บทที่810 ความเกลียดชังที่ลึกซึ้ง
หานมู่จื่อเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่พยักหน้า
หลังจากนั้นเธอก็มองดูรถของเย่โม่เซินจากไป ในใจมีความรู้สึกผิดหวังอย่างที่อธิบายไม่ได้
ไม่โทษที่เขามาตามนัดไม่ได้หรอก ยังไงใครก็ต้องมีเรื่องด่วนกันทั้งนั้น
เธอก็แค่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อมาทั้งวัน จินตนาการว่ากลับไปแล้วจะทำอะไร แล้วก็ลองดูว่าเย็นวันนี้ทั้งสองคนจะมีอะไรคืบหน้าได้หรือไม่ สำรวจปฏิกิริยาโต้ตอบของเขา
ตอนนี้ ทั้งหมดเหลือแค่ความว่างเปล่า ในใจเธอก็รู้สึกเหมือนว่างเปล่า
หานมู่จื่อถอนหายใจออกมา เอื้อมมือไปปัดผมที่ปรกหน้าของตัวเอง หลังจากนั้นก็เดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดินต่อ
เฮ้อ คนเราไม่ควรจะคุ้นชินกับสิ่งต่างๆ มากเกินไป ไม่ยังงั้น……ก็จะเกิดความผิดหวังได้ง่าย
เธอเดินช้ามาก เหมือนกับว่ากำลังเดินเล่นอยู่ และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเดินไปนานแค่ไหน หานมู่จื่อรู้สึกได้เหมือนว่ามีรถคนหนึ่งตามตัวเองอยู่
ตอนแรกเธอนึกว่าตัวเองรู้สึกไปเอง แต่พอเดินไปครู่หนึ่งก็พบว่ามีรถคันหนึ่งตามเธอช้าๆ
เธอขมวดคิ้ว หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับเปิดกล้องด้านหน้าเตรียมจะตรวจสอบ
รถคันนั้นลดกระจกลง เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย แล้วก็กวักมือเรียกเธอ
หานมู่จื่อ :“……”
ทำไมถึงเป็นเขาอีกแล้ว?
เขาตามเธอมาทำไมกัน?
หานมู่จื่อหยุดเดิน แล้วหันกลับไปมองเขา
ตวนมู่เจ๋อขับรถมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว แล้วก็เลิกคิ้วให้เธอ “ขึ้นรถไหม? ”
เมื่อเทียบกับเย่โม่เซิน เมื่อหานมู่จื่อเผชิญหน้ากับตวนมู่เจ๋อนั้นเธอไม่มีสีหน้าอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว มองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา
“เอ้ะ? รู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว? ทำไมทุกครั้งที่คุณมองผมต้องดูเหมือนว่าคุณเกลียดฉันอย่างลึกซึ้งขนาดนั้นล่ะ? ผมจำได้ว่าผมไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อคุณเลยไม่ใช่เหรอ? แล้วคุณรู้ไหมว่าการที่คุณมองผมด้วยสายตาแบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงสายตาแบบไหน? ”
หานมู่จื่อไม่ตอบเขา
ตวนมู่เจ๋อคลี่ยิ้ม “เหมือนกับเห็นสายตาของแฟนเก่าคุณไง”
วินาทีหลังจากที่เขาพูดจบ หานมู่จื่อหันหน้าและเตรียมเดินจากไป
ตวนมู่เจ๋อเห็นดังนี้ ก็รีบเปิดประตูรถ แล้วตามไปอย่างรวดเร็ว ขวางทางของเธอเอาไว้
หานมู่จื่อมองตวนมู่เจ๋อที่ขวางทางเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เธอรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีกับเขาเลยจริงๆ ถึงแม้ว่าครั้งที่แล้วเขาจะเคยช่วยเธอไว้ แต่ว่าสำหรับเธอแล้ว เขาเองก็เป็นแค่คนแปลกหน้า
แล้วอีกอย่างน้องสาวของเขา ก็เคยอ่อยเย่โม่เซิน
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่? ”
“ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย ก็แค่บังเอิญมาเจอคุณที่นี่ แปลกจังเลยเนอะ”
พอได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อก็หัวเราะเยาะ
“บังเอิญเจอฉันงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าคุณแอบถามแล้วก็ตามฉันมางั้นเหรอ? ”
รอยยิ้มที่มุมปากของตวนมู่เจ๋อจางลงไปเยอะ “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้เป้าหมายที่ผมมาในวันนี้แล้ว”
เดาได้แล้วมันยังไงกันล่ะ? มองหน้าตวนมู่เจ๋อที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง แล้วหานมู่จื่อก็ถอนหายใจออกมา หลังจากนั้นก็พูดว่า “มีเรื่องอะไร พูดมาเลย”
“ตรงนี้จอดรถไม่ได้ คุณก็น่าจะรู้” ตวนมู่เจ๋อมองเธอและยิ้ม หลังจากนั้นก็หันไปมองรถตัวเองที่จอดอยู่ “ขึ้นรถก่อนเถอะ พวกเราไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่าไหม? ”
หานมู่จื่อ :“……”
“ขอโทษที วันนี้เย็นมากแล้ว ฉันต้องรีบขึ้นรถไฟ เกรงว่าไม่สามารถ……”
“คุณไม่อยากรู้เรื่องของเย่โม่เซินงั้นเหรอ? ” ตวนมู่เจ๋อตัดบทเธออย่างรวดเร็ว “แล้วอีกอย่างถ้าเย็นไปไม่มีรถไฟ เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง”
“……”
สุดท้าย หานมู่จื่อก็ขึ้นไปบนรถของตวนมู่เจ๋ออย่างเงียบๆ เขาพาเธอไปที่ร้านอาหาร จองห้องส่วนตัวขนาดเล็กที่สวยงาม ตอนที่สั่งอาหารนั้นก็พูดกับหานมู่จื่อว่า “กินข้าวเย็นที่นี่ไปเลยแล้วกัน ร้านนี้รสชาติไม่เลวเลย”
หานมู่จื่อมีอารมณ์กินข้าวกับเขาที่ไหนกัน แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่ยอมกินข้าวกับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างที่บ้านยังมีวัตถุดิบอีกมากมายรอให้เธอกลับไปทำอยู่
พอคิดแบบนี้ หานมู่จื่อก็เม้มริมฝีปากของตัวเอง ไม่ได้ตอบอะไรเขา
พอตวนมู่เจ๋อสั่งอาหารเสร็จก็ส่งเมนูให้เธอ “ดูสิว่าอยากกินอะไร? ”
พนักงานก็ยืนรออยู่ข้างๆ
หานมู่จื่อปิดเมนูแล้วก็ส่งคืนให้กับพนักงานที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับยิ้มให้เธอ “สวัสดีค่ะ ฉันขอน้ำอุ่นแก้วหนึ่งก็พอแล้วค่ะ”
“เอ่อ……”พนักงานรับเมนูมาจากมือเธอ แล้วก็มองเธออย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “คือคุณผู้หญิงคะ ร้านของเรา……”
ตวนมู่เจ๋อที่นั่งอยู่ตรงข้ามดีดนิ้วของเขา “ทำตามที่เธอบอก”
“ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ”
ไม่นาน น้ำอุ่นก็ถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ ตอนว่างๆ ตวนมู่เจ๋อก็สำรวจเธอ ส่ายหัวพร้อมกับยิ้มแล้วพูดว่า “นี่คุณอยากจะรีบกลับขนาดไหนกัน เนื้อหาที่จะคุยกันยังไม่ทันจะเริ่มเลย แน่ใจนะว่าอยากจะนั่งตรงข้ามดูผมกิน? ”
หานมู่จื่อหยิบน้ำอุ่นขึ้นมาจิบด้วยใบหน้าที่เย็นชา “อาหารที่นี่น่าจะไม่ได้มาเร็วเท่าไหร่ เมื่อกี้ตอนอยู่ด้านล่างเห็นว่ามีลูกค้าหลายคนยังรออาหารอยู่ ภายในสิบนาทีคุณน่าจะรอไม่ไหวแล้วล่ะ ภายในสิบนาทีนี้คุณอยากจะพูดอะไร ก็รีบพูดออกมาให้ชัดเจนดีกว่า”
หลังจากพูดจบ หานมู่จื่อก็วางแก้วลง แล้วก็มองตวนมู่เจ๋อที่อยู่ตรงข้ามตัวเอง
“เริ่มเลยเถอะ”
“เป็นทางการขนาดนี้เลยเหรอ? ” ตวนมู่เจ๋อหยอกล้อเธอ “จริงจังขนาดนี้ ผมไม่ค่อยจะชินเท่าไหร่แหะ”
“คุณตวนมู่ ถ้าเกิดว่าคุณรู้ว่าการเคารพคนๆ หนึ่งมันเป็นยังไง ก็ควรจะเก็บรอยยิ้มลูกผู้ดีมีเงินของคุณไป แล้วก็ตั้งใจคุยกับฉัน ยังไงคุณก็เป็นคนนัดฉันมาไม่ใช่เหรอ? ”
“ก็ได้”
ตวนมู่เจ๋อเห็นว่าเธอร้อนใจจริงๆ ก็ไม่อยากจะหยอกล้อเธออีกต่อไปแล้ว ได้แต่เลิกคิ้วขึ้น แล้วก็กลับมาอยู่ในท่าทางปกติ
ความจริงเขาก็ยังไม่เต็มใจหรอก ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เจอผู้หญิงดุขนาดนี้ ก็เลยอดไม่ได้ที่อยากจะหยอกล้อหน่อย ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรอก
“ก่อนที่จะคุยกัน ผมมีบางอย่างที่อยากจะถามคุณ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่? ”
“คุณตวนมู่ คำถามพวกนี้……ฉันนึกว่าคุณน่าจะสืบมาจนชัดเจนแล้วสิถึงจะถูก”
ไม่ยังงั้น เขาจะมาพูดกับตัวเองได้อย่างมั่นใจได้ยังไงว่าจะมาคุยเรื่องของเย่โม่เซิน
“ที่จริง เรื่องที่เกี่ยวกับคุณ แล้วก็เย่โม่เซินผมก็สืบมาหมดแล้ว แต่ว่าผมอยากมายืนยันกับคุณด้วยตัวเองอีกที เย่โม่เซิน……เขาความจำเสื่อมจริงๆ เหรอ? ”
ตอนที่เขาได้ยินข่าวนี้ ตวนมู่เจ๋อยังคงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ แม้ว่าเขาจะได้เจอเย่โม่เซินก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำกลายเป็นไม่รู้จักเขาไป
ไม่รู้จักเขาน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ว่าดูจากเรื่องที่หานมู่จื่อทำในช่วงนี้ เหมือนกับว่าเขาก็จำหานมู่จื่อไม่ได้เหมือนกัน
“เขาความจำเสื่อมจริงๆ รึเปล่า คุณสืบเอาก็รู้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาผ่านฉันเลย ถ้าเกิดว่าวันนี้คุณอยากจะถามอะไรพวกนี้ล่ะก็ ถ้ายังงั้นฉันคิดว่าฉันไม่มีอะไรจะตอบ เพราะว่าสถานการณ์ของฉันตอนนี้คุณเองก็เห็นแล้ว”
“ถ้ายังงั้นคุณรู้ไหมว่า เรื่องอื่นๆ ของคุณกับเย่โม่เซิน นอกจากในประเทศแล้ว เรื่องอื่นก็ถูกลบไปหมดแล้ว? ”
พอได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อก็ขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง? ”
นอกจากข่าวในประเทศ ทุกอย่างถูกลบหมดเลยเหรอ???
ตวนมู่เจ๋อค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “รวมถึงงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ครั้งนั้นด้วย เพราะว่าเจ้าบ่าวไม่ได้มาเข้าร่วมงานแต่งอย่างราบรื่น มันดึงปรากฏในสื่อต่างประเทศมากมาย แต่ว่า……ตอนนี้ไม่มีร่องรอยของงานแต่งงานครั้งนั้นอยู่แล้ว”
หลังจากพูดจบ ตวนมู่เจ๋อก็ได้แต่มองหานมู่จื่อ อยากจะดูว่าเธอจะมีปฏิกิริยายังไง