บทที่ 831 คุณวางยาอะไรให้ฉัน
หืม?
หานมู่จื่อนึกว่าตัวเองได้ยินผิด หรือว่าตัวเองเกิดภาพหลอน มิฉะนั้นเธอจะได้ยินเย่โม่เซินพูดว่าข้อเสนอของเฉียวจื้อไม่เลวได้อย่างไร?
เธอมองคนตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ นัยน์ตาที่หล่อเหลาลุ่มลึกนั้น น่าดึงดูดราวกับทะเลที่ไร้ขอบเขต อาจเป็นเพราะว่าไม่ได้ดื่มน้ำมาเป็นเวลานาน ดังนั้นริมฝีปากบางของเขาจึงดูแห้งเล็กน้อย เขาโน้มตัวเข้ามา
“ข้อเสนอดีมาก สามารถพิจารณาอย่างจริงจัง คุณว่ายังไง?”
หานมู่จื่อนิ่งอึ้งอยู่กับที่
เขาอยู่ใกล้กับตัวเองมาก ไอร้อนที่พ่นจากลมหายใจ กระทบสู่ตัวเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความรู้สึกที่ไม่สมจริง
หานมู่จื่อได้ยินเสียงของตัวเอง ถามเขาอย่างแผ่วเบา
“ได้จริงๆเหรอ?”
หลังจากถามจบ เธอก็กะพริบตาอย่างประหม่าอีกครั้ง “คุณยอม…… กลับประเทศจีนกับฉันเหรอ?”
น้ำเสียงของเธอมีความสั่นสะเทือนเล็กน้อย ซึ่งอาจเกิดจากความตื่นเต้น ถ้าหากเย่โม่เซินเต็มใจที่จะเดินทางกลับประเทศจีนกับเธอจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเรื่องต่างๆก็จะง่ายขึ้นมาก
เมื่อถึงกลับไปถึงประเทศจีน ก็จะมีคนมากมายอยู่เคียงข้างเธอ คอยสนับสนุนเธอ ไม่เหมือนตอนนี้ มีเธอเพียงคนเดียว
มือของเย่โม่เซินยื่นออกไป สอดมือเข้าไปที่ใต้วงแขนของเธอโดยตรง แล้วกอดเธอขึ้นมานั่งบนตักของตัวเอง หานมู่จื่อไม่ถือว่าสูงมาก แต่ก็ไม่ได้เตี้ยเกินไป แต่ตัวเธอค่อนข้างผอม ดังนั้นในสายตาของเย่โม่เซิน คือเป็นคนตัวเล็กกะทัดรัดมาก จะกอดจะอุ้มอะไรก็ตาม ก็แค่ขยับมือตามความต้องการเท่านั้น
เช่นเดียวกับตอนนี้ เธอก็ถูกเขาดึงไปนั่งบนตักอีกแล้ว มือทำได้เพียงโอบไหล่ของเขาไว้
เย่โม่เซินรู้สึกว่าตัวเองอาจจะบ้าไปแล้ว
ทั้งๆที่เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้จักกันไม่นานเท่านั้น หลังจากที่เฉียวจื้อ พูดคำแนะนำนั้นออกมา ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือเหลวไหลไร้สาระ เขาเย่โม่เซิน จะทำพฤติกรรมหนีตามกันไปได้อย่างไร?
แต่ต่อมาเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเปลี่ยนใจกะทันหัน ก็รู้สึกว่าการกลับไปจีนกับเธอ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดี
หานมู่จื่อไม่รู้ว่าเย่โม่เซินตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากถูกเขากอดไว้ เขาก้มหน้าพิงไหล่ของตัวเองไว้ ริมฝีปากบางผ่านซอกคอของเธอโดยความตั้งใจอย่างคลุมเครือ
สุดท้ายเธอยังได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างหนัก
“ตกลงคุณ วางยาอะไรให้ฉันกันแน่?”
ทำไม เขาถึงหลงใหลเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ?
คิดไม่เข้าใจ และไม่อยากจะไปคิดให้เข้าใจ
**
หลังจากกลับถึงบริษัท หานมู่จื่อให้เย่โม่เซินปล่อยตัวเองลง ในบริเวณที่ห่างไกลจากบริษัทมาก เรื่องแบบนี้ ก็ไม่ใช่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกแล้ว เย่โม่เซินจึงจอดรถอย่างรวดเร็ว หลังจากหานมู่จื่อลงจากรถ ปิดประตูรถเรียบร้อย บอกกับเขาว่า “ไม่นานฉันก็ไปถึงบริษัท”
“อืม” เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิด “ไม่ว่าตอนนี้คุณจะหลบซ่อนยังไง ต่อไปคนอื่นๆก็จะต้องรู้อยู่ดี”
คำพูดนั้นเหมือนจะพูดอย่างง่ายดาย ฟังดูแล้วเหมือนไม่มีอะไร แต่เมื่อคิดทบทวนอย่างละเอียดแล้ว ก็จะรู้ว่าหมายถึงในคำพูดนี้ของเขา
แก้มของหานมู่จื่อแดงระเรื่อเล็กน้อย รีบเร่งเขา “คุณรีบไปเถอะ”
เย่โม่เซินจึงต้องขับรถออกไป
หลังจากที่เขาจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหานมู่จื่อก็ค่อยๆจางหายไป
เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในร้านอาหารมังสวิรัติ คำถามสุดท้ายที่เธอถามเขา เขาไม่ตอบตัวเองเลย
หานมู่จื่อส่ายหัวเบาๆ
บางทีเธออาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ เพราะเขาแค่บอกว่าข้อเสนอนั้นไม่เลว สามารถพิจารณาได้ แต่ไม่ได้บอกว่าแน่นอน
คือเธอที่โง่เอง ยังไปถามด้วยความไร้เดียงสา
หานมู่จื่อยื่นมือลูบแก้มของตัวเอง แล้วค่อยๆเดินกลับไป
ตอนที่หานมู่จื่อเกือบจะถึงบริษัท ก็เห็นร่างที่คุ้นเคยกำลังเดินเข้าไปในบริษัท
ด้านหลังของผู้หญิงคนนั้น ทั้งแปลกตา แต่ก็ดูคุ้นเคย ราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน……
“คุณตวนมู่”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้จัก ตวนมู่เสว่ดังนั้นเมื่อเห็นเธอเข้ามาในบริษัท เลยทักทายกับเธอก่อน
สายตาของตวนมู่เสว่กวาดมองไปที่พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในแววตามีความเหยียดหยาม ผู้ชายพวกนี้ ไม่มีความสามารถในตัวเองเลยสักนิด ทุกครั้งที่เห็นเธอ มักจะใช้สายตาที่รักใคร่แบบนี้เสมอ ก็ไม่ดูเลยว่า ตัวเองคู่ควรหรือเปล่า
“ฉันมาหาพี่เซิน”
เธอเรียกเย่โม่เซินอย่างสนิทสนม น้ำเสียงอ่อนระทวยมาก พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมองหน้ากันไปมา แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “รถของท่านประธานเพิ่งจะกลับมา คุณตวนมู่ไปตอนนี้ น่าจะได้เจอท่านพอดี”
ตวนมู่เสว่ ยกริมฝีปากขึ้น ยิ้มอย่างสดใส “จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้เลย พวกนาย ใครจะนำทางให้ฉันหน่อย?”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่ง ได้นำทางตวนมู่เสว่เดินเข้าไป และหานมู่จื่อซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ก็ได้มองฉากตรงหน้านี้ เก็บไว้ในสายตาทั้งหมด
ตวนมู่เสว่……
เธอมาที่บริษัทเป็นเวลานานขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้พบเธอใน บริษัท เพราะว่าการหมั้นไม่สำเร็จ เธอจึงมาหาเย่โม่เซินที่บริษัท โดยตรงหรือ?
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้เห็น ตวนมู่เสว่ หรือว่าวันนี้ไม่มีดวงอาทิตย์ จู่ๆเธอก็รู้สึกหนาวมากๆ
ยืนอยู่กับที่สักพัก หานมู่จื่อก็ได้เดินเข้าไป
หลังจากนั้นเธอก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาตวนมู่เสว่ไปที่แผนกต้อนรับ พูดอะไรบางอย่างกับแผนกต้อนรับ แผนกต้อนรับแสดงท่าทางประหลาดใจทันที จากนั้นก็พยักหน้าโค้งคำนับให้ตวนมู่เสว่ด้วยความเคารพ แล้วเดินออกจากเคาน์เตอร์ เพื่อนำทางให้กับตวนมู่เสว่
มิตรภาพระหว่างตระกูลตวนมู่และ ตระกูลยู่ฉือ ทุกคนย่อมรู้ดี ดังนั้นแม้จะรู้ว่า ตวนมู่เสว่ ไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า พวกเธอก็ยังคงไม่ขัดใจอีกฝ่าย และพาขึ้นไปโดยตรง
แผนกต้อนรับคิดว่า ครั้งที่แล้ว ตวนมู่เสว่ มาหาท่านประธาน ก็ไม่มีเรื่องอะไร ถ้าอย่างนั้น ตวนมู่เสว่ ขึ้นไปหาเขา ก็ยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้ว
ดังนั้น แผนกต้อนรับจึงนำ ตวนมู่เสว่ขึ้นลิฟต์ส่วนตัวของ
เย่โม่เซินโดยตรง
หานมู่จื่อที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ยืนอยู่ที่ประตูลิฟต์ กำลังลังเลว่า จะขึ้นไปในเวลานี้หรือไม่
ถ้าเธอขึ้นไปตอนนี้ จะต้องเผชิญหน้ากับตวนมู่เสว่อย่างแน่นอน พวกเธอเคยพบกันมาก่อน
ถ้าครั้งนี้ได้เจอหน้ากัน เธอจะต้องจำตัวเองได้แน่นอน
ก่อนที่เย่โม่เซินยังไม่ได้ความจำเสื่อม ตวนมู่เสว่ก็มีความคิดที่จะปัดขาเก้าอี้เธอ นับประสาอะไรกับตอนนี้ ที่เย่โม่เซินความจำเสื่อม?
เมื่อเห็นเธอ เธอจะต้องบอกสถานการณ์ของตัวเองกับนายท่านยู่ฉือแน่นอน คนพวกนี้…… จงใจลบเรื่องเหล่านั้นออกไป จะต้องเป็นพวกเดียวกันแน่นอน
ถ้าไม่เจอ……
เจอ…… หรือไม่เจอ
สุดท้าย หานมู่จื่อกัดฟันไว้ แล้วกดลิฟต์
เจอก็เจอ หลบหนีตลอดเวลา ก็ไม่ใช่วิธีแก้
สิ่งสำคัญที่สุดคือ เธอก็ไม่สามารถหลบหนีได้นาน ในเมื่อวันนี้ ตวนมู่เสว่ มาหาถึงที่เอง ถ้าอย่างนี้ เธอก็ไปเจอหน้าหน่อยแล้วกัน
มองจำนวนเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในลิฟต์ หัวใจของหานมู่จื่อ ก็ยิ่งสงบมากขึ้น
“คุณตวนมู่เสว่ คุณระวังหน่อย ตามฉันมาทางนี้”
แผนกต้อนรับพา ตวนมู่เสว่เดินไปทางห้องทำงานของเย่โม่เซิน
ระหว่างนั้น ได้เจอกับพี่หลินที่ออกมาจากห้องเลขา
“พี่หลิน ท่านนี้คือตวนมู่เสว่ แห่ง บริษัทตระกูลตวนมู่ เธอมาหาท่านประธานของเรา”
คนของ ตระกูลตวนมู่?
พี่หลินมองพิจารณาตวนมู่เสว่ เธอมองกลับเธออย่างหยิ่งผยอง ท่าทางเหมือนไม่มองเธออยู่ในสายตา
ทำไมช่วงนี้ถึงมีคนของ ตระกูลตวนมู่จำนวนมากขนาดนี้ มาหาท่านประธาน?
แม้ว่าในใจจะมีข้อสงสัย แต่ยังไงแล้ว ทั้งสองตระกูลใหญ่ ก็ไปมาหาสู่กัน พี่หลินก็เลยไม่ได้ขัดขวาง พยักหน้าเบาๆ “ได้ เข้าใจแล้ว เธอพาคุณตวนมู่เสว่เข้าไปเถอะ”