผิดไปอย่างมาก ประโยคถัดมาของหานมู่จื่อทำให้เขาอดที่จะเบิกตากว้างไม่ได้เลย
“อะ อะไรนะ…คนที่อยู่ก้นลึกภายในใจ? คุณ คุณมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อยู่ฉือเซินงั้นหรือ?”
ไม่ นี่ไม่ใช่
เฉียวจื้อหรี่สายตามองไปยังหานมู่จื่อที่อยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเขา แต่เมื่อเธอพูดแบบนี้น้ำเสียงของเธอนั้นดูโล่งและหนักแน่น แววตาของเธอดูเหมือนจ้องมองเขาแต่กลับไม่มีเขาอยู่ในสายตาของเธอ เห็นได้เลยว่าตอนนี้จิตใจของเธอนั้นได้ล่องลอยไปไกลแล้ว
สำหรับสถานที่ที่ห่างไกลนั้น เฉียวจื้อเขาเดาว่าตัวเขาเองสามารถเดาได้ว่ามันคือที่ไหน
“แฮ่มแฮ่ม” เฉียวจื้อกระแอมสองครั้งเรียกสติของหานมู่จื่อกลับมา “งั้นพี่สะใภ้ คุณ…เคยรู้จักยู่ฉือเซินมาก่อนใช่ไหม?”
คำพูดเหล่านี้ทำให้หานมู่จื่อกลับมามีสติสัมปชัญญะ แต่คิดได้ว่าคำพูดเมื่อกี้อาจทำให้เฉียวจื้อนั้นพบเบาะแสอะไรบางอย่าง?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เธอก็กลับมายิ้มอีกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายค้นพบอดีตของเธอ เธอจึงแก้ไขสถานการณ์ต่อเฉียวจื้อ
“อะไรกัน? ต้องรู้จักกันนานหรือถึงจะได้เข้ามาอยู่ภายในจิตใจ? ฉันอาจจะตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบ เป็นความรักที่มีกันมาแต่ชาติปางก่อนไม่ได้หรือไง?”
เฉียวจื้อ “…..”
ผู้หญิงสมัยนี้เขาเป็นกันอย่างนี้หรือ?
เฉียวจื้ออดไม่ได้ที่อยากจะสำลักออกมา “ทำไมไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิบัติกับฉันแบบนี้?” หลังจากที่เขาพูดแบบนั้นเขาก็เอื้อมมือไปแตะใบหน้าของเขา “เป็นเพราะฉันยังหล่อไม่พองั้นเหรอ?”
หานมู่จือถอนหายใจด้วยความโล่งใจเมื่อมองไปที่อีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะไม่เคลือบแคลงอะไร เธอแก้ไขสถานการณ์ได้ใช่ไหม?
โชคดีที่เฉียวจื้อนั้นดูเหมือนไม่ได้คิดมากอะไร
ถ้าหากว่าฉลาดกว่านี้หน่อยก็คงจะเคลือบแคลงและสงสัยเธอ
เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วหานมู่จื่อก็กล่าวอย่างอ่อนโยน “เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตาด้วย อีกอย่าง หากว่ามีผู้หญิงมาตกหลุมรักคุณแบบนี้ขึ้นมา คุณจะไม่รู้สึกว่ามันน่ารำคาญหรอกเหรอ?”
เมื่อหานมู่จื่อพูดแบบนี้เฉียวจื้อก็พยักหน้าเห็นด้วย “ที่พูดก็จริง หากว่ามีผู้หญิงมาทำแบบนี้กับฉัน ฉันเองก็คงรับไม่ได้ เพราะฉันเป็นคนที่ใฝ่หาอิสระและความงาม ถ้าไม่ใช่ว่าเธอชอบยู่ฉือเซินอยู่หรอกนะ ไม่งั้นฉันรุกเธอแน่”
หานมู่จื่อ “……..”
เฉียวจื้อเห็นว่าเธอพูดไม่ออกจึงรีบกลบเกลื่อน “แน่นอน รุกที่ฉันพูดถึงไม่ใช่รุกแบบนั้นหรอก แล้วก็พี่สะใภ้ คุณชอบยู่ฉือเซินแล้ว ฉันจะไม่ลงมือจัดการคุณหรอก สบายใจได้”
“……..”
ทั้งสองนั่งอยู่ในร้านกาแฟสักพักหนึ่งและเฉียวจื้อก็กล่าวว่าเขาหิวและบอกว่าจะเลี้ยงอาหารเที่ยงหานมู่จื่อ
หานมู่จื่อครุ่นคิด เขามาตั้งไกลเพื่อที่จะพูดเรื่องราวเหล่านี้กับเธอและไม่ได้คิดร้ายอะไรเธอจึงกล่าว “ช่างเถอะ ฉันเลี้ยงคุณแล้วกัน”
“จริงเหรอ? งั้นฉันจะเลือกร้านสุดหรู คุณจะหมดตัวเลยหรือเปล่า?”
หานมู่จื่อไม่มีอะไรจะพูด
“สบายใจเถอะ ฉันไม่ได้ล้มละลายง่ายๆแบบนั้น”
บางทีเฉียวจื้อเขาอาจคิดว่าเธอเป็นเพียงพนักงานตัวน้อย ไม่มีเงินเดือนมากมายขนาดนั้นดังนั้นจึงกลัวเธอหมดตัว
แน่นอนว่าหลังจากที่เธอคิดแล้วเฉียวจื้อก็พูดพึมพำ “จะไม่หมดตัวจริงๆหรือ? คุณเพิ่งเข้ามาฝึกงานไม่ใช่เหรอ? เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไรนี่ อาหารของฉันในหนึ่งมื้อจะเกินเงินเดือนครึ่งเดือนของคุณหรือไม่? ”
เมื่อเขาพูดอย่างนั้น หานมู่จื่อก็เปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว “ก็จริง งั้นเรากินอะไรแบบถูกๆดีกว่า”
เฉียวจื้อ “ให้ตาย!”
ในที่สุดเฉียวจื้อก็พาเธอไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลังจากผ่านประตูเข้าไปหานมู่จื่อก็พบว่าการตกแต่งของร้านนี้เหมาะกับรสนิยมของเธอเป็นอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงมองไปรอบๆอยู่หลายครั้ง เฉียวจื้อคิดว่าเธอกำลังศึกษาคุณภาพของร้านอาหารและรีบอธิบาย “คุณสบายใจได้ วันนี้มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง ครั้งหน้าคุณค่อยเลี้ยงฉันกลับ”
หานมู่จื่อกล่าวในใจ ฉันจ่ายได้
แต่เห็นว่าเขาพูดมาหลายครั้งและยังไม่อยากจะบอกกล่าวเขาในเวลานี้
ทั้งสองขึ้นไปยังชั้นบนและนั่งในห้องวีไอพี หานมู่จื่อเดินตามเฉียวจื้อเข้าไปในห้องวีไอพี “แค่เพียงอาหารเที่ยง ทำไมต้องจองห้อง?”
“ห้องวีไอพีมีไว้ทำธุระคุณไม่รู้เหรอ? คุณคิดว่าฉันจะชวนคุณมาทานอาหารเที่ยงหรือ?”
หานมู่จื่อ “????”
เฉียวจื้อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ “ฉันสร้างโอกาสให้คุณกับยู่ฉือเซิน เดี๋ยวฉันจะส่งข้อความหาเขา”
หานมู่จื่อคิด คนคนนี้เขาทำเป็นเล่นดีจริง
แต่อย่างไรก็ตามปรากฏว่ามิตรภาพของเธอกับเฉียวจื้อเป็นไปในทางที่ดี เขากระตือรือร้นกับผู้คนมากและสายตาของเขาก็ชัดเจน เหมือนกับว่าเขาไม่มีจิตใจที่เลวร้ายเลย เขามักจะจับคู่เธอกับเย่โม่เซินอยู่เสมอ
เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอและเย่โม่เซินก็เจอกันบ่อยครั้งมากกว่าเมื่อก่อน
แต่เพียง…ความกังวลของหานมู่จื่อคือ เขาดูเหมือนกับว่า…เขาไม่มีท่าทีประทับใจอะไรเลย
หรือว่าเธอไม่ใช่คนที่เขาคุ้นเคย? ทำไมเขาไม่มีทางที่ประทับใจหรือตอบโต้อะไร? ไม่ใช่ว่าคนที่เสียความทรงจำจะมีอาการตอบโต้ต่อคนที่เคยเป็นคนคุ้นเคยหรอกหรืออย่างไร?
หรือว่า…เธอใช้วิธีการที่ผิดวิธี?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หานมู่จื่อก็ตกสู่ห้วงแห่งความคิด หลังจากที่เฉียวจื้อนั่งลงและเห็นหานมู่จื่อจมอยู่ในภวังค์เขาก็แอบถ่ายรูปของเธอและฉากหลังของร้านอาหาร หลังจากการถ่ายภาพและส่งแต่งให้หานมู่จื่อเล็กน้อย เขาก็โพสต์ลงหน้าไทม์ไลน์และตั้งค่าให้ยู่ฉือเซินเห็นเท่านั้นพร้อมกับเขียนข้อความว่า นัดสาวสวยทานมื้อเที่ยง
แน่นอนว่าเขารู้ดีว่ายู่ฉือเซินจะไม่ไปดูตรงหน้าไทม์ไลน์ ดังนั้นเขาจึงส่งข้อความไปในวีแชทของเย่โม่เซิน
จื้อจื้อตัวน้อย : ยู่ฉือเซิน ไปดูหน้าไทม์ไลน์ฉันสิ
หลังจากรอประมาณหนึ่งนาทีเขาก็ตอบกลับ
“ไสหัวไป”
เมื่อเห็นคำนี้ ก็ยิ้มออกมา เขาหัวเราะเบาๆสองครั้งและพิมพ์ต่อไป
จื้อจื้อตัวน้อย : ไปดูเร็ว มีเรื่องน่าประหลาดใจและเป็นประโยชน์กับคุณ
อีกฝ่ายนั้นไม่สนใจเขา เห็นได้ชัดว่าเขาดูถูกพฤติกรรมที่น่าเบื่อของเขา
เฉียวจื้อมีความเอนเอียงภายในใจ คนคนนี้ไม่ได้สนใจในเกมไพ่ของเขาดังนั้นจึงต้องใช้กลอุบาย
เขาจึงส่งรูปในไทม์ไลน์ให้กับยู่ฉือเซินโดยตรง และครั้งนี้อีกฝ่ายตอบกลับ แต่มีเพียงเครื่องหมายคำถามเท่านั้น
แม้ว่าจะเป็นเพียงเครื่องหมายคำถาม แต่เฉียวจื้อก็รู้สึกว่ามีเนื้อหามากมายในเครื่องหมายคำถามนี้
สามารถทำให้ยู่ฉือเซินเกิดความสงสัย เขานี่มีพรสวรรค์จริงๆ!
เฉียวจื้อพิมพ์ข้อความอย่างตื่นเต้น
จื้อจื้อตัวน้อย : นัดสาวสวยมาทานมื้อเที่ยง อิจฉาไหม?
หลังจากส่งประโยคนี้ไปแล้ว เฉียวจื้อก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“คุณเป็นอะไร?” หานมู่จื่อมองเขาที่หัวเราะกับโทรศัพท์และอดที่จะถามไม่ได้
เฉียวจื้อได้สติกลับมาและรีบส่ายหน้า “ไม่มีอะไร เมื่อกี้เห็นข้อความที่ตลกๆก็แค่นั้น”
“อ่อ”
ดังนั้นทั้งสองจึงเงียบลงอีกครั้ง หานมู่จื่อรู้สึกเบื่อและหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา
นี่คือข้อเสียของการกินข้าวกับคนที่ไม่คุ้นเคย พวกเขาสองคนไม่มีอะไรจะคุยกันและเมื่อเวลาเงียบทั้งคู่ก็จะอึดอัด
ถ้าหากว่าไม่ใช่มองว่าเฉียวจื้อช่วยเหลือเธอ เธอเองก็ไม่คิดอยากจะออกมา..