บทที่788 โดยไม่สมัครใจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตวนมู่เสว่ก็ทำท่าทางเขินอายทันที เธอถือจานผลไม้และก้าวไปด้านหน้า “พี่เซิน คุณกินหน่อยสิ?”
เธอเข้าใกล้ตัวเขามากขึ้น กลิ่นกายของเธอก็ลอยอบอวลอยู่ข้างๆเขา กลิ่นหอมหวานนี้ทำให้เขานึกถึงกลิ่นกายของผู้หญิงอีกคน
ผู้ช่วยตัวน้อยของเขา …
วันนั้นเขากอดเธอไว้ในอ้อมแขน เมื่อกลับถึงบ้าน เขาก็ถอดเสื้อกันหนาวออกและเขาก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากร่างกายของเธอ ดูไม่เหมือนน้ำหอม แต่เป็นเหมือนกลิ่นเจลอาบน้ำมากกว่า
เบาบางมีกลิ่นหอม แต่ไม่แรงจนฉุน
“พี่เซิน?”
ตวนมู่เสว่เรียกเขาอีกครั้ง เย่โม่เซินมองเห็นใบหน้าของเธอที่ใกล้กับเขามาก เธอแต่งหน้าหนักและสีของลิปสติกเป็นสีแดงเลือดนก เมื่อมองแล้วทำให้รู้สึกอึดอัด
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว เขาละสายตาอย่างสงบนิ่งและลุกขึ้นยืน
“หลังจากนี้เธอไม่ต้องทำอะไรแบบนี้ให้ฉันอีก” เขากล่าวเบาๆ
เมื่อได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนริมฝีปากของตวนมู่เสว่ก็แข็งทื่อ “ทำไมล่ะ? ร่างกายของพี่เซินในเวลานี้ต้องการการบำรุงและคุณค่าทางอาหารที่ดี เสี่ยวเสว่ทำเพื่อพี่เซินนะ”
เฉียวจื้อที่อยู่ข้างๆนั้นได้ยินเสียงการปฏิเสธและความเฉยเมยของเย่โม่เซิน เมื่อครู่สถานที่ที่ถูกปิดกั้นภายในใจนั้นถูกเปิดออกแล้ว เขามองไปที่เย่โม่เซินด้วยความพึงพอใจจากนั้นก็พูดแทนเขาว่า “คุณเป็นหญิงสาวคนโตที่สง่างามของตระกูลตวนมู่ เพื่อผู้ชายคนหนึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริงๆที่จะทำเรื่องแบบนี้ คุณหนูตวนมู่ เอาเป็นว่า…ฉันว่าปล่อยวางดีกว่าไหม? หลังจากนี้ก็ให้เป็นเรื่องของคนรับใช้ทำน่าจะดีกว่าไหม?”
ตวนมู่เสว่รู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เย่โม่เซินเธอจึงกล่าว “ฉันรู้ว่าเรื่องเหล่านี้นั้นเป็นหน้าที่ของคนรับใช้ แต่..ฉันอยากทำเพื่อพี่เซิน และฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยสักนิด”
เฉียวจื้อยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “แต่ฉันรู้สึกผิดแทนคนรับใช้ ถ้าคุณไปบ้านยู่ฉือทุกวันเพื่อทำสิ่งเหล่านี้แล้วคนรับใช้ของบ้านยู่ฉือจะทำอะไร? ไอยา คุณรู้ว่างานเหล่านี้เป็นงานของคนรับใช้ แต่คุณยังจะทำ นี่เป็นความพยายามที่ชัดเจนในการขโมยงานและหน้าที่ของพวกเขานะ?”
ตวนมู่เสว่:“……”
เธอกัดริมฝีปากล่างของเธอและเหลือบมองเฉียวจื้ออย่างเกลียดชัง เฉียวจื้อยักไหล่อย่างไม่แยแส
อย่างไรก็ตาม ตวนมู่เสว่นี้ไม่ชอบตัวเขาอยู่แล้ว แล้วเขาล่ะ ไม่ใช่คนที่ชอบหมาเลียแข้งเลียขาอยู่แล้ว คิดอยากจะตอบโต้ก็ตอบโต้เลย
ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับเฉียวจื้อในตอนนี้นั้นในตำแหน่งของเขานั้นมีพี่สะใภ้เป็นจุดยืนอยู่แล้ว
“ฉันยังมีธุระ เฉียวจื้อ ฝากคุณช่วยดูคุณปู่ด้วย” เย่โม่เซินได้ฝากฝังคำพูดไว้และเดินจากไป
สีหน้าของตวนมู่เสว่ร้อนรนและอยากจะตามไป
“พี่เซิน!”
เฉียวจื้อมองดูเขารีบยื่นมือออกไปเพื่อหยุดตวนมู่เสว่ “ไม่ต้องตามแล้ว ไม่ได้ยินเหรอว่ายู่ฉือเซินมีธุระ? ต่อให้คุณไล่ตามไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี”
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน เมื่อเห็นว่าตวนมู่เสว่ดูร้อนรนแบบนี้แล้ว เฉียวจื้อนั้นรู้สึกดีเป็นอย่างมาก
ตวนมู่เสว่กลับมามีสติ เธอจ้องมองเฉียวจื้ออย่างเกลียดชัง
“เฉียวจื้อ ฉันไปทำอะไรให้คุณขุ่นเคืองนักหนา? ทำไมถึงจองล้างจองผลาญกันขนาดนั้น?” น้ำเสียงของเธอไม่นุ่มนวลและน่ารักอีกต่อไปรวมถึงการแสดงออกของเธอด้วย ใบหน้าและดวงตามองไปที่เฉียวจื้ออย่างดุเดือด
เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ เฉียวจื้อก็เข้าใจในทันที
ตอนนี้เย่โม่เซินไม่อยู่และในที่สุดเธอก็ทนเสแสร้งไม่ไหวอีกต่อไป
แต่เธอไม่ได้คิดไว้ว่าจะมาหลุดต่อหน้าคนอื่น เขาเป็นคนใจดีแถมยังเป็นคนที่หล่อมาก
เมื่อนึกได้เช่นนี้ เฉียวจื้อก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่มีนี่ คุณหนูตวนมู่สวยงามขนาดนี้ ฉันจะไปจองล้างจองผลาญคุณได้อย่างไร?”
น่าจะเป็นเพราะคำชมจึงทำให้ตวนมู่เสว่มีท่าทางที่ดีขึ้นเล็กน้อย สายตาของเธออ่อนลงเล็กน้อย “ในเมื่อคุณไม่ได้เพ่งเล็งเล่นงานฉัน แล้วเมื่อกี้ที่พูดหมายความว่าไง? ที่บอกว่าฉันแย่งงานของคนรับใช้?”
“หรือว่าไม่จริง? คุณเป็นหญิงสาวคนโตที่สง่างามของตระกูลตวนมู่ โดยปกติการจะมัดใจเพื่อผู้ชายคนหนึ่งมันไม่คุ้มค่าเลยที่จะทำเช่นนี้และที่ฉันพูดนั้นคือความจริง คุณทำหน้าที่ของคนรับใช้แล้วคนรับใช้ก็ไม่มีอะไรทำจากนั้นก็คงจะโดนไล่ออก การตัดหน้าหน้าที่ทรัพย์สินก็เหมือนกับการฆ่ากันอย่างเจตนาบางทีอาจถูกสาปแช่งด้วย”
คำพูดนี้ฟังดูรุนแรง ตวนมู่เสว่มองไปที่เฉียวจื้ออย่างสงสัย
“ฉันไม่ได้คิดจะไปตัดหน้าที่หรือทรัพย์สินใคร ฉันแค่เป็นห่วงพี่เซินก็เท่านั้น เฉียวจื้อ คุณเป็นเพื่อนรักของเขา ถ้างั้น…คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
พูดจบตวนมู่เสว่ก็แสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมาอีกครั้งและเข้าหา เฉียวจื้อ เพื่อต้องการจับมือเขา
สีหน้าของเฉียวจื้อนั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและเขาก้าวถอยหลังหนี เหมือนกับว่าเขาเห็นตวนมู่เสว่เป็นโรคที่ร้ายแรง
“ไม่ไม่ไม่ ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก เพราะอย่างไรก็ตามฉันไม่สามารถชักจูงจิตใจของยู่ฉือเซินได้”
มีความหมายว่า ต่อให้ฉันช่วยคุณอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์เพราะถึงอย่างไรยู่ฉือเซินก็ไม่ชอบคุณอยู่ดี
ครานี้เมื่อตวนมู่เสว่ได้ยินและเข้าใจแล้ว เธอจึงยืนจ้องมองเฉียวจื้อด้วยสีหน้าที่น่าชัง แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอแสดงสีหน้าที่น่าสงสารและจ้องมองเขา “คุณไม่ยอมช่วยฉันจริงๆงั้นหรือ? ฉันจริงจังกับพี่เซินจริงๆนะและในอนาคตเราก็จะกลายเป็นคู่รักและแต่งงานกัน”
เหอะ
มองดูรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์นี้ หากไม่เคยได้ยินว่าเธอดูแคลนต่อหน้าคนรับใช้และเยาะเย้ยตัวเองอย่างไร เฉียวจื้อคงคิดว่านี่คือตัวตนจริงๆของเธอ
อาจพูดได้ว่าการแสดงของเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก เหอะ
เฉียวจื้อนั้นอยากจะเดินหนีออกไป แต่…เมื่อนึกแล้วเย่โม่เซินได้ฝากเขาดูแลตวนมู่เสว่ จึงทำได้เพียงอยู่จัดการกับเธอต่อไป
*
ในอีกด้านหนึ่ง เย่โม่เซินขับรถออกจากบ้านยู่ฉือ เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน รู้เพียงแต่ว่าสิ่งที่เฉียวจื้อพูดกับเขาเมื่อครู่นั้นในตอนนี้ยังคงก้องอยู่ในใจของเขา
กว่าเขาจะได้สติ รถก็จอดอยู่ด้านล่างของบ้านเธอแล้ว
เมื่อมองไปที่อาคารที่อยู่ตรงหน้าเขา เย่โม่เซินก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาบีบขมับตัวเองและเขาเม้มริมฝีปากเน้นจนแทบเป็นเส้นตรง
เขาขับมาที่นี่ได้อย่างไร?
ในขณะที่คิดอยู่กับคำถามนี้ มือของเย่โม่เซินนั้นก็อยากเปิดประตูรถและอยากจะออกไป เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และเดินไปที่ประตูอพาร์ตเมนต์
ในตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวัน เขายืนอยู่หน้าประตูอยู่ครู่หนึ่งแต่กลับไม่เข้าไป
ประตูถูกล็อคและคนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่จะเข้าไม่ได้หากไม่มีกุญแจ
เย่โม่เซินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตนเองอยู่ภายในใจ
เขากำลังทำอะไรอยู่?
ก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น เขาขับรถมาที่นี่โดยไม่รู้ตัวจริงๆ
ช่างเถอะ กลับเถอะ
เย่โม่เซินกำลังทำเป็นเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นในตอนที่หมุนตัวกลับและคิดจะเดินไปที่รถ เขาหันกลับมาและเจอหานมู่จื่อถือถุงช้อปปิ้งอยู่ในมือ เธอมองเขาอย่างไม่เชื่อ
เขา…ทำไมเขาอยู่ที่นี่ได้?
หานมู่จื่อมองไปยังเย่โม่เซินที่กำลังยืนอยู่หน้าบ้านของตนเอง เธอคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อ
ในระยะไกล เธอคิดว่านี่เป็นแผ่นหลังของเขา แต่เธอก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เย่โม่เซินจะมาหน้าบ้านเธอและจะมายืนอยู่เช่นนี้ได้อย่างไร?
ตอนนี้เมื่อเขาหันกลับมาแล้ว นั่นคือเขาจริงๆ หานมู่จื่อจึงยิ่งตกตะลึงมากยิ่งขึ้น
“คุณ…” ริมฝีปากสีชมพูของหานมู่จื่อเริ่มพูดแต่กลับพูดอะไรไม่ออก
แต่เย่โม่เซินนั้นมีสีหน้าเรียบสงบและเขาเดินไปด้านหน้าของเธอและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณมาก็ดีแล้ว พาฉันขึ้นไป”