บทที่841 อย่ามาเรียกฉันว่าตา
ท่านพ่อบ้านเองก็แปลกใจอย่างมาก เดิมคิดว่าหล่อนรับเงินนั้นก็เพราะว่ายอมรับคำพูดนั้นของนายท่านแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าหล่อนจะ…
การพลิกผันอย่างนี้ได้ทำเอาท่านพ่อบ้านต้องรู้สึกผิดคาดขึ้นมาทันที เห็นผู้หญิงกลับกลอกตรงหน้าแล้ว ท่านพ่อบ้านก็อดไม่ได้ที่จะค่อยๆแสยะยิ้มออกมา
คิดอยู่แล้วว่าผู้หญิงที่สามารถอยู่ในสายตาของคุณชายได้จะต้องไม่ธรรมดา
เขาน่าจะเลือกที่จะเชื่อคุณชาย
สามารถทำให้คุณชายพูดออกมาได้อย่างแน่วแน่ขนาดนั้นว่าเขาจะไม่มีทางยอมปล่อยมือจากคนที่เขารักไปโดยเด็ดขาดอย่างนั้นแล้ว มีหรือที่จะมารับเงินมั่วซั่วอย่างนั้นแล้วจากไปกัน?
“คุณตา คุณตาอยากดื่มชาหรือเปล่าคะ ให้ฉันไปรินมาให้คุณตาสักแก้วมั้ยคะ?”
ยู่ฉือจินโกรธจนตวาดเสียงดังออกมา “อย่ามาเรียกฉันว่าตา!”
หานมู่จื่อกะพริบตาออกมาเล็กน้อย พร้อมเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา “ทำไมหรอคะ? คุณตาอุตส่าห์ให้เงินอั่งเปาฉันมา ถ้าฉันไม่เรียกคุณตามันจะเสียมารยาทมากเลยนะคะ”
“ฉันให้เธอรับเงินนั่นก็เพื่อให้เธอ…”
แต่ไม่รอให้ยู่ฉือจินได้เอ่ยคำพูดท่อนหลังออกมาจนจบ หานมู่จื่อก็ได้หันหลังออกไปชงชาเสียแล้ว ปล่อยให้คนที่อยู่ในห้องเลขาต้องหันไปมองหน้ากัน
ผ่านไปได้สักพัก ยู่ฉือจินมองไปยังท่านพ่อบ้าน “หล่อนไปไหน?”
ท่านพ่อบ้านกะพริบตาปริบๆออกมา นึกย้อนไปถึงบทสนทนาเมื่อสักครู่นี้ ตอบกลับออกไปอย่างไม่มั่นใจนักว่า “อาจจะ…ไปชงชาให้นายท่านล่ะมั้งครับ?”
ยู่ฉือจิน “…ชงชาอะไรกัน? คิดว่าฉันจะดื่มชาที่หล่อนชงหรือไง??”
ท่านพ่อบ้านยกมือขึ้นปิดปากแล้วกระแอมเบาๆออกมา “ผมคิดว่าเด็กคนนี้มีไหวพริบดีมากเลยทีเดียวนะครับ”
คำเยินยอของเขาทำเอาภายในใจของยู่ฉือจินอยู่ไม่สุขขึ้นมา อันที่จริงจนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดแค่เพียงต้องการให้ตวนมู่เสว่มาเป็นหลานสะใภ้ของเขาเท่านั้น จึงแค่นเสียงเอ่ยเสียงเย็นออกไป “นึกไม่ถึงเลยว่าเด็กนั่นจะแสดงความเจ้าแผนการออกมาต่อหน้าฉัน รับเงินไปแล้ว จะยังคิดจะไม่รู้จักพออีก ใต้หล้านี้ก็คงไม่มีเรื่องที่ดีไปกว่านี้แล้วล่ะ!”
น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าวอย่างมาก ท่านพ่อบ้านเองเมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อต้องมาเจอกับนายท่านยู่ฉือผู้อาวุโสผู้แสนฉลาดหลักแหลมที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในแวดวงธุรกิจมาหลายสิบปี หานมู่จื่อนั้นก็เป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนนึงเท่านั้น
แต่ในฐานะที่เป็นพ่อบ้าน เขาเองก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปมากมายนัก จำต้องถอยออกไปเงียบๆ รักษาความเงียบสงบอยู่อย่างนั้น
“หล่อนคิดจะเล่นกับฉัน หยูโป เดี๋ยวเด็กนั่นกลับมานายบอกหล่อนด้วยว่า ฉันไม่มีวันดื่มชาของหล่อน ให้หล่อนได้สำเหนียกตัวเองแล้วออกไปจากบริษัทไปเอง ไม่อย่างนั้นก็อย่ามาโทษฉันแล้วกันว่าตาเฒ่าอย่างฉันเป็นผู้ลงมือไล่หล่อนออกไปเอง”
ท่านพ่อบ้าน “…”
รู้สึกลำบากใจแต่ก็พูดออกไปไม่ได้ เขานั้นไม่ได้อยากจะทำอย่างนั้น แต่…ก็ไม่อาจทำอย่างที่ใจคิดได้
ผ่านไปได้สักพัก หานมู่จื่อก็ได้ยกชาแก้วหนึ่งกลับมา ชาแก้วนั้นได้แผ่กระจายความร้อนออกมา เธอถือชาเดินเข้าไปยังนายท่านยู่ฉือ จากนั้นก็ก้มลงวางชาแก้วนั้นลงบนโต๊ะ
“คุณตาคะ ชาแก้วนี้ฉันเพิ่งชงเสร็จ ถ้าคุณตาไม่รังเกียจก็ลองดื่มดูนะคะ”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่พอใจที่คุณตาของเย่โม่เซินได้ลบอดีตที่ผ่านมาของเธอกับเย่โม่เซินไป แล้วยังให้คนอื่นมาหมั้นกับเย่โม่เซินอีก ไม่อยากให้เธอกับเย่โม่เซินได้คบด้วยกัน
แต่ไม่ว่าจะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นญาติผู้ใหญ่ของเย่โม่เซิน อีกทั้งยังเป็นคุณตาแท้ๆ
เธอจึงหวังว่าจะสามารถได้รับความเชื่อมั่นจากเขามาได้
อีกทั้งเธอเองก็ไม่อยากให้ความรักของเธอกับเย่โม่เซินถูกต่อต้านไม่ได้รับการอวยพรไปตลอดชีวิต
ในสังคมปัจจุบันมีคู่รักหลายคู่คบกันโดยที่ผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วย ถึงขนาดที่แม้แต่คำอวยพรอย่างจริงใจก็ยังไม่มีออกมาเลยสักคำ อย่างนี้แล้วมันคงทุกข์ใจแย่
ยู่ฉือจินมองจ้องไปยังชาแก้วนั้น แค่นเสียงเย็นออกมา แม้แต่แตะก็ยังไม่เอื้อมมือออกไปแตะด้วยซ้ำ แต่เพราะวางอยู่ใกล้เสียขนาดนั้น ตรงบริเวณโต๊ะน้ำชาก็ได้มีกลิ่นชาลอยฟุ้งเข้ามาในทางเดินหายใจของเขา
เขาได้กลิ่นหอมชาที่หอมกรุ่นออกมา จนกระตุ้นความกระหายอย่างแรงของเขาขึ้นมาได้
ยู่ฉือจินเป็นผู้ที่ชื่นชอบชา
มีหลายคนรู้เรื่องนี้กันทั้งนั้น อีกทั้งหานมู่จื่อก็ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะตระเตรียม ทำได้เพียงฉกฉวยโอกาสนี้เอาไว้
“หยูโป!” ยู่ฉือจินเรียกพ่อบ้านออกมา!
ท่านพ่อบ้านหยูโปเมื่อได้สติกลับมาก็มองไปยังร่างของชายชรา จากนั้นก็มองไปยังชาแก้วนั้นเล็กน้อย เดินก้าวเข้าไปอย่างยอมรับชะตากรรม
“คุณหนูท่านนี้ ในเมื่อคุณก็ได้รับเช็คเงินไปแล้ว ก็เชิญออกไปจากบริษัทนี้ไปเถอะครับ ถือโอกาสที่ตอนนี้เรื่องมันยังไม่บานปลายใหญ่โต ถ้าออกไปก็จะรักษาศักดิ์ศรีคุณเอาไว้ได้สักหน่อย ถึงตอนนั้นจะได้ไม่…”
หานมู่จื่อส่งเสียงอืมออกมา มองไปทางยู่ฉือจิน “คุณตาจะบอกว่าวันนี้ให้เป็นวันหยุดของฉันงั้นหรอคะ?”
ยู่ฉือจิน “…”
ท่านพ่อบ้าน “…”
ผ่านไปได้สักพักนึง ยู่ฉือจินก็แค่นเสียงเย็นดังออกมา “หยูโป ไม่จำเป็นต้องไปเกรงใจ พูดเข้าประเด็นไปเลย”
พ่อบ้านหยูโปพยักหน้าอย่างแรงออกมา ก้าวออกไปก้าวนึง พร้อมเอ่ยออกไปอย่างทรงพลัง “คุณหาน นายท่านของเราก็ได้บอกแล้วว่าให้คุณรับเงินแล้วรีบออกไปบริษัทนี้และออกไปจากคุณชายแห่งตระกูลยู่ฉือของเราด้วย เงินในเช็คใบนั้นเพียงพอที่จะทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไร้กังวล แต่ถ้าคุณยังเข้ามายุ่มย่ามกับคุณชายอีก พวกเราคนตระกูลยู่ฉือก็จะใช้วิธีขั้นเด็ดขาดเพื่อทำให้คุณออกไป เมื่อถึงตอนนั้นแล้วเบาสุดก็คือเจ็บตัวเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าเป็นสถานหนัก…เกรงว่ามันอาจจะพูดลำบาก”
คำพูดประโยคนี้พูดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อมยู่ฉือจินมอง ท่านพ่อบ้านหยูโปอย่างชื่นชมเล็กน้อย พร้อมแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา
ว่ากันตามหลักแล้วพวกเขาก็ได้พูดออกไปชัดเจนเสียขนาดนี้แล้ว ถ้าหานมู่จื่อหน้าบางสักหน่อย ก็คงจะรับเงินแล้วก็ออกไป แต่เธอกลับไม่เป็นอย่างนั้น ยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอยู่ข้างๆโต๊ะ พร้อมทั้งเอ่ยเสียงหวานออกมา “ความจริงแล้วตัวฉันเองก็มีความสามารถในการหาเงินเองได้ คุณตาไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตที่เหลือต่อจากนี้แทนฉันหรอกค่ะ อีกทั้ง…เช็คใบนี้ฉันก็นึกว่าเป็นเงินอั่งเปาที่คุณตาให้ฉันเสียอีก ถ้ามันไม่ใช่อย่างนั้น งั้นฉันก็ไม่อาจรับมันเอาไว้ได้ค่ะ”
พูดจบ เธอก็เอาซองจดหมายออกมาแล้ววางกลับลงไปบนโต๊ะอีกครั้ง
ทุกคนต่างอึ้งตะลึงกันออกมา นึกไม่ถึงว่าเธอจะคืนซองนั้นกลับมา นี่ก็เท่ากับว่าเป็นการเอาเงินคืนกลับให้นายท่านยู่ฉือนั่นก็แสดงว่าเธอจะไม่ออกไปจากชีวิตยู่ฉือเซินเพียงเพราะเงินงั้นสิ?
สายตาที่ท่านพ่อบ้านหยูโปมองเธอนั้นมีความพึงพอใจอยู่หลายส่วน
แต่ใบหน้าของยู่ฉือจินนั้นกลับมืดครึ้มขึ้นมาทันที พร้อมทั้งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมว่า “นี่มันหมายความว่าอะไร? รับเงินของฉันยู่ฉือจินคนนี้ไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะยังกล้าปฏิเสธออกมาได้อีก?”
หานมู่จื่อเอ่ยพูดยิ้มๆออกไปเล็กน้อย “นอกเสียจากว่าสิ่งที่คุณตาให้มานั้นจะเป็นของขวัญที่ได้พบกัน ไม่อย่างนั้นแล้วฉันก็คงไม่อาจรับเงินนี้ได้หรอกค่ะ”
ยู่ฉือจินหรี่ตามองเธอออกมา ตั้งแต่เจอหน้ากันจนถึงตอนนี้เธอก็วางตัวดีมาโดยตลอด อีกทั้งยังไม่มีอาการหวาดกลัวเขาออกมาเลยแม้แต่น้อย ตอบโต้กลับมานิ่งๆ และยังสามารถพลิกแพลงไปได้ตามสถานการณ์
ลักษณะท่าทางอย่างนี้ ทำเอาเขาคาดไม่ถึงเลยจริงๆ
เขายู่ฉือจินเองก็ชื่นชมผู้หญิงแบบนี้เป็นอย่างมาก ดีกว่าคนจำพวกที่ว่าพอเจอปัญหาเข้าหน่อยก็ลนลานทำอะไรไม่ถูกแล้วร้องห่มร้องไห้ออกมาเป็นไหนๆ
ช่างน่าเสียดาย!
“ตอนที่เธอไปชงชาได้เปิดดูในซองแล้วหรือยัง?” ยู่ฉือจินเอ่ยถามเสียงนิ่งขรึม แต่ไม่รอให้หานมู่จื่อได้เอ่ยตอบอะไรออกมา เขาก็ได้เอ่ยออกมาอีกว่า “ไม่อยากรับเพราะเงินที่ฉันให้มันไม่เยอะพอ? งั้นเธอลองว่ามาสิ เธอต้องการเท่าไหร่? ขอเพียงแค่เธอยอมออกไปจากชีวิตหลานชายฉัน เธอต้องการเท่าไหร่ฉันก็จะให้”
เขาเอ่ยพูดออกมาอย่างใจใหญ่ใจโต ท่าทางเหมือนกับว่าจะยอมทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อหลานชายของเขา
หานมู่จื่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป “ความหมายที่ของคุณตาต้องการจะสื่อก็คือขอเพียงแค่ฉันยอมออกไปจากชีวิตของเขา ไม่ว่าฉันจะต้องการอะไรคุณตาก็ยอมงั้นหรอคะ?”
ยู่ฉือจินมองเธอไปอย่างไม่พอใจ พร้อมทั้งส่งเสียงอืมออกไปอย่างหนักแน่น
ส่วนหยูโปนั้นกลับรู้สึกเห็นท่าไม่ดีนัก ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ไม่ได้จัดการได้ง่ายๆเหมือนผู้หญิงทั่วๆไปพวกนั้น อีกทั้งสีหน้าของเธอตอนนี้….ยังทำให้รู้สึกว่าเธอไม่ได้ต้องการของพวกนั้นเลยสักนิด
และมันก็เป็นไปอย่างที่คิด เพราะคำพูดต่อมาที่ได้หลุดออกมาจากปากเธอนั้นแทบจะทำให้ทุกคนต้องเป็นลมช็อกกันไปตามๆกัน
“คุณตา ฉันต้องการไม่เยอะหรอกค่ะ แต่ในเมื่อคุณตาใจกว้างขนาดนี้ งั้นก็ยกตระกูลยู่ฉือให้ฉันก็พอค่ะ”