บทที่ 799 คุณมันคนอันธพาล
หานมู่จื่อโกรธมาก อีกทั้งไม่กล้าที่จะหันหน้ากลับไปโดยตรง ได้แต่เพียงทนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความโกรธอยู่ลึก ๆในใจ
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน”
รู้สึกได้ว่าการแสดงออกบนใบหน้าและลมหายใจภายในร่างกายของผู้หญิงคนนั้นกำลังจะระเบิดออกมา เย่โม่เซินจึงหยุดการประชุมในทันที
เดิมที ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่เขาจะเริ่มการประชุม
“อืม เรื่องที่เหลือ ค่อยคุยพรุ่งนี้”
หลังจากที่เย่โม่เซินขัดจังหวะการสนทนาทางวิดีโอ ก็ถอดหูฟังบลูทูธที่อยู่บนหูออก และมองไปที่หานมู่จื่อ
ดวงตาที่ลึกล้ำของเขา จ้องมองไปยังร่างของหานมู่จื่อ ก็เห็นเธอยืดเอว ดวงตาที่ใสสะอาดคู่หนึ่งนั้นจ้องมองเขาอย่างตั้งใจ
“มานี่หน่อย”
เขาพูดเบา ๆด้วยริมฝีปากบาง
“มีอะไร”
หานมู่จื่อรอจนเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ และไฟในกองนี้ก็ยังเจ็บปวดที่รู้ว่าเขาอาจจะหมั้นกับคนอื่น ความเจ็บปวดนี้ เป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่ยิ่งทำให้เดือดเป็นฟืนเป็นไฟมากขึ้น ในใจก็ยิ่งเจ็บปวด ไฟนี้ก็ยิ่งลุกโชน
ก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าตนเองจะสามารถค่อยเป็นค่อยไปได้ ถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บสาหัส ตนเองควรจะให้เวลากับเขาสักหน่อย ให้เขาทำความคุ้นเคยกับการมีอยู่ของตนเอง แล้วค่อยกระตุ้นความทรงจำของเขาอีกครั้ง
แต่ตอนนี้ล่ะ สิ่งที่เธอได้จากเฉียวจื้อคือ คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวว่าเขาจะหมั้นหมาย
ให้เธอประสบความสำเร็จก่อนที่เขาจะหมั้นหมาย
นี่มันอะไรกัน ทำให้เธอดูเหมือนว่ากำลังจะแย่งคนรักของคนอื่นมาอย่างไรอย่างนั้น
ยิ่งคิด ในใจของหานมู่จื่อก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ ความน้อยใจนี้ก็อัดอั้นอยู่เต็มในดวงตา
การแสดงออกของเธอไม่ได้เก็บซ่อนเอาไว้ ดวงตาก็จ้องมองไปที่เขา เย่โม่เซินไม่ใช่ว่าจะมองไม่เห็นความน้อยใจของเธอ
แต่เขาไม่เข้าใจว่า เธอกำลังน้อยใจอะไรอยู่
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเมื่อวานนี้ จนถึงตอนนี้เขากับเธอได้เจอหน้ากันแค่สองครั้งเท่านั้น
ครั้งหนึ่งคือตอนเที่ยง อีกครึ่งหนึ่งก็คือตอนนี้
หรือ……เย่โม่เซินค่อย ๆหรี่ตา จู่ ๆก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่เฉียวจื้อพาเธอมาหาตนเองตอนที่ทานข้าวเที่ยงนั้น ในตอนนั้นเขามีธุระจะต้องออกไปข้างนอก เมื่อเห็นเธอและเฉียวจื้อเดินใกล้กันขนาดนั้นก็รำคาญใจ จึงไม่มีเวลาว่างก็เลยหายออกไปข้างนอก
หรือว่า……เธอกำลังน้อยใจเรื่องนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของเย่โม่เซินก็ค่อย ๆแน่ใจ
“เรียกให้คุณมา ยังไม่มาอีกหรือ” เย่โม่เซินเห็นเธอแค่ถามตนเองว่ามีอะไร แต่กลับไม่เดินเข้ามา อีกทั้งยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ก็เลยเตือนเธอไป
หานมู่จื่อจึงเดินไปข้างหน้าสองก้าวอย่างไม่เต็มใจ
“มาแล้ว คุณสั่งหนิ”
น้ำเสียงหงุดหงิดมาก
สั่งหรือ เย่โม่เซินเลิกคิ้ว และชี้ไปที่กาแฟบนโต๊ะ “คุณลองดูสิ”
หายมู่จื่อมองไปตามนิ้วชี้ของเขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะให้ตนเองลองกาแฟแก้วนั้น เธอส่ายหัวปฏิเสธเขาอย่างไม่คิด “ไม่”
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว และมองเธอด้วยสายตาอย่างไม่พอใจ
“จะลองไม่ลอง”
หานมู่จื่อจ้องเขาอย่างดื้อดึง “ไม่ลอง”
“ดูเหมือนว่า คุณจะรู้ว่าตัวเองชงกาแฟได้ไม่ดี จึงปฏิเสธที่จะเผชิญหน้ากับมัน” เย่โม่เซินตั้งใจกระตุ้นเธอ
ปกติแล้วกาแฟของเขา หานมู่จื่อมักจะแอบลองจิบให้เขา ตอนนี้เธอตั้งครรภ์แล้ว จึงไม่กล้าดื่มมากเกินไป ตอนที่ลองก็ลองไปแค่จิบเดียว เป็นเพียงการจบให้พอลิ้มรสและชุ่มคอ
แต่วันนี้ เธออารมณ์ไม่ดี จึงใส่น้ำตาลให้เขาไปหลายก้อน แม้ว่าจะไม่ต้องลองชิม เธอก็รู้ว่ากาแฟนั้นรสชาติเป็นอย่างไร
หานมู่จื่อเหลือบไปมองเขา เม้มริมฝีปากแดงของตนเอง จงใจต่อต้าน
“ฉันไม่อยากลอง ไม่ใช่เพราะฉันชงได้ไม่ดี แต่เป็นเพราะ……กาแฟแก้วนั้นคุณดื่มแล้ว”
พูดจบ เธอก็เลิกคิ้วมองเขาอย่างจงใจ “ท่านประธานไม่ได้รักความสะอาดหรือ กาแฟแก้วนั้นคุณดื่มไปแล้ว คุณยังจะให้ฉันดื่มอีก หรือว่าคุณไม่รู้……”
ประโยคหลังนั้น เธอไม่ได้พูดออกมา แต่ละสายตาลง
“รู้อะไรหรือ”
เย่โม่เซินจ้องไปที่ผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่พอใจ และหยุดพูดไปครึ่งทาง ไม่รู้ว่าแบบนี้จะทำให้ยั่วน้ำลายคนอื่นหรือเปล่า
หานมู่จื่อมองไปที่ปลายเท้าของตนเอง ไม่สบอารมณ์ “จูบทางอ้อม”
เย่โม่เซิน “……”
หานมู่จื่อ “……”
หลังจากที่เธอรู้ตัวว่าเมื่อกี้ตนเองพูดอะไรออกไป ศีรษะของหานมู่จื่อก็เกือบจะตกลงไปที่พื้น เธอกัดริมฝีปากล่างของตนเองอย่างกระวนกระวาย “พี่หลินเรียกหาฉันให้ไปทำธุระ ฉันไปก่อนนะ”
ทันทีที่เธอหันหลังกลับ เสียงของเย่โม่เซินก็ดังขึ้นมา
“ผมพูดหรือว่าให้คุณไปได้”
เขาลุกขึ้น ดึงเก้าอี้ออก แล้วก้าวเดินไปหาเธอข้างหน้า
เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ว่าอย่างไรฉันก็จะไม่ดื่มกาแฟแก้วนั้น เอ่อ……”
พูดไปได้เพียงครึ่ง จู่ ๆคางของเธอถูกนิ้วของเย่โม่เซินบีบ
หานมู่จื่อบีบขากรรไกรล่างของเธอ บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น เอนตัวและก้มหน้าลง เมื่อห่างจากริมฝีปากของเธอเพียงเล็กน้อย ก็หยุดลงทันที
ลมหายใจอุ่น ๆของทั้งสองเริ่มพัวพัน หานมู่จื่อรู้สึกได้ถึงการเต้นหัวใจของตนเองเริ่มเร็วขึ้น เธอมองไปที่เย่โม่เซินซึ่งอยู่ใกล้เพียงนิดเดียว แทบจะคิดว่าเมื่อกี้นี้เขากำลังจะจูบ
แต่เขาเปล่า เมื่ออยู่ห่างจากตนเองเพียงเล็กน้อยก็หยุดลง ดวงตาสีดำจ้องมองเธอ
“รังเกียจผมหรือ”
หานมู่จื่อรู้สึกประหม่ามากจนไม่รู้ว่าจะเอามือไปไว้ที่ไหน ในที่สุดทำได้เพียงจับแขนเสื้อของตนเองไว้จนไม่กล้าขยับ
ระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้กันมาก เพียงแค่เธอขยับ ก็จะสัมผัสริมฝีปากบางของอีกฝ่าย
ถึงแม้ว่าจะสนิทสนมกันในระดับหนึ่งมาก่อน แต่หานมู่จื่อจัดการไม่ได้ที่เขาจะเข้ามาใกล้ชิดกับตนเอง หัวใจของเธอก็เต้นเร็ว และเขินอายเช่นกัน
เธอเกือบจะ……หลบจากเขาอย่างไม่รู้ตัว
เย่โม่เซินก็รู้สึกถึง——การต่อต้านของเธอ
เมื่อกะพริบตามองไปที่ตนเอง ก็รู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก ริมฝีปากสีชมพูก็สั่น
หลังจากมองไปที่ริมฝีปากของเธอ ดวงตาของเย่โม่เซินก็ไม่สามารถขยับออกไปไหนได้
เธอเพิ่งพูดว่า……
จูบทางอ้อมหรือ เห็นการแสดงออกของเธอ ดูเหมือนจะรังเกียจหรือ
อย่างนั้นถ้าใช่……
ทันทีที่สมองแวบผ่านความคิดนี้ขึ้นมา แขนขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองออกมา เย่โม่เซินก็โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากก็สัมผัสกับริมฝีปากนุ่มของหานมู่จื่อ
ขณะที่ริมฝีปากสัมผัสกัน หานมู่จื่อรู้สึกเหมือนสมองของตนเองกำลังจะระเบิดออก ถอยหลังออกไปก้าวใหญ่ด้วยอาการที่หายใจไม่ออก มองสายตาของเขาที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจอย่างเหลือเชื่อ
ปฏิกิริยาแบบนี้ทำให้เย่โม่เซินไม่พอใจ เขาขมวดคิ้วและจับข้อมือขาวบางของเธอแล้วดึงเธอเข้ามาหาตนเอง มือข้างหนึ่งจับด้านหลังศีรษะของเธอ และก้มหน้าลงไปหาริมฝีปากของเธอ
หานมู่จื่อยังคงรู้สึกอารมณ์ไม่ดี และเงื่อนไขที่ซ่อนอยู่ในตัว แต่กำลังของเย่โม่เซินแข็งแกร่งมาก ความไวก็รวดเร็ว หลังจากผ่านไปมาสองสามรอบ ในที่สุดเขาก็พบเธอตามที่เขาต้องการ
การสัมผัสที่นุ่มนวลเหมือนกับฝ้าย กลิ่นหอม ๆที่ยังคงอยู่บนร่างกายของเธอ ล้วนแล้วทำให้หัวใจของเย่โม่เซินสั่นไหวขึ้น
ดูเหมือนว่าจะมีภาพอะไรแวบเข้ามาในหัว เขาถึงกับจับภาพไม่ทัน ภาพเหล่านั้นก็หายไป และมือเล็กของผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนได้ผลักอกเขา พยายามผลักอกเขาออกไป
เย่โม่เซินขมวดคิ้วขึ้น มือใหญ่ก็กระชับเอวของเธอ ล็อคเธออย่างแน่นหนา นำริมฝีปากออกจากเธอ
“ผลักผมทำไม” เสียงของเขาแหบแห้ง แม้ดวงตาลึกล้ำราวกับกลางคืน ก็จับจ้องดวงตาของเธอไว้แน่น
เอวของหานมู่จื่อถูกล็อค ไม่สามารถผลักเขาออกไปได้ และพูดด้วยความโกรธว่า “คุณ คุณมันอันธพาล!”