บทที่801 นี่เธอกำลังคิดไปเองฝ่ายเดียวอยู่เหรอ
กลับมาถึงห้องเลขา แต่ทั้งหูทั้งใบหน้าของหานมู่จื่อยังคงแดงแปร๊ดอยู่เลย
พี่หลินมองเธอทันทีที่เธอเดินเข้ามา
“เมื่อกี้เธอไปไหนมา? ”
เหมือนกับเสียงของพี่หลินดังขึ้นในหูของเธอ หานมู่จื่อแค่เหลือบมองเธอแวบเดียวแล้วก็ละสายตามองไปที่อื่น หลังจากนั้นก็พูดอย่างใจเย็น “ก็ไปเสิร์ฟกาแฟที่ห้องท่านประธานน่ะสิ พี่หลิน คุณลืมไปแล้วเหรอคะ? ”
“ฉันไม่ได้ลืม” พี่หลินส่ายหน้า แล้วก็หรี่ตาลง “เธอไปเสิร์ฟกาแฟที่ห้องท่านประธาน แต่ว่าเมื่อกี้ตอนที่ฉันไปรายงานที่ห้องทำงานท่าน ทำไมถึงไม่เห็นเธอล่ะ? เธอไปไหน? ”
หานมู่จื่อกะพริบตา “ฉันไม่ได้ไปไหนซะหน่อยนะคะพี่หลิน หลังจากเอากาแฟไปเสิร์ฟให้ท่านประธานแล้ว ฉันก็รู้สึกไม่สบายท้องนิดหน่อย ก็เลยไปห้องน้ำ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าคะ? ”
พอได้ยินดังนั้น พี่หลินก็วิเคราะห์เธออยู่พักหนึ่ง ก็พบว่าทั้งใบหน้าและหูของเธอก็ต่างแดงไปหมด ดูยังไงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ว่า……ตอนที่เธอพูดกับเธออยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้มีท่าทีเหมือนใจเต้นแรงอะไรเลย แล้วเมื่อกี้ตอนที่อยู่ในห้องทำงานก็ไม่เห็นเธอจริงๆ
หรือว่า เธอเข้าใจผิดไป? หรือว่าคิดมากเกินไป?
“ไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าวันนี้เธอแปลกๆ ไป เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเหรอ? ลาพักผ่อนหน่อยไหม? ”
หานมู่จื่อยิ้มให้เธออย่างซาบซึ้งใจ หลังจากนั้นก็ส่ายหัว “ขอบคุณพี่หลินนะคะที่หวังดี แต่ว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
“โอเค งั้นก็ทำงานต่อเถอะ”
พอหานมู่จื่อไปทำงานต่อ พี่หลินก็ลูบคางของตัวเอง นึกถึงเหตุการณ์ในห้องทำงานเมื่อกี้นี้ วันนี้ท่าทางของทั้งสองคนแปลกมากๆ แล้วอีกอย่าง……เธอยังได้ยินว่าเฉียวจื้อมาถึงห้องเลขาเพื่อตามหาหานมู่จื่อ
วัยรุ่นพวกนี้ ทำอะไรกันแน่?
เพราะว่าตอนที่อยู่ในห้องทำงานเมื่อกี้นี้ หานมู่จื่อก็เลยเหม่อลอยทั้งวัน เอาแต่นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่จู่ๆ เขาก็ดึงตัวเองเข้าไปในอ้อมแขน หลังจากนั้นก็ก้มลงเพื่อตามหาริมฝีปากของเธอ
ทั้งๆ ที่ทั้งสองคนเคยจูบกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาจูบเธออย่างไม่รู้ตัวหลังจากความจำเสื่อม ที่จริงแล้วหานมู่จื่อก็รู้สึกได้ ว่าทุกอย่างที่เขาทำกับเธอนั้นมันมาจากจิตใต้สำนึก
ความทรงจำในหัวหายไป แต่ว่าแขนขาไม่
ร่างกายของเขา ยังคงคุ้นเคยกับเธออยู่
แต่แค่ว่า ซูจิ่วไม่ใช่บอกว่าถ้าคนที่คุ้นเคยคอยกระตุ้นเยอะๆ ก็จะสามารถฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้ไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมช่วงนี้ที่คับกัน รวมถึงลักษณะท่าทางที่สนิทชิดเชื้ออย่างวันนี้ เขายังไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรเป็นพิเศษเลยล่ะ?
ยิ่งคิด หานมู่จื่อยิ่งปวดหัว
เธอวางแผนว่าเลิกงานไปแล้วจะโทรไปหาซูจิ่วเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ดูว่าควรจะจัดการอย่างไรดี
ดังนั้นหลังจากเลิกงานแล้ว หานมู่จื่อก็เก็บข้าวเก็บของ เตรียมกลับไปแล้วโทรหาซูจิ่ว
หลังจากออกมาจากบริษัทแล้ว หานมู่จื่อก็เดินไปสถานีรถไฟใต้ดิน
เดินไปได้แค่ครึ่งทาง จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งจอดลงตรงหน้าเธอพร้อมกับลดกระจกลง เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลา
สายตาที่เย็นชาของเย่โม่เซินมองมาที่หานมู่จื่อ
พอเห็นเขา หานมู่จื่อก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน??
ทั้งๆ ที่เธอก็ค่อนข้างห่างจากบริษัทแล้วนะ ตอนที่เขาออกมาแล้วเห็นเธอยังงั้นเหรอ?
“ท่านประธาน? ” หานมู่จื่อเรียกเขาอย่างลองเชิง
ผลก็คือเย่โม่เซินพ่นออกมาแค่ประโยคเดียว “ขึ้นรถ”
หานมู่จื่อ :“……”
เธอยังคงลังเลอยู่ แต่ว่าความไม่พอใจก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเย่โม่เซิน “เร็วๆ ที่นี่จอดไม่ได้นะ”
หานมู่จื่อก็เลยเดินอ้อมมา เปิดประตูรถอย่างว่องไว แล้วก็ขึ้นไปนั่ง
ลักษณะท่าทางของเย่โม่เซินในวันนี้……ผิดปกติมากจริงๆ
หลังจากขึ้นรถมาแล้วหานมู่จื่อก็คิด
“มัวงงอะไรอยู่? คาดเข็มขัดสิ”
ตอนที่เธอกำลังคิดถึงเรื่องที่ว่าวันนี้ท่าทางของเย่โม่เซินแปลกๆ ไปนั้น เขาก็ออกปากเตือนขึ้นมา หานมู่จื่อก็เลยต้องรีบก้มหน้าคาดเข็มขัด
หลังจากคาดเสร็จแล้ว หานมู่จื่อก็เห็นรถเขาเลี้ยวออกไป ขับไปด้านหน้า
เธอไม่รู้ว่าเย่โม่เซินคิดจะทำอะไร ดังนั้นก็เลยเอาแต่เงียบ ยังไงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ก็ทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่แล้ว อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ไม่กล้ามองหน้าเย่โม่เซินเลย
ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ หานมู่จื่อก็พบว่าทิศทางของรถเหมือนจะมุ่งหน้าไปยังบ้านของเธอเอง เธอรู้สึกประหลาดใจ หรือว่าเย่โม่เซินจะไปส่งเธอกลับบ้านงั้นเหรอ?
แต่พอกลับมาคิดอีกครั้ง ก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ค่อยได้เท่าไหร่
ดูจากนิสัยของเขาตอนนี้ จะเป็นไปได้ยังไงที่จะยอมขับรถอ้อมเพื่อไปส่งเธอที่บ้าน? นี่มันไม่เหมือนเรื่องที่เขาจะทำ
บ้านของหานมู่จื่อไม่ค่อยไกลจากบริษัทเท่าไหร่นัก ยิ่งขับไปยิ่งรู้สึกคุ้นทาง ในที่สุดหานมู่จื่อก็มั่นใจแล้ว แต่ก็ว่าก็ยังเอ่ยปากถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณ คุณจะไปส่งฉันที่บ้านเหรอ? ”
เย่โม่เซิน:“……”
แล้วก็ไฟแดงพอดี รถก็เลยหยุดลง
เย่โม่เซินหันหน้ากลับมา มองเธอด้วยสายตาเย็นชา “นี่เธอกำลังคิดไปเองอยู่งั้นเหรอ? ”
“หืม? ” หานมู่จื่ออึ้งไป “ไม่ไปส่งฉันกลับบ้าน แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกัน? ”
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากบางของตัวเอง สีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
“ไปเอาเสื้อผ้าที่ทิ้งไว้เมื่อวาน”
หานมู่จื่อ :“……”
ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง
พอหานมู่จื่อรู้ว่าเขาจะไปส่งเธอกลับบ้านก็เพื่อที่จะไปเอาเสื้อผ้า ก็รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจ แล้วก็วิจารณ์เขาว่า “คุณนี่รักสูทชุดนั้นจริงๆ เลยนะคะ”
เห็นสีหน้าของเธอดูไม่พอใจ เย่โม่เซินก็หัวเราะเยาะ “เมื่อคืน เธอได้ทำอะไรสูทกับเสื้อผ้าที่ฉันทิ้งไว้รึ……”
พอได้ยินแบบนี้ หานมู่จื่อก็ตัดบทเขาด้วยเสียงสูงทันที เธอกัดฟันแน่นพร้อมกับพูดว่า “คุณพูดจามั่วซั่วอะไร? ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย! ”
“งั้นเหรอ? ”
พอดีกับที่ไฟแดงผ่านไปแล้ว มือของเย่โม่เซินก็กลับมาจับที่พวงมาลัย สายตาก็กลับไปอยู่ที่เดิม ไม่สนใจเธออีก
หานมู่จื่อกลับรู้สึกว่า เขาอาจจะคิดว่าเธอเป็นคนบ้าไปแล้วจริงๆ
ไม่ยังงั้นเขาก็จะไม่เอาแต่เน้นย้ำเรื่องนี้หรอก แล้วอีกอย่าง……หลังจากที่จูบเธอในห้องทำงานวันนี้แล้ว บอกว่าโดนยั่วเย้า?
เดิมทีเธอวางแผนจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ใครจะไปรู้ว่า……มันจะเจ๊งแบบนี้ไปได้
หานมู่จื่อท้อถอย
ความเร็วรถของเย่โม่เซินคงที่มาก มาถึงหน้าบ้านของหานมู่จื่ออย่างรวดเร็ว หลังจากที่เย่โม่เซินจอดรถแล้วก็เตรียมจะขึ้นไปชั้นบนกับเธอ
ตอนที่ทั้งสองคนเข้าไปนั้นก็บังเอิญเจอกับเจ้าของบ้านที่พึ่งจะกินข้าวเย็นเสร็จและเตรียมจะออกไปเดินเล่นพอดี วันนี้เธอจูงหมามาตัวหนึ่ง พอเห็นหานมู่จื่อกับเย่โม่เซินเดินเข้ามาด้วยกัน ก็มองหน้าเธอพร้อมกับคลี่ยิ้มออกมา
“มู่จื่อ พาแฟนกลับมาอีกแล้วงั้นเหรอ? ”
หานมู่จื่อ :“……”
เธอไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว จะบอกว่าไม่ใช่แฟน แต่ว่าเขามาที่นี่สองวันติดแล้ว ต่อให้เธอบอกว่าไม่ใช่ เจ้าของบ้านก็ไม่น่าจะเชื่อ
สุดท้ายหานมู่จื่อก็ขี้เกียจจะอธิบายแล้ว เธอทักทายเจ้าของบ้านแล้วก็เดินขึ้นไปชั้นบน
เมื่อเธอหยิบกุญแจเพื่อจะเปิดประตูนั้น เย่โม่เซินที่อยู่ด้านหลังก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เธอบอกว่าฉันเป็นแฟนเธอยังงั้นเหรอ? ”
มือของหานมู่จื่อที่กำลังเปิดประตูอยู่นั้นก็สั่น กุญแจก็ตกลงบนพื้น เธอคุกเข่าลงด้วยความตื่นตระหนกเพื่อเก็บมันแล้วก็เปิดประตูอีกครั้ง หลังจากนั้นก็พูดอย่างเกรี้ยวกราด “จะเป็นไปได้ยังไง? ฉันไม่ใช่คนที่ชอบปล่อยข่าวลือ ก็แค่เจ้าของบ้านฉันจินตนาการล้ำเลิศเกินไปหน่อย”
“งั้นเหรอ? ” เย่โม่เซินมองเธอนิ่งๆ แล้วก็ก้าวเข้าไปด้านใน
ในตู้รองเท้าของเธอยังคงมีแค่รองเท้าแตะที่ไว้สำหรับใส่ในบ้านของเธอเอง เย่โม่เซินก็ทำได้แค่เหยียบพื้นด้วยเท้าเปล่า สัมผัสที่เย็นเฉียบทำให้เขาขมวดคิ้ว
ดูเหมือนว่า เขาต้องเตือนให้เธอเตรียมรองเท้าใส่ในบ้านของผู้ชายไว้คู่หนึ่งแล้ว