บทที่786 มีอะไรผิดปกติ
หานมู่จื่อมองไปที่ ตวนมู่เจ๋อที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยความประหลาดใจ รู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติ ไม่ใช่ว่าคนตรงหน้าผิดปกติแต่เหมือนกับว่าคนตรงหน้านั้นผิดปกติ
หลังจากที่เธอตระหนักและรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ตวนมู่เจ๋อก็เปิดก๊อกน้ำตรงหน้าของเขา ใบหน้าของเขาสงบและล้างมือตามปกติ เขาเตือนเธออย่างขบขัน
“ใช่แล้ว นี่ห้องน้ำผู้ชาย เธอแน่ใจเหรอว่าจะไม่ออกไป?”
โหวง———–
ใบหูของหานมู่จื่อเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันทีและเลือดเธอก็พุ่งขึ้นจากฝ่าเท้าของเธอ เธอหันศีรษะและเห็นผู้ชายหลายคนยืนอยู่ข้างโถปัสสาวะจับกางเกงของพวกเขาอย่างประหม่าและมองเธอด้วยความประหลาดใจ
หานมู่จื่อ “…………..”
ด้วยความรีบร้อน เธอวิ่งเข้าไปในห้องของผู้ชายจริงๆ
“ขอโทษด้วย!!” หานมู่จื่อทั้งอายทั้งร้อนรน เธอกล่าวขอโทษจบและรีบหมุนตัวออกไป
ถัดจากห้องน้ำผู้ชายคือห้องน้ำของผู้หญิง หลังจากหานมู่จื่อออกมาจากห้องน้ำชายแล้วเธอก็ตรงไปยังห้องน้ำผู้หญิงเพื่อทำความสะอาดตัวเองหลังจากที่ตรวจสอบลมหายใจของตัวเองว่าดีขึ้นแล้ว หานมู่จื่อจึงเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากและล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า
ไปหาพนักงานเพื่อขอน้ำล้างปากสักแก้วดีกว่า หานมู่จื่อคิด
แต่หานมู่จื่อไม่คาดคิดว่าในทันทีที่เธอเดินออกจากห้องน้ำ เธอจะเห็น ตวนมู่เจ๋อยืนพิงกำแพงอยู่
ทันทีที่เห็นเธอออกมา สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอและไม่ได้ขยับหนี เขามองเธอด้วยสีหน้าค่อนข้างขบขันและถามว่า “จัดการเสร็จแล้วเหรอ?”
หานมู่จื่อไม่คิดเลยว่าตัวเองนั้นจะเข้าห้องน้ำผิดและไม่คิดว่าตัวเองจะเจอเขาในห้องน้ำ เมื่อนึกถึงเมื่อครู่ที่เขายื่นทิชชู่ให้เธอและเตือนเธอเรื่องห้องน้ำชาย ริมฝีปากของหานมู่จื่อก็กระตุก “เรื่องเมื่อกี้ ขอบใจ”
จากนั้นเธอก็ก้าวไปข้างหน้าและเดินตรงไป
ฉากนี้ทำให้ตวนมู่เจ๋อเลิกคิ้วขึ้นและริมฝีปากบางของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย: “จะไปแล้วเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น การก้าวเท้าของหานมู่จื่อก็หยุดลง เธอหยุดมองเขาด้วยสีหน้าสงสัย “มีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”
“ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?” ตวนมู่เจ๋อเดินเข้ามาใกล้เธอ ด้วยรอยยิ้มใบหน้าของเขา เขาหรี่สายตาราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอย่างละเอียดและทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่า “ฉันจำได้ว่าเจอกันครั้งล่าสุด ไม่ใช่ว่าเธอกับเย่โม่เซินบอกว่าจะจัดงานแต่งหรอกหรือ? ทำไม? ยังไม่ถึงเวลาจัดงานเหรอ?”
ทันทีที่เขาเข้าใกล้ลมหายใจของร่างกายเขาก็เหมือนกับกำลังปกคลุมเธอ เป็นกลิ่นที่แปลกมาก
หานมู่จื่อขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เธอถอยห่างออกไปสองก้าวและเว้นระยะห่างจากเขา
ตวนมู่เจ๋อ “….หรือว่า พวกเธอไม่กล้าที่จะเชิญฉันไปงานแต่ง?”
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นและจ้องมองสบสายตากับเขา
หลังจากนั้นไม่นาน หานมู่จื่อก็หัวเราะเยาะ “คำถามแบบนี้ ฉันคิดว่าคุณไม่ต้องถามก็น่าจะรู้อยู่แล้ว?”
ท้ายที่สุดแล้วสำหรับตระกูลตวนมู่แล้วนั้น การอยากรู้เรื่องต่างๆของเย่โม่เซินไม่ใช่เรื่องยากเลย เหมือนกับว่าเขาแสร้งทำเป็นไม่รู้หรือแกล้งโง่ต่อหน้าเธอเพื่อเยาะเย้ยเธอ
ก่อนหน้านี้ตวนมู่เสว่ไล่ล่าเย่โม่เซินและพวกเขาพยายามอีกครั้ง หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่โม่เซิน ตวนมู่เจ๋อและตวนมู่เสว่น่าจะเป็นคนจำพวกแรกที่มีความสุข
“รู้อะไร?” ตวนมู่เจ๋ออยากรู้เกินไปค่อนข้างน่าเบื่อ ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีความสนุกสนานเกิดขึ้นในห้องน้ำดังนั้นจึงไม่อยากให้เรื่องราวนี้จบเร็วนัก “ฉันว่าต่อให้พวกเธอไม่ต้องการเชิญตระกูลตวนมู่ไปร่วมงานแต่งงาน แต่เธอก็ไม่ควรจะมีท่าทีเช่นนี้นะ? จะว่าอย่างไรดี…บางทีในอนาคตตระกูลตวนมู่และพวกคุณอาจจะได้ร่วมมือทำธุรกิจกัน?”
หานมู่จื่อขมวดคิ้วแน่นเธอจ้องมองตวนมู่เจ๋อที่อยู่ตรงหน้าเธอ ดูเหมือนว่ากำลังจ้องมองเรื่องตลกของเธอ
ภายในงานแต่งเธอถูกถ่ายภาพอย่างนับไม่ถ้วน และเธอไปสนามบินเพียงคนเดียว และเย่โม่เซินประสบอุบัติเหตุบนเครื่องบินไม่ทราบแน่ชัดว่าเครื่องบินตกตรงไหนและตอนนี้กลับกลายเป็นคนในตระกูลบ้านยู่ฉือ
ในเมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้ตวนมู่เจ๋อที่อยู่ตรงหน้านั้นจะไม่รู้ได้อย่างไร?
ช่างเถอะ ไม่ต้องสนใจหรอกว่าเขาจะรู้หรือไม่รู้ รู้แล้วยังไง ไม่รู้แล้วจะยังไง?
อย่างไรก็ตามมันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ ตราบใดที่เธอรู้ดีว่าเธอทำเพื่อเย่โม่เซินก็เพียงพอแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หานมู่จื่อก็ไม่ได้โกรธอีกต่อไปและอารมณ์ในดวงตาของเธอก็จางหายไป “มีการร่วมมือกันไหมฉันไม่รู้ ฉันมีธุระ ต้องขอตัวก่อน”
พูดจบ เธอก็ไม่สนใจปฏิกิริยาของอีกฝ่ายหันกลับมาและจากไป
ตวนมู่เจ๋อมองไปยังแผ่นหลังที่เด็ดเดี่ยวของเธอ เขาใช้มือลูบคางและหรี่สายตามอง
จากการพบกันครั้งล่าสุด เย่โม่เซินดูจะรักหญิงสาวคนนี้มาก ทำไมวันนี้เธออ้วกอยู่ที่นี่แทบจะตาย เขากลับไม่โผล่ตามมาดูแลเธอเลย?
ฮู้ หรือว่าผู้ชายเปลี่ยนใจง่ายจริงหรือ?
เมื่อคิดถึงประโยคนี้ ตวนมู่เจ๋อก็ลืมไปเสียสนิทว่าเขาเป็นผู้ชาย
เขาส่ายหน้าและละทิ้งความคิดความสนุกสนานทั้งหมดจากนั้นจึงเดินกลับห้องวีไอพีอย่างจำใจ
ภายในห้องวีไอพี กลุ่มเพื่อนในทางธุรกิจกำลังดื่มกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นเขาเข้ามาพวกเขาก็โบกมือให้ “คุณชายเจ๋อ มามามา มาดื่มสองแก้ว”
ตวนมู่เจ๋อนั่งลงและรับแก้วมาดื่มด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายเจ๋อของเราคอแข็งไม่เบา ดีขึ้นเรื่อยๆจริงๆ ดื่มไปมากมายแต่สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลย”
“ใช่แล้วใช่แล้ว คุณชายเจ๋อของเราช่างน่านับถือ”
“เชิญ”
*
ก่อนที่หานมู่จื่อจะกลับไปที่ห้องวีไอพี เธอก็ยังไม่กล้าเข้าไปข้างในเพราะกลัวว่าท้องของเธออาจจะปั่นป่วนอีกครั้งเมื่อได้กลิ่นที่น่ากลัวนั่น
เหมือนกับว่าได้ยินเสียงเท้าของเธอ เฉียวจื้อรีบเปิดประตูออกมาด้วยความเร็ว “พี่สะใภ้คุณกลับมาแล้ว อาหารเมื่อกี้ฉันให้พนักงานเก็บออกไปแล้ว และเปิดหน้าต่างไล่กลิ่นแล้ว คุณโอเคใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานมู่จื่อก็ตกตะลึง เธอไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเกรงใจและเอาใจใส่เธอขนาดนี้
เธอพยักหน้ามองอีกฝ่ายอย่างซาบซึ้ง
“ขอบคุณ ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
“แต่คุณแปลกมากนะพี่สะใภ้ จานเมื่อกี้นี้ถือเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่และมีเพียงแค่ที่นี่เท่านั้น ทำไมถึงอาเจียนเมื่อได้กลิ่นนั้น?”
แน่นอนว่าหานมู่จื่อไม่กล้าพูด นั่นเป็นเพราะเธอท้องและไม่สามารถทนกลิ่นที่เลี่ยนหรือคาวเกินไปได้
สิ่งเล็กๆน้อยๆในท้องของเธอนั้นอ่อนไหวมาก ปกติเธอกินได้โดยไม่มีปัญหา แต่เมื่อได้รับกลิ่นที่รุนแรงเกินไป ท้องของเธอก็จะทนไม่ไหวและรู้สึกคลื่นไส้จะอาเจียน
“ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อกี้ฉันรู้สึกไม่สบายอย่างกะทันหัน ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นผลมาจากการดื่มน้ำผลไม้ในตอนเช้าหรือเปล่า?”
เมื่อเฉียวจื้อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“แล้วพี่สะใภ้จะให้ฉันพาไปโรงพยาบาลหรือเปล่า?”
“ไม่ต้อง ฉันพักผ่อนเดี๋ยวก็โอเค”
เหมือนกับว่าเฉียวจื้อคิดอะไรได้ เขาก็รีบลุกขึ้นและขอน้ำอุ่นหนึ่งแก้วจากพนักงานเสิร์ฟ หานมู่จื่อรู้สึกประทับใจเป็นมากอย่าง ไม่คาดคิดว่าเขาจะคิดแทนในสิ่งที่เธอต้องการทุกอย่าง
“คุณช่างละเอียดรอบคอบ”
เฉียวจื้อถูกเธอชมเชยเขาเอามือสัมผัสหัวและยิ้มพร้อมกับกล่าว “ได้ไงล่ะ? พี่สะใภ้น่ะสำคัญ จะประมาทไม่ได้…”
ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เขาจะบอกกับยู่ฉือเซินว่าอย่างไร
แม้ว่าอาหารกลางวันมื้อนี้จะค่อนข้างทรมาน แต่ก็จบลงอย่างราบรื่นหลังจากอำลาหานมู่จื่อแล้ว เฉียวจื้อก็ขับรถตรงไปยังบ้านยู่ฉือเพื่อไปเจอเย่โม่เซิน
“ให้ตาย ฉันส่งวีแชทหาคุณ ทำไมคุณไม่ตอบ? รู้ไหมว่าฉันแก้ตัวโกหกไปกี่ครั้งเพื่อรั้งเธอไว้”