บทที่ 81 วิธีที่จะทำให้เธออับอายขายหน้า
ผู้หญิงคนนี้ต้องกินหัวใจเสือดาวเข้าไปแน่ๆ ถึงได้กล้าลงมือกับเขาได้ถึงสองครั้งอย่างต่อเนื่องแบบนี้
เย่โม่เซินบีบขากรรไกรของเธอไว้แน่น พละกำลังมากสะจนแทบจะบีบกระดูกของเธอให้แหลกคามือ เสิ่นเฉียวรู้สึกเจ็บมาก และสีหน้าของเธอก็ได้เปลี่ยนเป็นซีดขาวขึ้นทันที
“ ในเมื่อเกลียดฉันขนาดนี้ งั้นนายก็ทำให้ฉันรู้สึกสบายไปเลยสิ อยากโยนฉันลงตึกก็โยนลงไปเลย หรือนายจะฆ่าฉันเลยก็ได้ แต่ทำไมต้องทำให้ฉันอับอายขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ด้วย?! ”
ถึงแม้ว่าคางจะถูกมือใหญ่ของเขาบีบไว้อยู่ พละกำลังมากมายนั้นทำให้เธอเจ็บจนเหงื่อออกเต็มหน้าผากไปหมด แต่เสิ่นเฉียวยังคงต่อต้านเขาอย่างถึงที่สุด
“ อับอายขายหน้างั้นรึ? ” เย่โม่เซินหรี่ตาลงอย่างอันตราย
นึกไม่ถึงว่าเธอจะเข้าใจว่าการจูบเมื่อสักครู่ คือการทำให้เธออับอายขายหน้า?
อันที่จริงแล้วเย่โม่เซินก็ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นตัวเองถึงได้ก้มลงไปจูบเธอ เพียงแต่ตอนที่เข้าใกล้เธอ อยู่ๆเขาก็เหมือนเห็นพลังบางอย่างอยู่ในตาสงบคู่นั้น หลังจากนั้นเขาก็ก้มลงไปจูบโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้น ยิ่งจูบ ก็ยิ่งรู้สึกหลงใหล
เขากำลังคิดว่าผู้หญิงคนนี้มีเวทมนตร์อะไรกันแน่ ก็ได้ถูกเธอกัดลิ้นเสียก่อน
แน่นอนว่า……เขาจะต้องฟันต่อฟัน
“ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าตบหน้าฉัน ”
“ ตบก็ตบไปแล้ว นายจะทำยังไง? ” เสิ่นเฉียวพูดอย่างไม่กลัวตาย
เขาจะทำยังไงนั้นหรอ?
พูดตามหลักการ จากอารมณ์ที่ผ่านมาของเขา ต่อให้เธอไม่ตาย ก็ต้องพิการ แต่ตอนที่เผชิญกับผู้หญิงคนนี้ เขาพบว่าตัวเองกลับทำเธอไม่ลง
“ เหอะ ไม่ทำยังไง? ไม่ใช่ว่าเธอเข้าใจว่าฉันทำให้เธออับอายขายหน้าหรอกหรอ? ” เย่โม่เซินยิ้มอย่างเยือกเย็น และเข้าใกล้ริมฝีปากของนางอย่างรวดเร็ว พูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ: “ แบบนี้ เธอคิดว่าเป็นไงบ้าง? ”
“ ไอ้……อื้อ ” เสิ่นเฉียวอยากผลักเขาออก แต่ริมฝีปากของเขากลับแนบแน่นขึ้น และได้ปิดเสียงของเธอไปจนหมด
เสิ่นเฉียวรู้สึกสะอิดสะเอียน วินาทีต่อมากลับตาโตขึ้น เพราะสองมือของเย่โม่เซินได้ล้วงเข้าไปทางชายเสื้อของเธอ หลังจากนั้น……ได้คลำ……
เธอแทบจะกระโดดขึ้นมาทันที และใช้แรงผลักเย่โม่เซินออก ร่างของตัวเองถอยไปข้างหลัง แต่เสิ่นเฉียวไม่มีเวลาไปคิดอย่างอื่น ได้ออกแรงกระโดดลงจากเตียง หลังจากนั้นก็ถอยให้ห่างจากเย่โม่เซิน
เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้น: “ หนี? เธอคิดว่าเธอจะหนีไปไหนได้? ”
เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากแน่น และคิดอะไรออก เธอยื่นมือออกมาและออกแรงเช็ดริมฝีปากของตัวเอง
ต่อหน้าเย่โม่เซิน เย่โม่เซินถูกการกระทำของเธอยั่วให้โกรธได้อย่างง่ายดาย นึกไม่ถึงว่าเธอจะกำลังเช็ดปาก เย่โม่เซินมีสีหน้าคร่ำเครียด เดินเข้าใกล้เธอและยิ้มอย่างเยือกเย็น: “ เธอลองทำอีกทีสิ! ”
พูดจบ เสิ่นเฉียวก็หมุนตัวและวิ่งไปทางด้านนอก
เซียวซู่ที่กำลังตามมาก็ได้ชนเข้าเต็มอก ร่างของเซียวซู่ถอยหลังไปทันที เสิ่นเฉียวชนจนเจ็บหน้าอกไปหมด หลังของเธอแนบติดกับผนัง เซียวซู่ปิดหน้าอกถาม: “ ผู้ช่วยเสิ่น คุณกำลังทำอะไรเนี่ย? ”
เสิ่นเฉียวไม่สนใจเขา เดินผ่านเขามาได้ก็วิ่งไปทางด้านนอกทันที
เซียวซู่รู้สึกงงเล็กน้อย เดินไปที่ด้านหน้าของเย่โม่เซินและพูดถามขึ้น: “ คุณชายเย่ ผู้ช่วยเสิ่นเธอ……ตื่นแล้ว? ”
เย่โม่เซินหยุดหมุนล้อรถ สีหน้าของเขาคร่ำเครียดขึ้น สายตาเยือกเย็นมองเซียวซู่ด้วยหางตา
“ ไม่ใช่ว่านายเห็นแล้วหรอ? ”
เซียวซู่พยักหน้า: “ ใช่ครับ นึกไม่ถึงว่าเธอไม่ได้กินข้าวทั้งวัน ตื่นมากลับมีแรงวิ่งได้ ยังชนผมสะเจ็บอีกด้วย ”
เส้นเลือดบนหน้าผากของเย่โม่เซินปูดขึ้นมา
เซียวซู่: “ คุณชายเย่ ผู้ช่วยเสิ่นทะเลาะกับคุณหรอครับ? ”
เย่โม่เซิน: “ …… ”
เซียวซู่: “ คุณไม่ตามไปหรอครับ? ”
เย่โม่เซิน: “ …… ”
เป็นความผิดของเขาเองที่หาผู้ช่วยแบบนี้
เสิ่นเฉียววิ่งไปที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ตอนหยุดวิ่งเธอรู้สึกหอบมาก หายใจไม่ทัน ด้านหน้ามืดไปหมด แขนขาแทบจะไร้เรี่ยวแรง เสิ่นเฉียวต้องรีบจับกำแพงไว้ นั่งยองๆและหลับตาลงช้าๆ
พักผ่อนสักพัก เธอถึงได้ลืมตาขึ้นมาใหม่
ด้านหน้าได้ฟื้นฟูแสงสว่างเหมือนเดิมแล้ว
เธอนั่งยองๆอยู่บนพื้นเย็น ถึงได้รู้สึกตัวว่าไม่ได้ใส่รองเท้ามา ความเจ็บที่แล่นผ่านลิ้นเตือนเธออย่างชัดเจน ว่าเย่โม่เซินทำให้เธออับอายขายหน้า และเธอไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว
เย่โม่เซิน ไอ้คนเลว!
เสิ่นเฉียวกำหมัดแน่น หลังจากนั้นก็ได้ยื่นมือออกมาเช็ดริมฝีปากอีกครั้ง
ท้ายที่สุด เธอก็ลุกขึ้นช้าๆ และมองคนที่เดินผ่านไปมารอบๆ
อาจเป็นเพราะสภาพของเธอตอนนี้แปลกประหลาดเล็กน้อย ดังนั้นสายตาของคนพวกนั้นที่กำลังมองเธอก็แปลกประหลาดเหมือนกัน
เสิ่นเฉียวยิ้มเจื่อนๆ และก้มหน้าเดินไปข้างหน้า
“ เฉียวเฉียว ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลัง เสิ่นเฉียวหยุดฝีเท้าลง คนคนนั้นก็พุ่งเข้ามาหาทันที “ เฉียวเฉียว เป็นคุณจริงๆด้วย? ”
เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้น นึกไม่ถึงว่าคนที่ตามเธอมาจะเป็นหลินเจียง
ทำไมมาเจอเขาที่นี่ได้ละ?
สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปเล็กน้อย และได้เร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้า แต่เธอไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เมื่อวาน เดินได้สองก้าวก็เกือบจะล้มลง หลินเจียงเดินขึ้นมาประคองเธอไว้
“ เฉียวเฉียว ผมโทรหาคุณ ส่งข้อความหาคุณ ทำไมคุณถึงไม่สนใจผมละ? ” หลินเจียงมีสีหน้ากังวลใจ แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำถาม คล้ายกับยังไม่เห็นว่าเวลานี้เธอกำลังใส่ชุดคนป่วยอยู่ และมีท่าทางอ่อนแอมาก
เสิ่นเฉียวผลักมือเขา เธอยิ้มอย่างเย็นชาและก้าวถอยหลัง
“ ออกไปให้ห่างจากฉัน ไอ้คนเจ้าชู้ ”
ฝีก้าวที่กำลังจะเดินไปข้างหน้าของหลินเจียงได้หยุดลง เขามองเสิ่นเฉียวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง: “ เฉียวเฉียว คุณบอกว่า……ผมเป็นคนเจ้าชู้? ”
เสิ่นเฉียวมองเขาอย่างเยือกเย็น
“ เฉียวเฉียว ผมมีความลำบากใจ คุณเชื่อไหม? ”
เสิ่นเฉียวหมุนตัวเดินไป หลินเจียงรีบตามไปจับมือของเธอไว้ เสิ่นเฉียวพลิกฝ่ามือและสลัดเขาออกอย่างน่าขยะแขยง: “ ปล่อยฉัน อย่ามาจับฉัน! ”
หลินเจียงเก็บมือกลับไปด้วยใบหน้าเจ็บปวด และยืนมองเธอเงียบๆ
“ ผมมีความลำบากใจจริงๆ และผมหวังว่าคุณจะฟังผมอธิบาย ”
“ อธิบายอะไร? ขั้นตอนการหย่าพวกเราก็ทำเสร็จแล้ว? คุณกับฉันไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว ”
“ ก็เพราะเป่าเอ๋อท้อง ดังนั้นผมจึงต้องรับผิดชอบเธอ เฉียวเฉียว คุณยกโทษให้ผมได้ไหม? ”
เสิ่นเฉียว: “ …… ”
นึกไม่ถึงว่าเขายังมีหน้าพูดคำพวกนี้ออกมา เสิ่นเฉียวหัวเราะเยาะตัวเอง หลังจากนั้นก็มองไปที่หลินเจียง: “ หลินเจียง คุณคิดว่าฉันเสิ่นเฉียว ดูเหมือนโง่มากหรือไง หรือจะบอกว่า ฉันคือคนโง่ในสายตาของคุณ? ที่จะทำกับข้าว สักผ้า และคิดแทนคุณไปตลอดโดยไม่มีเงื่อนไขอะไร ที่ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ฉันก็สามารถไม่ถือสา ต่อให้คุณพาชู้เข้ามาในบ้าน ถึงขนาดที่ทำหล่อนท้อง ฉันก็สามารถให้อภัยคุณได้? ”
“ หรือว่าไม่ใช่? ” หลินเจียงย้อนถาม เขาขมวดคิ้ว: “ ผมคิดว่าคุณเป็นแบบนั้น เฉียวเฉียว เป็นภรรยาผม หรือคุณจะไม่เห็นอกเห็นใจสามีของตัวเองหน่อยหรอ? ”
เสิ่นเฉียว: “ …… ”
เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกจนปัญญาขนาดนี้ และเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าความหน้าด้านมันน่ากลัวขนาดไหน
เธอยิ้มเย็น: “ ฉันนึกไม่ว่าคุณจะหน้าด้านได้ถึงขนาดนี้นะ ”
“ เฉียวเฉียว หรือว่าไม่จริงละ? มีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่ไปหาชู้ข้างนอก? แล้วคนที่คุณไปหาเขาวันนั้นละ? เขาเป็นใคร? ทำไมคุณถึงได้ไปอยู่กับเขา? ”