บทที่790 นี่เป็นเพียงอุบัติเหตุ
เมื่อมองไปที่หญิงสาวที่มีแววตาลุกลี้ลุกลนจนไม่รู้ว่าจะมองไปทางไหน สายตาของเย่โม่เซินก็จ้องมองเธอ
ในเวลานี้หานมู่จื่อจะกล้ามองตาเย่โม่เซินได้อย่างไร น่าขายหน้าจริงๆ เขาเห็นฉากเมื่อกี้
แล้วเขายังถามอีกว่าเธอนั้นวิปริตโรคจิตหรือเปล่า?
หานมู่จื่อแทบอยากจะมุดใบหน้าของเธอลงดินและร้องไห้ เย่โม่เซินในตอนนี้ต้องรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่โรคจิตอย่างแน่นอน เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เย่โม่เซินอย่างขอความเห็นใจ
“ฉะ..ฉันไม่ได้ตั้งใจ เรื่องเมื่อกี้มันเป็นอุบัติเหตุ”
ดวงตาที่สวยงามของหานมู่จื่อนั้นมีน้ำตาคลอ เธอมองมาอย่างน่าเห็นใจ มันทำให้เขารู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่า ตวนมู่เสว่ก็แสดงออกกับเขาเช่นนี้เหมือนกัน แต่ในเวลานั้นเขากลับรู้สึกรำคาญและอยากให้เธอออกไปให้ไกลๆ
เย่โม่เซินนั้นสงสัยว่าหญิงสาวล้วนแล้วแต่ชอบแสดงออกท่าทางเช่นนี้หรือ? หรือว่าพวกเธอคิดว่ามันน่ารัก? ทำแบบนี้แล้วคิดว่าจะทำให้ผู้ชายนั้นใจอ่อนหรือ?
จากการพิสูจน์แล้วว่าการกระทำอะไรแบบนี้…นั้นมันแล้วแต่คน
ยกตัวอย่างเช่นหานมู่จื่อที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น เขารู้สึกว่า…มัน…น่า..รักมาก…
เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยและขยับเข้าใกล้เธอมากยิ่งขึ้น พลังงานที่แข็งแกร่งของผู้ชายนั้นได้ล้อมรอบร่างกายเธอเอาไว้ หานมู่จื่อรีบยื่นมือออกมาและปกปิดหน้าอกของเธอเอาไว้ “คุณ คุณจะทำอะไร?”
“ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยถามเธอว่าเข้ามาในบริษัทเป็นเพราะฉันใช่ไหมและเธอก็นิ่งไปไม่ตอบ”
เย่โม่เซินหรี่สายตามองและเอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าของเธอ “ตอนนี้ ฉันจับได้แล้ว”
หานมู่จื่อจ้องมองเย่โม่เซินที่อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมและดวงตาของเธอเบิกกว้าง
“เธอเอาชุดสูทของฉันไว้ในนี้และยัง…”
เขายังไม่ทันได้พูดให้จบประโยค หานมู่จื่อก็รู้สึกอับอายแทบทนไม่ไหว ดังนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปปิดปากของเขาเอาไว้
“โอเค คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
น่าอับอายเกินไปแล้ว เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น
ช่วงเวลาที่ฝ่ามือสัมผัสริมฝีปากของเย่โม่เซิน ร่างกายของเย่โม่เซินราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ร่างกายของเขาแข็งทื่อ
อย่างไรก็ตามตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของหานมู่จื่อนั้นกำลังตกอยู่ในภวังค์กับเรื่องเมื่อครู่ เธอไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของเย่โม่เซินหลังจากที่เธอปิดปากของเขา เธอเพียงแค่เห็นว่าเขาเงียบจากนั้นเธอจึงดึงมือกลับและกล่าวด้วยอารมณ์เคืองขุ่น “ฉันบอกไปแล้วว่ามันเป็นอุบัติเหตุ คุณอย่ามาทำให้ฉันเสียเชื่อเสียงสิ คุณออกไปรอข้างนอกเลย ฉันจัดการสูทของคุณเสร็จแล้วเดี๋ยวจะเอาไปให้”
กล่าวจบ หานมู่จื่อก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะตอบว่าอย่างไรและเธอผลักเขาออกจากห้อง
จากนั้นก็เกิดเสียงปิดประตูและเธอก็ล็อคห้อง
เย่โม่เซินที่ถูกผลักออกมานั้นก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยหลังจากประตูปิดลงเขาก็ยังคงยืนอยู่เช่นนั้น
ผ่านไปชั่วครู่ เขาเอื้อมมือขึ้นมาและสัมผัสริมฝีปากของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
*
หลังจากหานมู่จื่อขังตัวเองอยู่ในห้อง ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวและไม่ต้องมองกระจกเธอก็รู้ตัวว่าแก้มเธอแดงขนาดไหน
ทำไมเธอถึงไม่คิดคำนวณอะไรให้มันดีๆ??
เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย หากว่ารู้ไวกว่านี้ฉันจะล็อคห้องและจะไม่ให้เขาเห็น
เฮ้อ
แต่สิ่งที่ทำให้เธอคาดผิดอย่างมากนั้นคือไม่คิดว่าเย่โม่เซินจะโผล่มาเช่นนี้
เห็นๆกันอยู่ว่าเขาเป็นคนบอกเองว่าเขาไม่ต้องการชุดสูทแล้ว แต่ตอนนี้กลับมายังบ้านของเธอและมาทวงชุดสูท
เขาเพี้ยนหรือไง?
แต่อย่างไรก็ตามหานมู่จื่อไม่กล้าที่จะช้าอีกต่อไป เธอรีบวิ่งไปยังตู้เสื้อผ้าและเปิดตู้เสื้อผ้าทันที เธอเห็นชุดชั้นในสีแดงของเธอแขวนอยู่ด้านบนของสูท เธอแทบจะทนไม่ได้ที่จะจ้องมองมัน เธอเอื้อมมือไปถอดชุดชั้นในและเสื้อสูทออกจากกัน จากนั้นเธอก็โยนมันลงไปบนเตียงโดยไม่ใส่ใจและตบเสื้อสูทแรงๆแม้ว่ามันจะไม่เปรอะเปื้อนก็ตาม
หลังจากคิดว่าโอเคแล้ว หานมู่จื่อก็เดินถือสูทออกมาด้านนอก
เธอสูดลมหายใจแล้วเปิดประตูห้องอีกครั้ง
คาดไม่ถึงว่าเย่โม่เซินยังยืนอยู่เช่นนั้นและเขามองเธออย่างไม่แยแส
แม้ว่าจะเกร็งบ้างแต่เธอก็ก้มหน้าและเดินไปข้างหน้า
“นี่ … ชุดสูทที่คุณต้องการ”
สายตาของเย่โม่เซินจ้องมองชุดสูทในมือของเธอแต่ไม่ได้เอื้อมไปหยิบมัน
หานมู่จื่อมองดูการแสดงออกของเขาอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจหรอกนะ?
“วางใจได้ ฉันทำความสะอาดเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว ไม่สกปรกแน่นอน”
กล่าวจบ เธอตระหนักว่าชายตรงหน้าเธอได้เห็นฉากนั้นแล้ว หรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจไม่ต้องการแล้ว?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้หานมู่จื่อจึงพูดว่า “เอ่อ..ให้ฉันเอาไปส่งซักอีกครั้งไหม?”
จากนั้นเย่โม่เซินก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เธออย่างเย็นชาและกล่าวว่าไม่ต้องพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งหยิบชุดสูทไป
เมื่อเห็นว่าชุดสูทกำลังจะถูกเขาพรากไป หานมู่จื่อรู้สึกไม่เต็มใจเลยอดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปาก “ฉันจำได้ว่าประธานเคยพูดกับฉันว่า ต่อให้ฉันซักเสื้อสูทอย่างสะอาดแล้วก็ตามแต่ประธานเป็นคนรักสะอาดอย่างไรก็ไม่ต้องการสูทตัวนี้แล้ว”
มือที่เคลื่อนไหวของเย่โม่เซินนั้นหยุดชะงัก สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอันตรายและคำเตือนทันที
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากแน่นอย่างไม่เต็มใจ
“หรือว่าฉันฟังผิดไป?”
เหอะ เป็นหญิงสาวที่ห้าวหาญ
เย่โม่เซินยิ้มเยือกเย็น “ฉันคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ชุดสูทนี่นั้นแพงมากจนไม่สามารถให้เธอไว้ได้ต่อให้ฉันไม่ต้องการก็ตาม”
กล่าวจบเขาก็เลิกคิ้วขึ้น “แล้วก็ฝากชุดไว้กับเธอแล้ว ไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรเพี้ยนๆกับชุดสูทของฉันบ้าง?”
เมื่อพูดถึงคำว่าผิดปกติเขาจงใจเพิ่มโทนเสียงและจากนั้นก็เห็นแก้มและหูของหานมู่จื่อเป็นสีแดง
เธอเถียงกับตัวเอง “ใครจะทำอะไรเพี้ยนๆกับชุดสูทของคุณกัน? ฉันบอกไปแล้วว่ามันคืออุบัติเหตุ”
เย่โม่เซินกระชากชุดกลับและกล่าว
“ใครจะรู้ว่าอุบัติเหตุหรือว่าจงใจ”
“คุณ!” หานมู่จื่อเริ่มใส่อารมณ์
เธอต้องการที่จะฟื้นฟูภาพลักษณ์ของเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะตกอยู่ในภาวะที่ยากลำบากกว่าเดิม เมื่อเห็นเขาเอาชุดสูทคืนไป เธอก็ไม่เต็มใจจริงๆ
ในเวลาไม่นาน หานมู่จื่อก็คิดอะไรได้ “วันนี้คุณ…มาเอาชุดสูทจริงเหรอ?”
เย่โม่เซินเหลือบมองเธอ “หรือเธอคิดว่าฉันมาหาเธอล่ะ?”
หานมู่จื่อ “……”
เธอคิดจริงๆว่าเขามาหาเธอ แต่ใครจะรู้ว่าเขามาเพื่อเอาชุดสูทเพียงชิ้นเดียว
“แพงมากนะ”
จู่ๆเย่โม่เซินก็พูดสามคำราวกับจะเน้นย้ำให้หานมู่จื่อได้ฟังและกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อ
เขาจะไม่ให้หานมู่จื่อรู้อย่างแน่นอนว่าเขาขับรถมาที่นี่อย่างไม่รู้ตัว
และในเวลานี้ ข้อความวีแชทในโทรศัพท์มือถือของหานมู่จื่อก็ดังขึ้น หานมู่จื่อหยิบมันขึ้นมาดูและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออก
เย่โม่เซินยังคงถือชุดอยู่ในมือของเขาและเมื่อเห็นเธอยิ้มเขาก็ขมวดคิ้วพร้อมกับถามเธอ “ใคร?”
จะเป็นใครได้นอกจากเฉียวจื้อ?
เมื่อได้ยินแบบนั้น หานมู่จื่อรีบวางโทรศัพท์ทิ้งและมองไปที่เย่โม่เซินที่อยู่ตรงหน้าเธอแล้วถามเขาว่า “เดี๋ยวก็มืดแล้ว คุณ…อยากอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนไหม?”