บทที่809 วันนี้ติดหนี้
ตวนมู่เสว่ออกมาจากตระกูลยู่ฉืออย่างพึงพอใจมาก ตอนที่เธอกำลังกลับนั้นก็บังเอิญเจอกับเย่โม่เซินที่พึ่งกลับมาพอดี เธอดีใจมากจนรีบเดินเข้าไปต้อนรับ
“พี่เซิน กลับมาแล้วเหรอ? วันนี้ทำงานล่วงเวลาเหนื่อยไหมคะ? ”
เย่โม่เซินเหลือบมองฝ่ายตรงข้าม แล้วก็ตอบแค่อืมสั้นๆ หลังจากนั้นก็เดินผ่านข้างๆ เธอไป และไม่มองเธออีกเลย
ตวนมู่เสว่รู้สึกได้ถึงลมแรงๆ ที่พัดอยู่ด้านข้างของเธอ มือที่อยากจะยื่นไปจับก็หยุดอยู่กลางอากาศอย่างกระอักกระอ่วน เธอกำหมัดแน่นด้วยความโกรธพร้อมกับกัดฟันแน่นเช่นกัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ลดมือลง แล้วก็ยิ้มปลอบใจตัวเอง
ไม่เป็นอะไรหรอก ยิ่งนิสัยของเขายิ่งเย็นชาเท่าไหร่ยิ่งดี หมายความว่าเขาไม่ใช่คนที่ใครก็สามารถได้มาครอบครอง ขอแค่เธอได้หมั้นกับเขา แล้วก็หาวันดีๆ เพื่อจัดงานแต่งงาน ยังจะห่วงเรื่องที่เขาจะไม่รักเธออีกเหรอ?
ตัวเธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆ มีวิธีทำให้เขาทุ่มเทความรักให้ตัวเองได้เหมือนกัน
พอคิดได้แบบนี้ ในใจของตวนมู่เสว่ก็รู้สึกสบายขึ้นเยอะ หลังจากนั้นก็กลับออกไป
เย่โม่เซินทักทายยู่ฉือจินเหมือนเคย หลังจากนั้นก็เตรียมจะขึ้นไปชั้นบน แต่ไม่คิดว่ายู่ฉือจินจะเรียกเขาเอาไว้ก่อน
“ช่วงนี้ทำงานล่วงเวลาทุกวันเลยเหรอ? ”
เย่โม่เซินเม้มปากและคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า “เรื่องที่บริษัทผมจัดการได้ ไม่จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาหรอก”
พอได้ยินแบบนั้น ยู่ฉือจินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน “ไม่จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลา? แล้วหลายวันมานี้แกไปไหนกัน? ไม่ได้ทำงานอยู่ที่บริษัท แล้วทำไมไม่กลับมากินข้าว? ”
“ช่วงนี้มีเรื่องนิดหน่อยครับ” ส่วนมันคือเรื่องอะไรนั้น แน่นอนว่าเย่โม่เซินไม่บอกเขาง่ายๆ หรอก
ยู่ฉือจินอยากจะถามว่าเรื่องอะไร แต่ว่าย้อนคิดถึงคำพูดที่เขาพูดกับตัวเองเมื่อวาน ก็รู้สึกว่าถามไปแบบนี้มันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ดังนั้นก็เลยกลืนคำพูดที่ติดอยู่ที่มุมปากลงไป เปลี่ยนเป็น “พรุ่งนี้ไม่น่ามีธุระอะไรแล้วใช่ไหม? พรุ่งนี้ฉันนัดกินข้าวกับปู่ตวนมู่ของหลานและเสี่ยวเสว่ ตอนทุ่มหนึ่ง”
เย่โม่เซินได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว แสดงให้เห็นชัดว่าไม่พอใจ
“ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าผมไม่สนใจเธอ? คุณตา อยากจะเร่งจับคู่ผมกับเธองั้นเหรอ? ”
ยู่ฉือจินทำเสียงในลำคอ “ไม่เป็นไร ถ้ายังงั้นก็เริ่มสนใจได้แล้วหนิ เจ้าเด็กเสี่ยวเสว่เป็นห่วงแกมาก หน้าตาก็สวย ครอบครัวก็ดี แกก็ค่อยๆ สนใจเธอ แล้วก็จะค้นพบข้อดีของเธอเองนั่นแหละ”
เย่โม่เซิน:“……”
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ตอนที่เขามองตวนมู่เสว่นั้น มีความรู้สึกที่ไม่ค่อยสบายใจ โดยเฉพาะสายตาที่เธอมองเขากับท่าทีที่เธออยากจะใกล้ชิดกับเขาด้วย
มันทำให้เขาต่อต้านมาก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเย่โม่เซินถึงไม่ยอมมองหน้าเธอเท่าไหร่
“อาเซิน เชื่อตาเถอะ ยังไงเสี่ยวเสว่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของแกในตอนนี้ ถ้าเกิดว่าแต่งงานล่ะก็”
ถ้าเกิดว่าแต่งงานล่ะก็……
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จู่ๆ ก็มีใบหน้าที่งดงามและละเอียดอ่อนปรากฏขึ้นต่อหน้าของเย่โม่เซิน เธอน้ำตาคลอมองหน้าเขาแล้วพูดว่าไม่
เย่โม่เซินนิ่งไป ทำไมในเวลาแบบนี้……เขาถึงคิดถึงเธออีกแล้ว? ”
“ได้ยินไหม? ไปกินข้าวด้วยกันตอนหนึ่งทุ่ม ถ้าเกิดว่าแกไม่มา ตาจะไม่มีวันให้อภัยแกเด็ดขาด”
เย่โม่เซินดึงสติกลับมา แล้วก็นึกถึงคำพูดของยู่ฉือจิน แล้วก็ตอบอย่างเย็นชา “ผมจะไปให้ตรงเวลา”
ถ้าเกิดว่าหลีกหนีล่ะก็ ยังไงก็ต้องมีครั้งอื่นอีก มันจะดีกว่าถ้าทำทุกอย่างให้ชัดเจนทีเดียวไปเลย
ยู่ฉือจินคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข “ตารู้อยู่แล้วว่าแกจะไม่ทำให้ตาผิดหวัง”
“ใช่สิตา……เมื่อก่อนผมอยู่ที่ตระกูลยู่ฉือมาตลอดเลยเหรอ? ” จู่ๆ เย่โม่เซินก็ถามออกมา
รอยยิ้มบนใบหน้าของยู่ฉือจินก็ค้างทันที เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ “จะถามแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน? เมื่อก่อนตาก็เคยบอกแกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าตาเป็นคนเลี้ยงแกมาเองกับมือ ให้แกสืบทอดกิจการทั้งหมดของตระกูลยู่ฉือในอนาคต ที่ตอนนี้แกถามแบบนี้ เพราะว่าคิดว่าตาโกหกยังงั้นเหรอ? ตาจะยกกิจการให้คนนอกยังงั้นรึไง? ”
เย่โม่เซิน:“……”
เขาไม่ได้สงสัยในคำพูดของยู่ฉือจิน แต่แค่สงสัยในประวัติชีวิตของตัวเอง เพราะว่าตอนที่เขาฟื้นมานั้นก็ลืมไปทั้งหมดว่าตัวเองคือใคร ยู่ฉือจินเป็นคนบอกว่าตัวเองเป็นตาแท้ๆ ของเขา เขาเจออุบัติเหตุทางทะเล หัวกระแทกก้อนหินได้รับบาดเจ็บ ก็เลยความจำเสื่อม แต่ว่าบอกว่าเขาไม่ต้องห่วง จะหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาให้เขา
ตาคนนี้ดีกับเขามากจริงๆ แต่เย่โม่เซินกลับไม่ได้รู้สึกสนิทมากขนาดนั้น
แต่ว่าเรื่องญาติมันไม่สามารถโกหกได้ ยังไงมันก็มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอยู่
แล้วอีกอย่างครอบครัวและกิจการตระกูลยู่ฉือก็ใหญ่ ยังไงก็ไม่มีทางยอมทิ้งกิจการที่ใหญ่โตขนาดนี้ให้คนนอกหรอก
“ช่วงนี้แกจำอะไรขึ้นมาได้เหรอ? ปวดหัวไหม? ให้เรียกหมอมาตรวจดีไหม? ”
เย่โม่เซินส่ายหน้า แล้วพูดอย่างนิ่งๆ “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่เป็นไร”
“ถ้ายังงั้นก็ดี ยาที่ผู้อำนวยการเอาให้แกยังกินอยู่ใช่ไหม? ไม่เป็นไรนะอาเซิน แกเป็นหลานแท้ๆ ของฉัน ไม่ว่าแกจะมีความทรงจำตอนก่อนหน้านี้หรือไม่มีมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเครียดไปหรอก นึกไม่ออก……ถ้ายังงั้นก็ไม่ต้องไปคิดมัน ยังไงความทรงจำในอดีตมันก็ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ คนเราน่ะนะ……สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมองไปข้างหน้าต่างหาก”
ยังไงเขาก็เป็นคนแก่ หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดอะไรยืดเยื้อ เย่โม่เซินฟังอยู่พักหนึ่งแล้วก็พูดว่า “ผมไปพักผ่อนก่อนนะ”
เย่โม่เซินกลับมาที่ห้อง อาบน้ำทำความสะอาด ตอนที่ออกมานั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้า แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นชุดสูทที่อยู่ด้านใน
ชุดนี้เป็นชุดที่หานมู่จื่อเอากลับมาหนิ
วันนั้น เขาเห็นเธอเอาชุดสูทแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า แล้วก็……ชุดชั้นในก็แขวนอยู่บนนั้นด้วย ตอนนั้นเขาถึงกับต้องเดินเข้าไปถามว่าเธอเป็นบ้ารึเปล่า
แล้วตอนนี้……ล่ะ?
ทั้งๆ ที่รู้เรื่องพวกนี้ ทั้งๆ ที่บอกเธอว่าเขาไม่มีวันใส่สูทชุดนี้และไม่ต้องการมันอีกแล้ว แต่ว่าพอเอากลับมาแล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เหมือนกับมีเวทมนต์ เขาเอาสูทชุดนี้มาแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าของเขา
แล้วอีกอย่าง ยังไว้ตำแหน่งที่เปิดมาก็เจอเลย
เย่โม่เซินจ้องสูทชุดนั้นอยู่นั้น ทันใดนั้นก็คลี่ยิ้มออมา
“ทำไมถึงได้รู้สึกว่า ฉันต่างหากที่เป็นบ้า? ”
*
วันที่สอง
เพราะว่าเชิญเย่โม่เซินมากินข้าวหนึ่งอาทิตย์ติดต่อกัน หานมู่จื่อก็เลยเตรียมวัตถุดิบที่สดใหม่ไว้เยอะมาก คิดแม้แต่ว่ากลับไปแล้วจะทำเมนูอะไรด้วยซ้ำ
ตอนเลิกงานนั้น เธอเดินช้าๆ อย่างไม่ตั้งใจ รอให้เย่โม่เซินตามเธอมาแล้วบอกให้เธอขึ้นรถ
ผลก็คือ เดินไปสักพักรถของเย่โม่เซินก็มาถึงแล้ว
แต่วันนี้เขาไม่ได้รอให้เธอขึ้นรถ เย่โม่เซินพูดว่า “วันนี้ฉันมีธุระ”
พอได้ยินแบบนั้น หานมู่จื่อก็หยุดเดิน “หา? ”
เขาหมายความว่า วันนี้จะไม่ไปกินข้าวบ้านเธอยังงั้นเหรอ?
เย่โม่เซินจ้องเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ลดเสียงลงเล็กน้อย “แต่ว่าเธออย่าคิดจะหนีนะ เวลาก็จะถูกเลื่อนออกไป วันนี้ถือว่าเธอติดหนี้ฉัน”
หานมู่จื่อ :“……”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว แต่ว่า……คุณมีธุระอะไรเหรอ? ”
เธออดไม่ได้ที่จะถามสิ่งที่สงสัยอยู่ภายในใจ
มองไปที่ผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้าฉันด้วยความสงสัยบนใบหน้าขาวๆ ของเธอ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จู่ๆ เย่โม่เซินก็รู้สึกผิดขึ้นมา
ดวงตาของเธอใสสะอาดเกินไปแล้ว ไม่ได้มีร่องรอยของสิ่งสกปรกเลย มองตรงเข้าไปในหัวใจของเขา
เย่โม่เซินหลบตาและกระแอมเบาๆ “ไปกินข้าวกับแขกที่ตาฉันนัดไว้น่ะ”
หลังจากอธิบายจบ เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วอย่างรวดเร็ว ทำไมเขาถึงต้องอธิบายกับผู้หญิงคนนี้เยอะขนาดนี้ด้วย?
“สรุปก็คือ วันนี้ติดไว้ก่อน เข้าใจไหม? ”