บทที่820 น้องอาละวาดพอหรือยัง
“เกิดอะไรขึ้น” ตวนมู่เจ๋อมองความเละเทะบนพื้น ก่อนจะย่นคิ้วอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะพูดเสียงแข็ง “เสี่ยวเสว่ หยุดอาละวาดเดี๋ยวนี้”
พอได้ยินเสียงของตวนมู่เจ๋อ เสียงของตกแต่งในห้องก็เงียบไปทันที
แต่สักพัก ทุกคนก็เห็นตวนมู่เสว่ถือแจกันเดินออกมา ก่อนจะเล็งแจกันไปที่ตวนมู่เจ๋อ
“อย่านะคะคุณหนู”
คนรับใช้รู้นิสัยเอาแต่ใจของตวนมู่เสว่ดี เพราะเธอเป็นหลานสาวที่ตวนมู่อ้าวเทียนประคบประหงมอย่างดี และยังมีพี่ชายที่ตามใจเธอทุกอย่าง เพราะต้องสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็ก ทำให้ผู้ชายทั้งสองคนตามใจเด็กสาวคนนี้มากเป็นพิเศษ
แต่ทุกคนคิดไม่ถึงว่าเธอจะเอาแต่ใจจนถึงขนาดนี้ ตอนนี้เธอถึงขั้นคิดจะทำร้ายพี่ชายของตัวเองเลยเหรอ
“น้องคิดจะทำอะไร” ตวนมู่เจ๋อมองหน้าน้องสาวของตัวเองนิ่ง น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมมาก
ตวนมู่เสว่ที่กำลังจับแจกันอยู่ สีหน้าของเธอโมโหมาก แต่พอเห็นว่าเป็นตวนมู่เจ๋อเธอก็ไม่กล้าลงมือ จนสุดท้ายเธอก็เอาความโมโหไปลงที่พวกคนรับใช้ เธอโยนแจกันไปทางพวกเธอ ก่อนจะด่า “ฉันบอกให้พวกแกออกไป ทำไมถึงไม่ออกไปอีก อยากตายหรือไง”
“ว้าย”
ทุกคนรีบวิ่งหนีไป
ตวนมู่เจ๋อคว้าแขนของตวนมู่เสว่มาจับไว้ เพื่อหยุดการกระทําของเธอ “อาละวาดพอหรือยัง”
“ปล่อยหนูนะ”
ตวนมู่เสว่พยายามดิ้นสุดแรง “พี่ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของหนู ยังไงซะพี่ก็ไม่เคยสนับสนุนหนูอยู่แล้ว ในเมื่อพี่ไม่เข้าข้างหนู พี่ก็ไม่ต้องมายุ่งกับหนู ปล่อยนะ”
เธอเหมือนคนบ้า อ้าปากกัดไหล่ของตวนมู่เจ๋ออย่างแรง
ตวนมู่เสว่กัดจนไหล่ของตวนมู่เจ๋อห้อเลือด คนรับใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นแบบนั้นก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
คุณหนูน่ากลัวจริงๆเลย น่ากลัวกว่าพวกนักเลงตามถนนซะอีก เพราะถึงแม้จะเจอพวกนักเลงพวกเธอก็สามารถวิ่งหนีได้ แต่ว่า… คนคนนี้เป็นเจ้านายของพวกเธอ ถ้าหากพวกเธอวิ่งหนีไป ก็ถูกเรียกกลับมาอยู่ดี
ตวนมู่เสว่ไม่รู้ว่าตัวเองกัดนานเท่าไหร่ รู้สึกได้แค่ว่าเริ่มได้กลิ่นเลือด แต่ตวนมู่เจ๋อก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ เธอหยุดกัด แล้วมองหน้าตวนมู่เจ๋ออย่างไม่พอใจ
“ทำไมพี่จะต้องไม่เข้าข้างหนูด้วย ทำไมคะ หนูยังเป็นน้องสาวของพี่อยู่ไหม”
ตวนมู่เจ๋อมีสีหน้าจนใจ เขามองไปที่คนรับใช้ ก่อนจะพูดสั่ง “พวกเธอไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองเถอะ คนที่ได้รับบาดเจ็บไปหาหมอซะ ค่ารักษากลับมาขอคืนจากฉันทีหลัง”
“ขอบคุณค่ะคุณชาย งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ”
บรรดาสาวใช้ช่วยพยุงกันเดินออกไป
หลังจากที่พวกเธอเดินออกไปแล้ว ตวนมู่เจ๋อก็มองไปทางตวนมู่เสว่ที่ไม่มีสติสัมปชัญญะ ก่อนจะพูดออกมาอย่างจนใจ “ก็เพราะว่าน้องเป็นน้องสาวของพี่ พี่ถึงได้ต้องห้ามน้องทำเรื่องไม่ดีแบบนี้ไงล่ะ”
“เรื่องไม่ดีเหรอคะ” ตวนมู่เสว่หัวเราะเยาะ เพราะความโกรธ ทำให้เธอตาแดงมาก เส้นเลือดบนใบหน้าปูดออกมาเป็นแถว ผมเผ้ายุ่งเหยิง ท่าทางงดงามเหมือนเจ้าหญิงในเวลาปกติไม่มีเหลือเลย
“อะไรที่เรียกว่าเรื่องไม่ดีคะ หนูแค่กล้าที่จะไล่ตามความรักของตัวเอง ไม่ได้เหรอคะ พี่ไม่เคยคิดจะสนับสนุนหนูเลย แล้วพี่ยังพยายามเข้ามาขัดขวางหนูมาตลอด ตอนนี้พี่ยังบอกว่าหนูทำเรื่องไม่ดี พี่ไม่เคยคิดว่าหนูเป็นน้องสาวของพี่ด้วยซ้ำ”
ตวนมู่เจ๋อขมวดคิ้ว “ไล่ตามความรักอย่างนั้นเหรอ เสี่ยวเสว่ น้องแน่ใจเหรอว่าแต่งงานกับเขาแล้วน้องจะมีความสุข เขาชอบน้องหรือเปล่า เขาเคยให้ความหวังน้องหรือไง หรือเขาจะเคยมองหน้าน้องสักครั้งไหม”
ตวนมู่เสว่ “…”
“ที่พี่ขัดขวางน้อง ไม่ใช่ว่าพี่กำลังทำร้ายน้อง ข้อแรก เขาไม่ได้รักน้องเลย ถ้าเขาสนใจน้องสักนิด เขาคงจะไม่ปฏิเสธการหมั้นหมายอย่างไร้เยื่อใยแบบนี้ ข้อที่สอง เขามีครอบครัวแล้ว ไม่ใช่คนที่น้องคิดจะครอบครองได้ น้องเข้าใจไหม”
ตอนที่พูดประโยคสุดท้าย ตวนมู่เจ๋อจงใจเน้นเสียงหนักแน่น เพื่อจะให้ตวนมู่เสว่รู้ซึ้งเรื่องที่ว่าเย่โม่เซินมีภรรยาแล้ว
แต่ตวนมู่เสว่กลับสูญเสียสติไปแล้ว เธอสะบัดแขนตวนมู่เจ๋อออกอย่างแรง ก่อนจะกรีดร้องแล้วเดินเซถอยหลัง พร้อมกับตะโกนออกมา “ไม่ เขายังไม่มีภรรยา งานแต่งงานครั้งนั้นถูกยกเลิกไปแล้ว และเขาเองก็ไม่ได้ปรากฏตัวในงานด้วย แต่เขากลับมาปรากฏตัวตรงหน้าหนู สวรรค์เป็นใจ ให้เขาได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้ง อีกทั้งยังสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป นี่เป็นสิ่งที่สวรรค์ดลบันดาล เขาถูกกำหนดให้ต้องแต่งงานกับหนูตวนมู่เสว่คนนี้ ถูกกำหนดให้อยู่กับหนูไปตลอดชีวิต”
“ถูกกำหนดอย่างนั้นเหรอ” ตวนมู่เจ๋อส่ายหน้า ก่อนจะยิ้มขมขื่น “น้องนี่ไม่รู้ภาษีภาษาจริงเลย บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ถ้าหากน้องยังคิดแบบนี้ พี่จะบอกอะไรให้ ถ้าหากถูกกำหนดไว้จริงๆ เขาก็จะยังคงตกหลุมรักหานมู่จื่ออยู่ดี ก่อนที่เขาจะสูญเสียความทรงจำเขาไม่ชอบน้องยังไง หลังสูญเสียความทรงจำเขาก็ไม่ชอบน้องอย่างนั้น”
คำพูดแต่ลำคำที่ตวนมู่เจ๋อพูดออกมา เหมือนเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงเข้าไปในใจของตวนมู่เสว่
“น้องคิดว่า ถ้านี่ไม่ใช่สิ่งที่สวรรค์กำหนดไว้แล้วจะเป็นอะไร”
คำพูดทิ่มแทงใจของตวนมู่เสว่ เธอมองหน้าตวนมู่เจ๋ออึ้ง ที่เขาพูดออกมาเธอโต้กลับไปไม่ได้เลย เธออ้าปากแล้วก็หุบปากอยู่อย่างนั้น คิดจะเถียงกลับไปก็ทำไม่ได้
“พี่พูดถูกไหม” ตวนมู่เจ๋อยกยิ้ม ก่อนจะเดินเข้ามาเกี่ยวเส้นผมที่ยุ่งเหยิงคล้องหูให้ตวนมู่เสว่ แล้วช่วยเธอเช็ดน้ำตาตรงขอบตาออกไป ก่อนจะถอนหายใจยาว “น้องสาวซื่อบื้อของพี่ น้องเป็นเจ้าหญิงของตระกูลตวนมู่ หน้าตาสวยและมีความสามารถโดดเด่น ผู้ชายตั้งมากมายที่ชอบน้อง ทำไมน้องจะต้องลดศักดิ์ศรีของตัวเองไปตามผู้ชายที่ไม่รักน้องด้วยล่ะ ก่อนที่คุณพ่อกับคุณแม่จะเสียชีวิตพวกท่านได้พูดอะไรกับพวกเราไว้ น้องลืมไปแล้วเหรอ”
ตวนมู่เสว่ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ปล่อยให้ตวนมู่เจ๋อช่วยเช็ดน้ำตา
“พวกท่านบอกไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็ต้องรักษาเกียรติให้ดี อย่าสูญเสียความเป็นตัวเองเพื่อใครเด็ดขาด ลูกหลานตระกูลตวนมู่ มีเกียรติและศักดิ์ศรีมากพอ”
คำพูดนี้ทำให้ตวนมู่เสว่คิดได้ เธอเองก็รู้สึกว่าเพื่อเย่โม่เซินแล้ว เธอกลายเป็นคนหมดสภาพได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อวานพอได้ยินเขาพูดว่าจะไม่แต่งงานกับเธอ เธอยังขอบตาแดง แล้วคิดจะวิ่งตามออกไปแต่ถูกคุณปู่ห้ามไว้ ทำท่าทางเหมือนไม่ยอมตายใจคิดจะตามออกไปอีก
รวมถึงเรื่องที่เธออาละวาดอยู่ในตอนนี้ เธอ… ทำเรื่องที่ขายหน้าออกไปจริงๆ
พอคิดดูเธอตวนมู่เสว่โตมาจนถึงขนาดนี้ เคยแต่จะถูกประคบประหงมดูแลอย่างดีไม่เคยถูกใครรังเกียจมาก่อน
พอคิดได้แบบนี้ ตวนมู่เสว่ก็ร้องไห้หนักขึ้น เธอกัดริมฝีปากตัวเอง แล้วเดินเข้าไปกอดตวนมู่เจ๋อไว้แน่น ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
“พี่คะ ฮือฮือ… แต่หนูชอบเขามากนี่คะ ตลอดชีวิตนี้หนูชอบแค่เขาคนเดียว อยากใช้ชีวิตอยู่กับเขาเท่านั้น…”