บทที่ 85 ให้ฉันตรวจดูสักหน่อย ก็รู้แล้วว่าเธอมันกลับกลอก
เธอกลัวว่าเย่โม่เซินจะเข้าใจผิด จึงวิ่งเข้าไปทั้งแบบนี้
นึกไม่ถึงว่าเขาจะบอกกับเย่หลิ่นหานว่า ถ้าหากเขาต้องการเธอ ก็สามารถไปหานายท่านและบอกว่าจะเอาเธอกลับไปได้เลย
คิดมาถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็โมโหจนทนไม่ไหว จึงผลักประตูเข้าไปเสียเลย
เสียงผู้หญิงดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ชายหนุ่มทั้งสามคนตกตะลึง หลังจากนั้นพวกเขาจึงหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน
เสิ่นเฉียวผลักประตูและเดินเข้าไป เธอสวมใส่ชุดสีฟ้าอ่อน ก่อนไป คนใช้ได้หยิบออกมาให้เธอเปลี่ยน เสิ่นเฉียวคิดว่าตอนนั้นตัวเองต้องมาบริษัท จึงไม่สามารถใส่ชุดนอนออกมาได้?
ดังนั้นจึงรับมา ชุดสีฟ้าอ่อนเข้ากับนิสัยเรียบๆของเธอเป็นอย่างมาก มันขลับผิวที่ขาวนวลของเธอให้งดงามยิ่งขึ้น
เพราะใบหน้าที่ขาวซีด แต่กลับไม่ถึงขั้นดูไม่ได้ ในทางกลับกัน ยังดูเหมือนความสวยของความผิดปกติทางร่างกาย
เย่โม่เซินไม่คิดว่าเธอจะมาโผล่ที่นี่ จึงรู้สึกประหลาดใจไปชั่วขณะ แต่หลังจากที่สายตามองเห็นชุดสีฟ้าอ่อนที่อยู่บนตัวเธอ สายตาของเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทันที
ผู้หญิงที่สมควรตายคนนี้!
เขาซื้อชุดไปใส่ในตู้ให้เธอตั้งมากมาย เธอไม่เคยไปสนใจมัน ถึงขนาดไปซื้อชุดใหม่มาใส่ แต่ตอนนี้……นึกไม่ถึงว่าเธอจะใส่ชุดใหม่มาให้เขาเห็น?
เหอะ เย่หลิ่นหานซื้อให้เธอละสิ?
“ น้องสะใภ้ เธอมาได้ยังไง? ” เย่หลิ่นหานเห็นเธอมาโผล่ที่นี่ จึงรีบเดินขึ้นไปหาเธอ: “ หายดีแล้วหรอ? ”
เป็นเพราะผ่านการร้องไห้มา เบ้าตาของเธอจึงยังแดงอยู่นิดหน่อย เทียบกับความเย็นชาของเย่โม่เซิน ท่าทีของเย่หลิ่นหานสามารถพูดได้ว่า เป็นความช่วยเหลือทางด้านจิตใจเลยก็ว่าได้ เธอยิ้มให้เขา และพูดเสียงเบา
“ ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ”
ภาพเหตุการณ์นี้เข้าตาของเย่โมเซิน และยิ่งกลายเป็นการยั่วเย้า เขายกมุมปากอย่างเย็นชา: “ เธอนึกว่าฉันตายไปแล้วหรอ? มานี่! ”
ได้ฟังดังนั้น เสิ่นเฉียวก็ชะงักไปทันที เธอมองไปที่เย่โม่เซิน
แต่เธอไม่ได้ขยับ เย่หลิ่นหานขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ น้องสะใภ้? ”
“ พี่ใหญ่ พี่กลับไปก่อนเถอะ ฉันไม่เป็นไร ” เสิ่นเฉียวพยักหน้าให้เขา แสดงเจตนาให้เขากลับไป เย่หลิ่นหานไม่ค่อยวางใจ “ ฉันอยู่ที่นี่แหละ? ยังสามารถพูดอธิบายให้เธอได้บ้าง ”
“ ไม่ต้องค่ะ ยิ่งอธิบาย ก็ยิ่งยุ่งยาก ”
“ ก็ได้ งั้นฉันกลับก่อนละ ”
เซียวซู่รู้สึกว่าอุณหภูมิบริเวณรอบๆต่ำไปสะจนน่าตกใจ จึงขยิบตาให้เสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียวเม้มปาก ก้าวขึ้นไปข้างหน้า และพูดอธิบายให้เย่โม่เซินฟัง
“ เย่โม่เซิน ต่อให้นายจะไม่อยากแต่งกับฉัน แต่พวกเราได้ทำการค้าขายกันไว้แล้ว นายก็ควรรักษาสัญญาที่ให้ไว้ ไม่ใช่หรอ? ”
“ รักษาสัญญา? ” เย่โม่เซินหรี่ตาลง และมองเธออย่างอันตราย ริมฝีปากบางยกขึ้น: “ เป็นคุณนายน้อยสอง เธอคิดว่าการยั่วยวนผู้ชายคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดามากเลยหรือไง? เมื่อก่อนฉันเคยบอกเธอแล้วว่า ห้ามเธอยั่วคนของตระกูลเย่? ”
ร่างของเซียวซู่ค่อยๆเคลื่อนย้ายไปข้างนอก เห็นเย่โม่เซ็นไม่มีความผิดปกติอะไรแล้ว เขาจึงรีบหนีออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
เขาไปแล้ว เสิ่นเฉียวจะได้พูดกับเย่โม่เซินได้อย่างสะดวกขึ้น
“ ใช่ นายเคยพูด แต่ฉันก็รักษาคำพูดนั้นแล้วไง ”
เย่โม่เซินหมุนรถเข็น ร่างสูงใหญ่เข้ามาใกล้เธอ ความกดอากาศก็ตามมาระรานด้วยเช่นกัน
“ นี่รักษาแล้ว? ” มือใหญ่ของเขายื่นออกมาเร็วเหมือนไฟฟ้า และจับไปที่ข้อมือเรียวของเสิ่นเฉียวอย่างแน่นหนา เสิ่นเฉียวตกใจ เธอตาโต และถูกเขาดึงเข้ามาในอ้อมกอด ไม่รอให้เธอตอบสนองกลับมา มือใหญ่ของเย่โม่เซินก็จับชายเสื้อของเธอขึ้นมา: “ เย่หลิ่นหานซื้อชุดที่อยู่บนตัวชุดนี้ให้เธอหรอ? ”
สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปทันที เธอกัดปากแน่น
“ ชุดที่ฉันซื้อให้ เธอไม่ใส่? วิ่งเต้นไปใส่ชุดที่ผู้ชายคนอื่นซื้อให้? ”
เย่โม่เซินหัวเราะอย่างเย็นชา: “ นี่คือสิ่งที่เธอเรียกว่าการรักษาสัญญาหรอ? ผู้หญิงแต่งงานครั้งที่สอง หลังหย่าล้างก็รีบหาไม้ต่อ หาไม้ต่อเจอแล้วยังไม่พอใจ ยังอยากมีเพิ่มอีกนิดหน่อย? แบบนี้ยิ่งฉวยเงินได้ง่ายขึ้นใช่ไหมละ? ”
เสิ่นเฉียวหน้าซีด: “ ฉันกับพี่ใหญ่ไม่ได้เป็นแบบที่นายคิดนะ! ”
“ พี่ใหญ่? ” เย่โม่เซินดึงชายเสื้อของเธอขึ้นสูงกว่าเดิม น้ำเสียงของเขายิ่งเหน็บแนมขึ้นไปอีก: “ เรียกได้สนิทสนมดีจัง ตอนอยู่บนเตียง เธอก็เรียกเขาแบบนี้หรอ? ”
ได้ฟังดังนั้น เสิ่นเฉียวจึงคว้าคอเสื้อของเขาไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว: “ นายอย่าใส่ร้ายคนอื่น ”
“ ตกลงว่าฉันใส่ร้ายคนอื่น หรือเป็นเธอที่กลับกลอก ให้ฉันตรวจดูสักหน่อย ก็รู้แล้วละ ”
พูดเสร็จ มือใหญ่คู่นั้นก็ล้วงเข้าไปทางชายเสื้อของเธอ ล้วงขึ้นไปจับจุดขึ้นลงบางจุด
“ อ๊ะ ปล่อยนะ! ” เสิ่นเฉียวใบหน้าร้านผ่าว ใบหูก็แดงขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่อกี้ยังคว้าคอเสื้อของเย่โม่เซินอยู่เลย ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาปัดมือของเขาแทน แต่แรงของเธอสู้แรงของเขาไม่ไหว เธอยิ่งปัด การกระทำของเย่โม่เซินก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
การกระทำบนมือของเขาเพิ่มแรงขึ้น เสิ่นเฉียวเจ็บจนส่งเสียงร้องออกมา แก้มที่เดิมทีเป็นสีขาวนวล กลับแดงเพราะเหตุนี้ ทำให้ใครเห็นก็คิดอยากจะรังแก
ดังนั้น เย่โม่เซินจึงจูบลงไปตรงๆ เขาเอียงตัวไปฉกฉวยริมฝีปากอวบของเธออย่างโหดเหี้ยม
“ อื้อ ” เสิ่นเฉียวยังต่อสู้กับเย่โม่เซินอย่างสุดกำลัง นึกไม่ถึงว่าเขาจะจูบลงมา มือข้างหนึ่งของเขาจับไปที่เอวของเธอ ทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้
จูบนี้มีรสชาติของการไร้เหตุผล เสิ่นเฉียวถูกเขาจูบจนริมฝีปากชาไปหมด บวกกับการกระทำบนมือของเขา เสิ่นเฉียวจึงรีบวางอาวุธลงอย่างรวดเร็ว ทั้งตัวของเธออ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เย่โม่เซินมือหนัก ตัวเขาเองก็รู้สึกได้เหมือนกัน
แต่เขาโกรธ โกรธที่ผู้หญิงคนนี้ยกมือมาเช็ดริมฝีปาก ตอนที่เขาเพิ่งจูบเธอเสร็จ
คิดได้ดังนั้น เย่โม่เซินจึงเก็บลิ้นของตัวเอง และพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง: “ เธอรังเกียจฉันไม่ใช่หรอ? วันนี้ฉันจะทำให้เธอรู้ ว่ารังเกียจฉันแล้วมันจะเป็นยังไง ”
พูดเสร็จ ไม่รอให้เธอตอบสนองกลับมา เย่โม่เซินก็ฉกฉวยริมฝีปากของเธออีกครั้ง เสิ่นเฉียวสูญเสียการต่อต้าน ร่างกายไร้เรี่ยวแรง
ทันใดนั้น มือใหญ่ก็ส่งอายเย็นมาหา เสิ่นเฉียวที่กำลังถูกจูบ สายตาของเธอก็ชำเลืองไปข้างล่าง พบว่าชายกระโปรงได้ถูกเย่โม่เซินเลิกขึ้นมาแล้ว เธอตกใจจนแทบจะร้องกรี๊ด
ไอ้คนเลวนี่มันจะทำอะไรกันแน่?
แต่ลมหายใจทั้งหมดในปากได้ถูกโม่เย่เซินกลืนเข้าไปจนหมดสิ้น
เขาไม่กังวลความรู้สึกของเธอเลยสักนิด การกระทำของมือกับปากรุนแรงมาก อีกทั้งยังป่าเถื่อนอีกต่างหาก
เสิ่นเฉียวกลืนเสียงที่กำลังจะส่งเสียงออกมา แต่ยังคงไม่ละทิ้งที่จะผลักเขา
เธอกัดเย่โม่เซินหนึ่งที เย่โม่เซินรู้สึกเจ็บและผลักเธอออก มุมปากของทั้งสองคนมีเลือดไหลออกมา สายตาของเย่โม่เซินดุดันขึ้น และได้ฉีกกระโปรงของเธอขาด
“ ฉันให้เธอใส่เสื้อผ้าของคนอื่นได้ ”
แควก!
กระโปรงที่เพิ่งสวมใส่ได้ขาดคามือของเขาทั้งแบบนี้ เสิ่นเฉียวเบิกตากว้าง มองคนด้านหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ เสื้อผ้าที่เขาซื้อให้ดีกว่าที่ฉันซื้อให้หรอ? ” เย่โม่เซินเหมือนคนบ้า เขาฉีกกระโปรงเสร็จ ก็ได้ฉีกเสื้อของเธอต่อ สรุปแล้วคือ เขาต้องการฉีกเสื้อผ้าที่เย่หลิ่นหานซื้อให้เธอชุดนี้ให้ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ
เขาไม่รู้เลยว่า พฤติกรรมของตัวเองตอนนี้ ได้เปิดโปงความคิดในใจของเขาไปหมดแล้ว
ตอนแรกเสิ่นเฉียวยังคงโกรธเขา ต่อมาเห็นเขาโกรธเพราะเสื้อผ้าชุดเดียว ชั่วขณะที่เธอรู้สึกว่า……เขาเหมือนกำลังหึงเธอกับเย่หลิ่นหานอยู่
คิดได้ดังนั้น เสิ่นเฉียว……
อยู่ๆก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นแล้ว