บทที่823 ไปเจอคุณตาพร้อมกับผม
เธอจะพูดอะไรได้
ที่เธอได้ยินมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะการเก็บเสียงของห้องพักนี้ไม่ค่อยจะดี ถึงแม้เธอจะไม่ได้ตั้งใจฟัง เสียงมันก็ดังเข้ามาให้เธอได้ยินอยู่ดี
และเธอคงไม่สามารถตัดหูตัวเองทิ้งหรอกจริงไหม
ตอนแรกที่ได้ยินเธออารมณ์เสียมาก แต่พอมาคิดๆดู วัยรุ่นก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ นี่เป็นเรื่องปกติมาก แล้วอีกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่คู่รักอายุยังน้อยจะออกมาอยู่ด้วยกันได้
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปฟ้องเจ้าของตึก ทำได้แค่รีบนอนก่อนจะได้ยินเสียงก็เท่านั้นเอง
แต่พอเอามาพูดต่อหน้าเย่โม่เซิน แล้วถูกเขาพูดล้อ เธอก็รู้สึกขายหน้ามาก
ในขณะที่เธออับอายขายหน้าจนถึงขีดสุด เย่โม่เซินก็ทิ้งระเบิดใส่เธอ ด้วยคำพูดเรียบๆ “แล้วใครบอกว่าผมจะไม่มาอยู่ที่นี่”
หานมู่จื่อตกตะลึงจนเบิกตาโต
“???”
เขายกมือขึ้นมา แล้วจับคางของเธอ นิ้วชี้แตะริมฝีปากของเธอ นัยน์ตาสีนิลเปล่งประกายระยิบระยับ “คุณเติมลิปสติกอีกแล้วเหรอ”
หานมู่จื่อพยักหน้ารับ
ถ้าเธอไม่เติม รอยแผลที่ริมฝีปากของเธอจะเห็นชัดมาก จึงได้แต่เติมใหม่เข้าไป
เขาไม่พูดอะไร แต่สายตากลับจับจ้องไปที่ริมฝีปากของเธอ แล้วค่อยๆช่วยเธอเช็ดสีลิปสติกออกจากริมฝีปากเธออย่างช้าๆ
ไม่นาน หานมู่จื่อก็เห็นว่านิ้วชี้ของเขากลายเป็นสีแดง
เธอขยับริมฝีปาก คิดจะพูดอะไรออกมา แต่กลับถูกเขาขยับเข้ามาจูบด้วยท่าทางอ่อนโยนซะก่อน
หานมู่จื่อกระพริบตาปริบๆ
ที่จริงแล้วตอนที่เขาขยับมือ เธอก็เริ่มตื่นเต้นแล้ว กำลังคิดอยู่เลยว่าหลังจากที่เขาเช็ดลิปสติกแล้วเขาจะ… คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำจริงๆ
หลังจากโดนจูบอยู่สักพัก หานมู่จื่อก็นึกขึ้นได้ จึงรีบผลักเขาออก แล้วพูดเสียงหอบ “ประ ประตูยังไม่ได้ปิดค่ะ”
เย่โม่เซินยื่นมือไปปิดประตูลง ก่อนจะคว้าท้ายทอยของเธอไว้ เพื่อไม่ให้เธอขยับหน้าหนี “ทำไมถึงตอนนี้แล้ว ผมยังไม่มีรองเท้าแตะที่ใช้ในห้องเป็นของตัวเอง”
หานมู่จื่อกระพริบตาปริบๆ ขนตาแพยาวที่ขยับตัวไปมาเหมือนพัด เธอพูดเสียงเหม่อ “ก็ ก็คุณไม่ได้บอกว่าอยากได้นี่คะ…”
พอได้ยินแบบนี้ เย่โม่เซินก็หรี่ตามอง “ผมยังไม่คู่ควรที่จะมีเหรอ”
“หืม”
ในขณะที่หานมู่จื่อยังไม่ทันได้ตั้งตัว เธอก็ถูกผลักไปชิดผนังห้อง แล้วถูกจูบทันที
จนถึงตอนนี้เธอถูกเย่โม่เซินพามานั่งบนรถ ตอนที่เขาช่วยเธอคาดเข็มขัดนิรภัย หานมู่จื่อถึงได้รู้สึกตัว
เมื่อตะกี้… เกิดอะไรขึ้น
อืม เหมือนว่าพวกเธอกำลังคุยกันถึงเรื่องรองเท้าแตะที่ใช้ในห้องอยู่ แล้วก็ถูกเขาจูบนานมาก เขาคล้องคอเธอ แล้วพูดเกลี้ยกล่อมให้เธอย้ายห้อง ที่นี่ตอนกลางคืนทางเดินมันมืดเกินไป ไม่มีความปลอดภัยเลย
ที่ทำให้เย่โม่เซินทนไม่ได้ที่สุดคือคู่รักข้างห้อง พวกเขาจะสอนเรื่องไม่ดีให้ผู้หญิงของเขา
แน่นอนว่าหานมู่จื่อปฏิเสธออกไป ถ้าย้ายห้องอีกมันยุ่งยากมาก หลังจากนั้นก็ไม่รู้อะไรอีกเลย เธอถูกเขาจูบไปจูบมาก็ลงมาถึงรถแล้ว ทั้งสองคนเตรียมจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต
หลังจากออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต ท้องฟ้าด้านนอกก็มืดแล้ว เย่โม่เซินเอาของทุกอย่างไปไว้หลังรถ โดยที่หานมู่จื่อแทบไม่ได้จับของหนักอะไรเลย
เย่โม่เซินทำหน้าที่แฟนหนุ่มได้ดีมาก ทำการช่วยเธอถือของทุกอย่าง บอกให้เธอเดินควงแขนเขาไว้ก็พอแล้ว
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จแล้ว หานมู่จื่อก็เก็บจานชามไปล้าง แล้วเริ่มครุ่นคิดอย่างหนัก
ช่วงเวลาที่เธอกับเย่โม่เซินรู้จักกัน จะว่านานก็ไม่นาน
สำหรับเรื่องที่อยากให้ความจำของเขากลับมา แล้วจำเธอได้ ช่วงนี้ลำบากมากจริงๆ หลังจากครั้งแรกที่ทั้งสองคนมีอะไรกัน หลังจากนั้นเขาก็ไม่มีปฏิกิริยาพิเศษอะไรอีกเลย
พอคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็ไม่มีอารมณ์จะล้างจานต่อแล้ว เธอล้างมือก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ตอนนี้เย่โม่เซินไม่ได้อยู่ที่ห้องรับแขก แต่ยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“ครับ ผมจะกลับดึกหน่อย”
พอพูดเสร็จ เขาก็กดวางสายไป แล้วพิงขอบระเบียง ก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ไฟของบุหรี่ส่องแสงในความมืดปริบๆ
หลังจากที่จุดบุหรี่แล้ว เขาก็ไม่ได้เร่งรีบที่จะสูบ แค่เอามาคีบไว้ปล่อยให้มันเผาไปช้าๆ
ดูเหมือนคุณตาจะพยายามจับคู่ให้เขากับตวนมู่เสว่เป็นพิเศษ ตอนที่พ่อบ้านโทรมาหาเขา บอกว่าท่านโมโหมาก จนเกือบจะเป็นลม ตอนนี้ถูกพาไปพักผ่อนในห้องแล้ว คุณหมอก็ไปดูอาการแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรมาก
เขาไม่มีทางแต่งงานกับตวนมู่เสว่แน่นอน
ส่วนเรื่องที่ว่าจะพูดเกลี้ยกล่อมคุณตายังไงนั้น…
เย่โม่เซินที่นิ่งคิดอยู่สักพักก็ขยับตัว แล้วหันหลังกลับเข้าไปในห้อง
จึงสบตาเข้ากับหานมู่จื่อพอดี
พอเห็นเธอ เย่โม่เซินก็รีบดับบุหรี่แล้วเดินเข้ามาในห้อง
หานมู่จื่อยืนมองเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าตัวเอง โดยไม่พูดอะไร เธอถูกเขาอุ้มขึ้นมากะทันหัน ด้วยความที่กลัวจะตกลงไป เธอจึงยกมือขึ้นมากอดคอเขาไว้ หลังจากนั้นก็ถูกเขาอุ้มไปนั่งลงบนโซฟา
เธอกระพริบตาปริบๆ “เมื่อตะกี้… ที่บ้านคุณโทรมาเหรอคะ”
เย่โม่เซินเม้มปาก ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ก้มลงไปเพื่อจะจูบเธออีกครั้ง
ทั้งสองคนเพิ่งจะกินข้าวเสร็จ หานมู่จื่อยังไม่ทันได้บ้วนปากเลย ถ้าหากจูบตอนนี้…
พอคิดได้แบบนี้ หานมู่จื่อก็เบือนหน้าหนี ทำให้ริมฝีปากของเขาจูบที่แก้มของเธอแทน เขาหยุดนิ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นมาจับคางของเธอไว้ แล้วพูดเสียงแหบพร่า “หลบทำไม”
หานมู่จื่อไม่มีทางบอกเหตุผลที่แท้จริงออกไปแน่ๆ เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “คนที่บ้านคุณ… โทรมาเร่งเร้าให้คุณกลับบ้านแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
พอพูดจบ เย่โม่เซินก็หยุดนิ่งทันที
เธอรู้สึกแปลกใจ หรือว่าเธอจะพูดอะไรผิดไป
เธอหันหน้ากลับไปมอง แต่เย่โม่เซินกลับจูบลงมากะทันหัน ริมฝีปากของเขาแตะริมฝีปากของเธอ แล้วผละออก ก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้ม “ไปเจอคุณตากับผม ได้ไหม”
หานมู่จื่อ “??? “
สมองของเธอเหมือนหยุดทำงาน เมื่อตะกี้เย่โม่เซินพูดว่าอะไรนะ ให้เธอไปเจอคุณตากับเขาอย่างนั้นเหรอ เธอไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม
นี่หมายความว่า ทั้งสองคนจะประกาศสถานะความสัมพันธ์กันแล้วเหรอ
ไม่ใช่สิ ก็พวกเธอยังไม่เคยพูดเกี่ยวกับเรื่องเป็นแฟนกันเลยสักครั้ง ทำไมเขาถึงบอกว่าจะพาเธอไปเจอคุณตาของเขาล่ะ
หานมู่จื่อมึนงงไปทันที แต่ก็ซาบซึ้งใจมาก
ถึงแม้เย่โม่เซินจะไม่เคยบอกว่ารักหรือชอบเธอ แต่ทุกการกระทำของเขามันบ่งบอกอย่างชัดเจน ว่าเขาใส่ใจเธอมากกว่าที่เธอคิดไว้
“หืม”พอเห็นเธอนิ่งอึ้งไป เย่โม่เซินก็ถามอีกครั้ง
หานมู่จื่อ “ฉัน…”
เธอยังไปเจอคุณตาของเขาตอนนี้ไม่ได้ ความทรงจําของเขายังไม่กลับมาเลย ถ้าไปตอนนี้มันจะกะทันหันเกินไป
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น ท่าทางลำบากใจมาก
เย่โม่เซินมองหน้าเธอสักพัก แววตาของเขาเคร่งขรึม
“เร็วเกินไปเหรอครับ”
ทั้งสองคนมาจนถึงขั้นนี้แล้ว หานมู่จื่อจึงอยากจะลองถือโอกาสนี้ถามดู
เธอคล้องคอของเขาไว้ “ตอนนี้พวกเราตกลงเป็นแฟนแล้วเหรอคะ คุณถึงคิดจะพาฉันไปเจอคุณตาของคุณแบบนี้”
เย่โม่เซินมองหน้าเธอ ก่อนจะหรี่ตาลง “หรือว่าไม่ใช่ครับ ตอนที่อยู่ข้างล่าง แล้วเจอกับเจ้าของตึก…”
“งั้นฉันมีคำถามอยากจะถามคุณค่ะ ตอนที่คุณจูบฉัน คุณรู้สึกยังไง”